“เย่เฉินเฟิงเจ้าจะไปไหน”
ขณะที่เย่เฉินเฟิงกำลังออกจากสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิเขาก็ได้ยินเสียงเเปลก ๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
ตี้หว่านสือ ที่รอคอยเขาได้นำผู้เชี่ยวชาญสามคนจากตระกูล ตี้ มาปิดล้อม เย่เฉินเฟิง เพื่อที่ต้องการจะเเก้เเค้นเขา
“ตี้หว่านสือ…?อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีเเล้วอย่างงั้นเหรอถึงกล้าออกมาเดินเห่าเล่นอยู่เเถวนี้”
เย่เฉินเฟิง เย้ยหยัน ตี้หว่านสือ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขา รอยยิ้มอันตรายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เฉินเฟิง
“เจ้าลูกนอกคอก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ข้าสามารถที่จะหักเเขนขาของเจ้าได้ หากไม่เเล้วข้าจะไม่ขอใช้เเซ่ ตี้ จะยอมเปลี่ยนเป็นเเซ่ของเจ้า”ตี้หว่านซือ คำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างเดือดดาล
“อย่าเลยข้าไม่ต้องการพี่น้องเเก่ ๆ เช่นเจ้า”เย่เฉินเฟิงหัวเราะออกมาพร้อมกับเอามือไขว้หลังเอาไว้
“บัดซบ จะตายอยู่เเล้วยังกล้าที่จะพูดหยอกล้อข้าอีก ? เจ้าเซ่อ จะยืนบื้อหาอะไร ทำไมเจ้าไม่รีบเข้าไปหักขามันให้ข้า ทำให้มันคุกเข่ายอมก้มหัวให้ข้าซะ”ตี้หว่านสือ กล่าวสั่งคนของเขา
“คิดจะหักขาของข้า?”
เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ผู้ใช้จิตอสูรระดับเบื้องต้นขั้น 4 อย่างเยือกเย็น มุมปากของเขาปรากฏให้เห็นถึงความเย้ยหยัน
เย่เฉินเฟิง ได้ระเบิดพลังออกมาราวกับภูเขาไฟที่ปะทุพลังงานจำนวนมากได้ไหลเวียนภายในร่างกายของเขา
“ปั้ง!”
พื้นที่ใต้เท้าของเขาได้ปรากฏหลุมลึกขึ้นอย่างประหลาด
เย่เฉินเฟิงได้ยืมพลังการตอบสนองที่ทรงพลังของตนเองพร้อมกับเร่งความเร็วของร่างกายขึ้นอย่างกระทันหัน
ก่อนที่ ตี้หว่านสือ เเละ อีกสามคนจะตอบสนองได้ทัน เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าคนเหล่านี้เเล้ว
ทันใดนั้นมือขวาของเขาก็เหยียดออกพร้อมกับคว้าจับไปที่ลำคอของ ตี้หว่านสือ ด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนที่เหลือมองเห็นเพียงเเต่กระเเสลมที่พุ่งผ่านตนเองไป
พวกเขาเห็น เย่เฉินเฟิง บีบคอ ตี้หว่านสือ อยู่ในตอนนี้ สีหน้าของ ตี้หว่านสือ ย่ำเเย่อย่างมากเขาเริ่มหายใจติดขัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สารเลวเเกคิดจะทำอะไร”
เมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คน ของตระกูลตี้ เห็นว่า นายน้อยของตนเองตกอยู่ในมือของ เย่เฉินเฟิง พวกเขาต่างก็กลับมามีสติกันอีกครั้งจากนั้นก็เริ่มผสานร่างเข้ากับจิตอสูรของตนเองเเละเปิดใช้ความเเข็งเเกร่งเพื่อที่จะเเย่งชิงตัว ตี้หว่านสือ กลับมา
“อะไรพวกเจ้าต้องการเห็นเขาถูกบีบตายคามือของข้าอย่างงั้นหรือ?”
มุมปากของเย่เฉินเฟิง ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ออกเเรงบีบไปที่มือขวาของเขาทำให้ ตี้หว่านซือ หายใจติดขัดเเละพยายามดิ้นรนอย่างรุนเเรง
“ป…ปล่อยข้า”
เมื่อร่างกายของเขาถูกยกขึ้นไปบนอากาศโดย เย่เฉินเฟิง ตี้หว่านสือ พยายามใช้มือของเขาทุบไปที่เเทนของ เย่เฉินเฟิง เเละตะโกนออกมา
ในเวลานี้ ตี้หว่านสือ รู้สึกกลัวอย่างเเท้จริง เขาสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นเเละเต็มไปด้วยเจตนาเเห่งการฆ่าในดวงตาของ เย่เฉินเฟิง ทำให้หัวใจของเขาเเทบจะหล่นลงมาที่ด้านล่างทั้งหมด
“ถ้าเเกไม่อยากตายก็รีบปล่อยนายน้อยตี้ลงมาซะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำให้เเกรู้สึกเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกนี้”
ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนจากตระกูล ตี้ ได้กล่าวเตือน เย่เฉินเฟิง ด้วยสีหน้าที่มืดมน พวกเขากลัวว่าถ้าเย่เฉินเฟิงพลั้งมือฆ่า ตี้หว่านสือลงไป ท้ายที่สุดความรับผิดชอบก็จะต้องมาอยู่ที่พวกเขา
“สั่งให้พวกเขาคุกเข่าซะ”
เย่เฉินเฟิงไม่สนใจคำเตือนของทั้งสามคน เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าสีดำม่วงของ ตี้หว่านสือ พร้อมกับกล่าวออกคำสั่งกับเขา
“เวรเอ้ย พวกเเกทำไมยังไม่รีบคุกเข่าอีก”
ตี้หว่านสือ ได้พยายามรวบรวมเสียงออกมาเเละตะโกนสั่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนจากตระกู,ตี้
“อะไร ไม่ได้ยินที่นายน้อยของเเกสั่งหรือยังไง หรือว่าพวกเเกคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเขา”
เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่ทั้งสามคนที่ยังนิ่งเฉย เขาได้ออกเเรงบีบไปที่มือมากขึ้นทำให้ ตี้หว่านสือ รู้สึกราวกับว่าชีวิตของเขากำลังเเขวนอยู่บนเส้นดาย เขาพยายามดิ้นรนอยู่กลางอากาศด้วยอาการทุรนทุราย
“หยุดมือ พวกเราจะคุกเข่าเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นว่า ตี้หว่านสือ กำลังจะถูกบีบคอจนตายโดย เย่เฉินเฟิง ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนจากตระกูลตี้ ได้ขบฟันเเน่นพร้อมกับเริ่มคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความอัปยศอดสู่
“ดีมาก!”
เย่เฉินเฟิง พยักหน้าเเละจ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่หน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ”ตี้หว่านสือ คราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน หากมีครั้งต่อไป เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทำให้เจ้าตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชกว่านี้อีก”
หลังจากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ใช้มือขวาของตนเอง เหวี่ยง ตี้หว่านสือไปไกล ราวกับว่า นั่นเป็นเพียงเเค่เศษขยะไร้ค่าชิ้นนึง
ช่วงเวลาที่ เห็น ตี้หว่านสือ ถูกเหวี่ยงไปโดย เย่เฉินเฟิง ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนจากตระกูลตี้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นได้ดีดตัวขึ้นจากพื้นพร้อมกันจากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจม เย่เฉินเฟิง อย่างไม่ปราณี
“ถือว่าข้าให้โอกาสเเล้ว”
เเม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของเย่เฉินเฟิง จะไม่สูงเท่าพวกเขา เเต่ความเเข็งเเกร่งทางร่างกายของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกเขาได้อย่างสมบูรณ์
“ฮึม!”
เสียงฝ่ามือตบได้ดังลั่นไปทั่วพื้นที่เเห่งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลตี้คนเเรกที่เข้าใกล้ เย่เฉินเฟิง มากที่สุด ได้ถูกเย่เฉินเฟิงซัดตบกระเด็นจนร่างปลิวบินไปในอากาศก่อนที่จะพุ่งตกลงมาไถลไปไกลกว่า 10 เมตร
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ยื่นมือออกมาด้วยความเร็วสูงคว้าจับหมัดของอีกทั้ง 2 คน
เมื่อรู้สึกได้ถึงพละกำลังนิ้วทั้ง 5 ของ เย่เฉินเฟิง การเเสดงออกของ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนจากตระกูลตี้ก็ได้เปลี่ยนไป พวกเขาได้รีบควบคุมจิตอสูรของพวกเขาอย่างรวดเร็วเพื่ออัดเเน่นพลังวิญญาณลงไปในกำปั้นเพื่อเพิ่มพลังโจมตี
ทันใดนั้นเเสงสีขาวก็เปล่งประกายไปทั่วหมัดของทั้งสองคนเสียงคำรามของสัตว์อสูรได้ดังขึ้นก้องไปทั่วพื้นที่ เเต่เย่เฉินเฟิง หาได้สนใจ
“อ่อนเเอเกินไป”
เย่เฉินเฟิง ไม่ได้เคลื่อนไหวเเม้จะรู้สึกถึงการโจมตีของทั้งสองคน เขาใช้เเรงของนิ้วทั้ง 5 ที่มีพละกำลังมากกว่า 2,500 จิน บดขยี้กระดูกของพวกเขาโดยตรง
ความเจ็บปวดที่รุนเเรงทำให้พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาราวกับหมูโดนเชือด เดือยกระดูกสีขาวได้ทะลุออกมาจากผิวหนังของพวกเขาทีละคน
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็เหวี่ยงพวกเขาทั้งสองคนออกไป ด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว เเม้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนจะผสานร่างกับจิตอสูร เเต่พวกเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการโจมตีในครั้งนี้
“ตี้หว่านสือ ดูเหมือนข้าคงจะต้องทิ้งความทรงจำบางอย่างเพื่อเตือนสติไม่ให้ลืมไปตลอดชั่วชีวิตของเจ้า”
หลังจากทำร้ายผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนจากตระกูล ตี้ สำเร็จ เย่เฉินเฟิง ก็จ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่อยู่ไม่ไกล
ในขณะเดียวกัน ตี้หว่านสือ ก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาไม่รู้เลยว่าทำไม เย่เฉินเฟิง ถึงเเข็งเเกร่งมากขึ้นขนาดนี้ หลังจากที่ไม่ได้เห็นเขาเพียงเเค่ 2-3วัน ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความกลัวจากตัวของอีกฝ่ายเท่านั้น
“เย่เฉินเฟิง ข้าไม่ผิด คนที่ลอบโจมตีเจ้าคือพวกเขาไม่ใช่ข้า ดังนั้นหากเจ้าต้องการจะเเก้เเค้น เจ้าสมควรไปลงกับพวกเขา”ตี้หว่านสือ กล่าวออกมาอย่างไร้ยางอายหลังจากเห็น เย่เฉินเฟิง เดินเข้ามาใกล้
“งั้นเหรอ?”
เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่เดินถอยหลังออกไปอย่างหวาดกลัวก่อนที่เขาจะพูดว่า”คุกเข่าลง”
“เจ้า…”
ใบหน้าของ ตี้หว่านสือ กระตุกเล็กน้อย เมื่อจ้องมองไปที่ใบหน้าของ เย่เฉินเฟิง
“ข้าจะไม่พูดซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่งอย่าได้กล่าวโทษข้าหากข้าจะหักขาเจ้าทิ้งซะ”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ อย่างเยือกเย็น เเละ พูดด้วยเจตนาสังหาร
“ตุบ!” เสียงเข่าที่กระทบกับพื้นได้ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่นานมานี้ ตี้หว่านสือ ที่ตั้งใจที่จะจัดการ เย่เฉินเฟิง ยังหยิ่งผยองอยู่เลย เเต่มาตอนนี้ เขากลับคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าของ เย่เฉินเฟิง ด้วยความอัปยศ ความภาคภูมิใจทั้งหมดของเขาได้มลายหายไปจนหมดสิ้น
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?เขากล้าบังคับให้ ตี้หว่านสือ คุกเข่าต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร เขาไม่เกรงกลัวการเเก้เเค้นจากตระกูล ตี้ เลยงั้นเหรอ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เเต่ถ้าเขากล้าที่จะทำให้ ตี้หว่านสือ อับอายขายขี้หน้าขนาดนี้ เบื้องหลังของเขาก็คงจะเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่ง”
เมื่อคนอื่น ๆ เห็น เย่เฉินเฟิง บังคับให้ ตี้หว่านศือ คุกเข่าลง พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน
ขณะที่ ตี้หว่านสือ กำลังคุกเข่าด้วยความอัปยศ จู่ ๆ ผู้ตรวจการณ์เมืองทั้ง 4 คนก็เดินผ่านมา
มองเห็นผู้ตรวจการณ์เมืองทั้ง 4 คนจากระยะไกล ตี้หว่านสือ ราวกับเห็นประกายเเห่งความหวังในชีวิตของเขา เขาได้ตะโกนขึ้นจนสุดเเรงปอด”ช่วยข้าด้วย! หัวหน้าซู มีใครบางคนพยายามจะฆ่าข้า”
เมื่อได้ยินเสียงร้องของ ตี้หว่านสือ เย่เฉินเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่ความคิดหลายอย่างจะพวยพุ่งออกมาทะลุจิตใจของเขา…
ด้วยสถานะของตระกูลตี้ ในเมือง จักรพรรดิขาว พวกผู้ตรวจการณ์เมืองคงจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเเน่นอน ถ้าเกิดเขาถูกจับไปโดยผู้ตรวจการณ์เมืองมันก็คงจะมีปัญหาตามมาไม่น้อย
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่บังคับข้าไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจอย่างเเน่นอน”ดวงตาของ เย่เฉินเฟิง เปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่าในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่ตะโกนร้องออกมา