นิยาย Eight Desolate Sword God EDSG ตอนที่ 163 เมืองแดนหิมะ เมืองแดนหิมะตั้งอยู่ใจกลางของดินแดนหิมะทางตอนเหนือมันเป็นเมืองการค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนหิมะทางตอนเหนือแห่งนี้ ไม่เพียงแต่สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนจากทั้งสามนิกายใหญ่อย่างนิกายหุบเขาวายุคลั่ง,นิกายเพลิงผลาญฟ้าและนิกายหุบเขาวิหคอัสนีสถานที่แห่งนี้ยังมีเหล่าคนจากตระกูลโบราณมากมายมารวมตัวกัน เนื่องจากสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของดินแดนหิมะทางตอนเหนือทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจึงมีสมบัติมากมายไหลผ่านมาจากทุกช่องทางมาลงยังสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเพื่อที่จะขายอาวุธวิญญาณและสมบัติที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้เพื่อแลกเปลี่ยนผลึกวิญญาณระดับกลางเย่เฉินเฟิงจึงมาที่เมืองแดนหิมะแห่งนี้ “เป็นเมืองที่ใหญ่ที่เดียว” รอบๆกำแพงเมืองนั้นมีหิมะปกคลุมจำนวนมากมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนมีมังกรหิมะขดล้อมรอบอยู่รอบตัวเมืองจนสัมผัสได้ถึงรัศมีความกว้างใหญ่และสวยงาม “รูปแบบก่อตัว? เมืองแดนหิมะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยรูปแบบก่อตัวจำนวนมากน่าจะมาจากฝีมือของใครบางคน” ทันทีที่เย่เฉินเฟิงเดินเข้าไปในเมืองเขาก็ค้นพบว่ามีรูปแบบก่อตัวจำนวนมากวางเอาไว้ แต่เย่เฉินเฟิงก็หาได้หวาดกลัวเขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบก่อตัวจำนวนมากทั้งยังสามารถมองหาจุดอ่อนของรูปแบบก่อตัวนี้ได้อย่างง่ายดายดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในเมืองแดนหิมะแห่งนี้ และอีกอย่างเย่เฉินเฟิงยังมีการปกป้องจากดาบวิญญาณที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุดขั้น5พลังระดับนี้แม้จะเป็นจ้าวนิกายของนิกายใหญ่ทั้งสามเย่เฉินเฟิงก็ไม่หวาดกลัว นี่คือเหตุผลที่เขากล้าเดินทางมาที่นี่เพราะที่นี่คือสรวงสวรรค์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง หลังจากสอบถามคนในเมืองแล้วเย่เฉินเฟิงก็ได้รู้ว่าค้านค้าสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแดนหิมะแห่งนี้ก็คือร้านสมบัติเมฆามันเป็นหนึ่งในร้านที่มีความเกี่ยวข้องกับนิกายหุบเขาวายุคลั่ง เย่เฉินเฟิงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงจนมาถึงอาคารที่มีรูปทรงเป็นเจดีย์เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมันทันที นอกเหนือจากนี้ยังมีรูปแบบก่อตัวที่แข็งแกร่งถูกวางเอาไว้เย่เฉินเฟิงไม่สนใจมันและเดินผ่านขั้นบันไดหยกเข้าไปยังร้านค้าสมบัติเมฆาที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา “ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้ต้องการจะซื้ออะไร?” ทันทีที่เย่เฉินเฟิงเดินเข้าไปในตัวอาคารของร้านค้าสมบัติเมฆาเขาก็ถูกต้อนรับด้วยหญิงสาวแสนสาวที่มีร่างกายสูงและเย้ายวนเธอออกมาต้อนรับเย่เฉินเฟิง “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะซื้อแต่มาเพื่อต้องการขายบางอย่างไม่ทราบว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของเจ้ารับซื้อของหรือไม่?” เย่เฉินเฟิงกล่าวถามหญิงสาวคนนี้โดยไม่ไหวติง “ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการจะขายอะไร? หากเป็นสมบัติทั่วไปเกรงว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของเราจะไม่รับ?” หญิงสาวคนนี้ยังคงยิ้มกว้างและตอบกลับ “อาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ำ 13 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด 31 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับกลาง 45 ชิ้น” เย่เฉินเฟิงตอบกลับ ได้ยินคำพูดของเย่เฉินเฟิงใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่แผนกต้อนรับกลายเป็นแข็งค้างทันที แม้ว่าร้านค้าสมบัติเมฆาจะมีอาวุธวิญญาณถึงระดับปฐพี่ขั้นกลางขายแต่อาวุธวิญญาณระดับปฐพีนั้นก็ค่อนข้างหาได้ยากดังนั้นมันจึงน้อยมากที่จะเห็นคนครอบครองอาวุธวิญญาณระดับปฐพีแม้จะเป็นขั้นต่ำดตาม ดังนั้นสายตาของคนจำนวนมากเริ่มที่จะจ้องมองเย่เฉินเฟิงพวกเขาแสดงสายตาที่เห็นถึงความตั้งใจที่ไม่ดีบนใบหน้าของพวกเขา “สรุปร้านค้าสมบัติเมฆาของเจ้ารับซื้อสิ่งที่ข้าพูดไปหรือไม่?”เย่เฉินเฟิงกล่าวถามหญิงสาวแผนกต้อนรับอีกครั้งที่ตอนนี้เธอมีสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก “ฮ่าฮ่าร้านของข้าจะไม่ต้อนรับผู้ที่มีชีอเสียงมากที่สุดในดินแดนหิมะทางตอนเหนืออย่างท่านได้อย่างไร” ไม่ต้องรอให้หญิงสาวแผนกต้อนรับกล่าวตอบหญิงสาวในชุดคลุมยาวสีเขียวได้ปรากฏตัวขึ้นเธอก็คือเจ้าของร้านสมบัติเมฆาแห่งนี้หยุนลั่วเฉียว คราวนี้ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวแผนกต้อนรับที่ตกใจเพราะทุกคนที่อยู่ภายในห้องอาคารสมบัติเมฆาแห่งนี้ล้วนตกตะลึงโดยสมบูรณ์ “เป็นข้าเอง!” เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่หญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นเขากล่าวพูดอย่างเฉยเมย “เขาคือเย่เฉินเฟิงที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนหิมะทางตอนเหนือเมื่อเร็วๆนี้” “ทำไมเขาดูเด็กจัง!” “ข้าไม่รู้ว่านิกายเพลิงผลาญฟ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่หรือไม่ถ้าเกิดพวกเขารู้พวกเขาจะต้องรีบวิ่งมาที่นี่อย่างแน่นอน” “พวกเรากำลังจะเห็นฉากสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว” เมื่อรับรู้ถึงตัวตนของเย่เฉินเฟิงบรรดาคนอื่นๆต่างซุบซิบนินทากันอย่างเสียงดัง “ไม่คิดเลยว่านายน้อยเย่จะยังเยาว์วัยมากกว่าที่เขาล่ำลือกันเสียอีกมันทำให้ข้าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น”หยุนถั่วเขียวเผยให้เห็นเรือนร่างที่เซ็กซี่ของเธอพร้อมกับพูดคำหวานออกไป “เทพธิดา!” เย่เฉินเฟิงแม้ว่าเขาจะมีหัวใจที่แข็งแกร่งแต่เขาเมื่อจ้องมองสบตาของหุยนถั่วเจียวทำให้เขาตกหลุมรักในพลังเสน่ห์ของเธอหัวใจของเขาถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ที่มากมายหลายอย่าง อย่างไรก็ตามเขาก็ฟื้นกลับคืนสู่อาการูปกติเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหยุนถั่วเขียวเขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ชั้น 6 “ไม่ทราบว่าสมบัติวิญญาณที่นายน้อยเย่ต้องการจะขายเป็นของที่มาจากนิกายเพลิงผลาญฟ้าหรือไม่?” หยุนลั่วเจียวที่เห็นเย่เฉินเฟิงทำตัวปกติและไม่ได้รับผลกระทบจากเสน่ห์ของเธออีกต่อไปมันทำให้เธอไม่สามารถช่วยได้นอกจากจะกล่าวถามเขาตรงๆ “อืม,อาวุธวิญญาณระดับปฐพี่เหล่านี้เป็นข้าได้รับมาจากการฆ่าอาวุโสของนิกายเพลิงผลายฟ้าได้ยินเช่นนี้แล้วเจ้ายังจะกล้ารับซื้อมันอยู่หรือไม่?” เย่เฉินเฟิงตอบกลับตามตรงโดยไม่ปิดบัง “ถ้าหากนายน้อยเย่ประสงค์จะขายมันร้านค้าสมบัติเมฆาของข้าจะไม่กล้ารับมันได้อย่างไร” หยุนลั่วเจียวใช้น้ำเสียงที่ยั่วยวนจนผู้ชายไม่สามารถต้านทานได้ตอบกลับไป “เชิญนายน้อยเย่เข้ามาคุยข้างในก่อนเถอะ!” หลังจากนั้นหยุนถั่วเจียวก็เดินแกว่งเอวเซ็กซี่ของเธอเดินไปยังทางด้านหลังของอาคารสมบัติเมฆา เมื่อจ้องมองไปที่หยุนลั่วเจียวแล้วเย่เฉินเฟิงก็ไม่ได้ลังเลที่จะติดตามเธอไปเขาได้พบกับห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยดอกไม้สีแดงและใบไม้สีเขียวอยู่ทั่วทั้งห้อง “นายน้อยเย่รู้สึกไม่สบายใจตรงไหนหรือไม่?หรือว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของข้ายังไม่ดีพอสำหรับท่าน?” หยุนถั่วเขียวกล่าวถามพร้อมกับเทชาหอมเสริฟเย่เฉินเฟิง “ป่าวเลยที่ข้ากล้ามายังเมืองแดนหิมะแห่งนี้ก็เพราะข้ามั่นใจในความปลอดภัยของข้าและข้าหวังว่านิกายหุบเขาวายุคลั่งของเจ้าคงไม่โง่พอที่จะติดต่อนิกายเพลิงผลาญฟ้าเพื่อมาจับกุมตัวข้า” เย่เฉินเฟิงจิบชาหอมเบาๆเขาไม่ลังเลเลยที่จะพูดถึงภูมิหลังของอาคารเมฆาสมบัติ “คิคิ,นายน้อยเย่กังวลเกินไปแล้วหุบเขาวายุคลั่งของข้าคงไม่โง่เหมือนพวกนิกายเพลิงผลาญฟ้าที่คิดจะทำลายอัจฉริยะอย่างนายน้อยเย่หรอก” “ข้าไม่รู้ว่านายน้อยเย่สนใจเข้าร่วมกับนิกายหุบเขาวายุคลั่งของข้าหรือไม่หากนายน้อยเย่เข้าร่วมกับพวกเราข้ายินดีที่จะตอบรับคำขอของนายน้อยเย่ทุกอย่าง” หยุนลั่วเฉียวจ้องมองไปที่เย่เฉินเฟิงด้วยสายตาเย้ายวน “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของเจ้าแต่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมกับนิกายใดๆ” เย่เฉินเฟิงปฏิเสธอย่างไพเราะ “เอาล่ะเรามาพูดเรื่องซื้อขายกันดีกว่าข้าไม่รู้ว่าสมบัติวิญญาณที่ข้าเพิ่งเอ่ยถึงไปจะแลกเปลี่ยนเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางได้มากน้อยแค่ไหน?” เย่เฉินเฟิงได้นำอาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ำ 13 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด31ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับกลาง 45 ชิ้นออกมาจากถุงจักรวาลของเขา หยุนถั่วเจียวเองก็ไม่ได้เซ้าซี่เย่เฉินเฟิงเธอได้จ้องมองไปที่สมบัติวิญญาณจำนวนมากที่เบื้องหน้าของเธอ “นายน้อยเย่ท่านต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางทั้งหมด?” “อม,ข้าต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางทั้งหมดไม่ทราบว่าอาวุธวิญญาณทั้งหมดนี้สามารถแลกผลึกวิญญาณระดับกลางได้ทั้งหมดกี่ก้อน?”เย่เฉินเฟิงกล่าวถาม “ผลึกวิญญาณระดับกลางที่ร้านค้าสมบัติเมฆาแห่งนี้มีอยู่ค่อนข้างจำกัดข้าสามารถให้ได้เต็มที่แค่ 80,000 ก้อนสำหรับส่วนต่างที่เหลือข้ามีข่าวมาขายท่านไม่ทราบว่าท่านสนใจการแลกเปลี่ยนหรือไม่?” “ข่าวอะไร?” เย่เฉินเฟิงกล่าวถามอย่างเยือกเย็น “ข่าวเกี่ยวกับฟูเหยาเยว!” ริมฝีปากสีแดงอ่อนของหยุนลั่วเฉียวได้ขยับพูดออกมาเพียงเล็กน้อย
นิยาย Eight Desolate Sword God
EDSG ตอนที่ 163 เมืองแดนหิมะ
เมืองแดนหิมะตั้งอยู่ใจกลางของดินแดนหิมะทางตอนเหนือมันเป็นเมืองการค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนหิมะทางตอนเหนือแห่งนี้
ไม่เพียงแต่สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนจากทั้งสามนิกายใหญ่อย่างนิกายหุบเขาวายุคลั่ง,นิกายเพลิงผลาญฟ้าและนิกายหุบเขาวิหคอัสนีสถานที่แห่งนี้ยังมีเหล่าคนจากตระกูลโบราณมากมายมารวมตัวกัน
เนื่องจากสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของดินแดนหิมะทางตอนเหนือทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจึงมีสมบัติมากมายไหลผ่านมาจากทุกช่องทางมาลงยังสถานที่แห่งนี้
ดังนั้นเพื่อที่จะขายอาวุธวิญญาณและสมบัติที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้เพื่อแลกเปลี่ยนผลึกวิญญาณระดับกลางเย่เฉินเฟิงจึงมาที่เมืองแดนหิมะแห่งนี้
“เป็นเมืองที่ใหญ่ที่เดียว”
รอบๆกำแพงเมืองนั้นมีหิมะปกคลุมจำนวนมากมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนมีมังกรหิมะขดล้อมรอบอยู่รอบตัวเมืองจนสัมผัสได้ถึงรัศมีความกว้างใหญ่และสวยงาม
“รูปแบบก่อตัว? เมืองแดนหิมะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยรูปแบบก่อตัวจำนวนมากน่าจะมาจากฝีมือของใครบางคน”
ทันทีที่เย่เฉินเฟิงเดินเข้าไปในเมืองเขาก็ค้นพบว่ามีรูปแบบก่อตัวจำนวนมากวางเอาไว้
แต่เย่เฉินเฟิงก็หาได้หวาดกลัวเขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบก่อตัวจำนวนมากทั้งยังสามารถมองหาจุดอ่อนของรูปแบบก่อตัวนี้ได้อย่างง่ายดายดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในเมืองแดนหิมะแห่งนี้
และอีกอย่างเย่เฉินเฟิงยังมีการปกป้องจากดาบวิญญาณที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุดขั้น5พลังระดับนี้แม้จะเป็นจ้าวนิกายของนิกายใหญ่ทั้งสามเย่เฉินเฟิงก็ไม่หวาดกลัว
นี่คือเหตุผลที่เขากล้าเดินทางมาที่นี่เพราะที่นี่คือสรวงสวรรค์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง
หลังจากสอบถามคนในเมืองแล้วเย่เฉินเฟิงก็ได้รู้ว่าค้านค้าสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแดนหิมะแห่งนี้ก็คือร้านสมบัติเมฆามันเป็นหนึ่งในร้านที่มีความเกี่ยวข้องกับนิกายหุบเขาวายุคลั่ง
เย่เฉินเฟิงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงจนมาถึงอาคารที่มีรูปทรงเป็นเจดีย์เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมันทันที
นอกเหนือจากนี้ยังมีรูปแบบก่อตัวที่แข็งแกร่งถูกวางเอาไว้เย่เฉินเฟิงไม่สนใจมันและเดินผ่านขั้นบันไดหยกเข้าไปยังร้านค้าสมบัติเมฆาที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา
“ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้ต้องการจะซื้ออะไร?”
ทันทีที่เย่เฉินเฟิงเดินเข้าไปในตัวอาคารของร้านค้าสมบัติเมฆาเขาก็ถูกต้อนรับด้วยหญิงสาวแสนสาวที่มีร่างกายสูงและเย้ายวนเธอออกมาต้อนรับเย่เฉินเฟิง
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะซื้อแต่มาเพื่อต้องการขายบางอย่างไม่ทราบว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของเจ้ารับซื้อของหรือไม่?” เย่เฉินเฟิงกล่าวถามหญิงสาวคนนี้โดยไม่ไหวติง
“ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการจะขายอะไร? หากเป็นสมบัติทั่วไปเกรงว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของเราจะไม่รับ?” หญิงสาวคนนี้ยังคงยิ้มกว้างและตอบกลับ
“อาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ำ 13 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด 31 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับกลาง 45 ชิ้น” เย่เฉินเฟิงตอบกลับ
ได้ยินคำพูดของเย่เฉินเฟิงใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่แผนกต้อนรับกลายเป็นแข็งค้างทันที
แม้ว่าร้านค้าสมบัติเมฆาจะมีอาวุธวิญญาณถึงระดับปฐพี่ขั้นกลางขายแต่อาวุธวิญญาณระดับปฐพีนั้นก็ค่อนข้างหาได้ยากดังนั้นมันจึงน้อยมากที่จะเห็นคนครอบครองอาวุธวิญญาณระดับปฐพีแม้จะเป็นขั้นต่ำดตาม
ดังนั้นสายตาของคนจำนวนมากเริ่มที่จะจ้องมองเย่เฉินเฟิงพวกเขาแสดงสายตาที่เห็นถึงความตั้งใจที่ไม่ดีบนใบหน้าของพวกเขา
“สรุปร้านค้าสมบัติเมฆาของเจ้ารับซื้อสิ่งที่ข้าพูดไปหรือไม่?”เย่เฉินเฟิงกล่าวถามหญิงสาวแผนกต้อนรับอีกครั้งที่ตอนนี้เธอมีสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก
“ฮ่าฮ่าร้านของข้าจะไม่ต้อนรับผู้ที่มีชีอเสียงมากที่สุดในดินแดนหิมะทางตอนเหนืออย่างท่านได้อย่างไร”
ไม่ต้องรอให้หญิงสาวแผนกต้อนรับกล่าวตอบหญิงสาวในชุดคลุมยาวสีเขียวได้ปรากฏตัวขึ้นเธอก็คือเจ้าของร้านสมบัติเมฆาแห่งนี้หยุนลั่วเฉียว
คราวนี้ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวแผนกต้อนรับที่ตกใจเพราะทุกคนที่อยู่ภายในห้องอาคารสมบัติเมฆาแห่งนี้ล้วนตกตะลึงโดยสมบูรณ์
“เป็นข้าเอง!”
เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่หญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นเขากล่าวพูดอย่างเฉยเมย
“เขาคือเย่เฉินเฟิงที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนหิมะทางตอนเหนือเมื่อเร็วๆนี้”
“ทำไมเขาดูเด็กจัง!”
“ข้าไม่รู้ว่านิกายเพลิงผลาญฟ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่หรือไม่ถ้าเกิดพวกเขารู้พวกเขาจะต้องรีบวิ่งมาที่นี่อย่างแน่นอน”
“พวกเรากำลังจะเห็นฉากสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว”
เมื่อรับรู้ถึงตัวตนของเย่เฉินเฟิงบรรดาคนอื่นๆต่างซุบซิบนินทากันอย่างเสียงดัง
“ไม่คิดเลยว่านายน้อยเย่จะยังเยาว์วัยมากกว่าที่เขาล่ำลือกันเสียอีกมันทำให้ข้าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น”หยุนถั่วเขียวเผยให้เห็นเรือนร่างที่เซ็กซี่ของเธอพร้อมกับพูดคำหวานออกไป
“เทพธิดา!”
เย่เฉินเฟิงแม้ว่าเขาจะมีหัวใจที่แข็งแกร่งแต่เขาเมื่อจ้องมองสบตาของหุยนถั่วเจียวทำให้เขาตกหลุมรักในพลังเสน่ห์ของเธอหัวใจของเขาถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ที่มากมายหลายอย่าง
อย่างไรก็ตามเขาก็ฟื้นกลับคืนสู่อาการูปกติเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหยุนถั่วเขียวเขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ชั้น 6
“ไม่ทราบว่าสมบัติวิญญาณที่นายน้อยเย่ต้องการจะขายเป็นของที่มาจากนิกายเพลิงผลาญฟ้าหรือไม่?”
หยุนลั่วเจียวที่เห็นเย่เฉินเฟิงทำตัวปกติและไม่ได้รับผลกระทบจากเสน่ห์ของเธออีกต่อไปมันทำให้เธอไม่สามารถช่วยได้นอกจากจะกล่าวถามเขาตรงๆ
“อืม,อาวุธวิญญาณระดับปฐพี่เหล่านี้เป็นข้าได้รับมาจากการฆ่าอาวุโสของนิกายเพลิงผลายฟ้าได้ยินเช่นนี้แล้วเจ้ายังจะกล้ารับซื้อมันอยู่หรือไม่?” เย่เฉินเฟิงตอบกลับตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“ถ้าหากนายน้อยเย่ประสงค์จะขายมันร้านค้าสมบัติเมฆาของข้าจะไม่กล้ารับมันได้อย่างไร” หยุนลั่วเจียวใช้น้ำเสียงที่ยั่วยวนจนผู้ชายไม่สามารถต้านทานได้ตอบกลับไป
“เชิญนายน้อยเย่เข้ามาคุยข้างในก่อนเถอะ!”
หลังจากนั้นหยุนถั่วเจียวก็เดินแกว่งเอวเซ็กซี่ของเธอเดินไปยังทางด้านหลังของอาคารสมบัติเมฆา
เมื่อจ้องมองไปที่หยุนลั่วเจียวแล้วเย่เฉินเฟิงก็ไม่ได้ลังเลที่จะติดตามเธอไปเขาได้พบกับห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยดอกไม้สีแดงและใบไม้สีเขียวอยู่ทั่วทั้งห้อง
“นายน้อยเย่รู้สึกไม่สบายใจตรงไหนหรือไม่?หรือว่าร้านค้าสมบัติเมฆาของข้ายังไม่ดีพอสำหรับท่าน?” หยุนถั่วเขียวกล่าวถามพร้อมกับเทชาหอมเสริฟเย่เฉินเฟิง
“ป่าวเลยที่ข้ากล้ามายังเมืองแดนหิมะแห่งนี้ก็เพราะข้ามั่นใจในความปลอดภัยของข้าและข้าหวังว่านิกายหุบเขาวายุคลั่งของเจ้าคงไม่โง่พอที่จะติดต่อนิกายเพลิงผลาญฟ้าเพื่อมาจับกุมตัวข้า”
เย่เฉินเฟิงจิบชาหอมเบาๆเขาไม่ลังเลเลยที่จะพูดถึงภูมิหลังของอาคารเมฆาสมบัติ
“คิคิ,นายน้อยเย่กังวลเกินไปแล้วหุบเขาวายุคลั่งของข้าคงไม่โง่เหมือนพวกนิกายเพลิงผลาญฟ้าที่คิดจะทำลายอัจฉริยะอย่างนายน้อยเย่หรอก”
“ข้าไม่รู้ว่านายน้อยเย่สนใจเข้าร่วมกับนิกายหุบเขาวายุคลั่งของข้าหรือไม่หากนายน้อยเย่เข้าร่วมกับพวกเราข้ายินดีที่จะตอบรับคำขอของนายน้อยเย่ทุกอย่าง” หยุนลั่วเฉียวจ้องมองไปที่เย่เฉินเฟิงด้วยสายตาเย้ายวน
“ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของเจ้าแต่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมกับนิกายใดๆ” เย่เฉินเฟิงปฏิเสธอย่างไพเราะ “เอาล่ะเรามาพูดเรื่องซื้อขายกันดีกว่าข้าไม่รู้ว่าสมบัติวิญญาณที่ข้าเพิ่งเอ่ยถึงไปจะแลกเปลี่ยนเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางได้มากน้อยแค่ไหน?”
เย่เฉินเฟิงได้นำอาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ำ 13 ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับสูงสุด31ชิ้น,อาวุธวิญญาณระดับกลาง 45 ชิ้นออกมาจากถุงจักรวาลของเขา
หยุนถั่วเจียวเองก็ไม่ได้เซ้าซี่เย่เฉินเฟิงเธอได้จ้องมองไปที่สมบัติวิญญาณจำนวนมากที่เบื้องหน้าของเธอ
“นายน้อยเย่ท่านต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางทั้งหมด?”
“อม,ข้าต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางทั้งหมดไม่ทราบว่าอาวุธวิญญาณทั้งหมดนี้สามารถแลกผลึกวิญญาณระดับกลางได้ทั้งหมดกี่ก้อน?”เย่เฉินเฟิงกล่าวถาม
“ผลึกวิญญาณระดับกลางที่ร้านค้าสมบัติเมฆาแห่งนี้มีอยู่ค่อนข้างจำกัดข้าสามารถให้ได้เต็มที่แค่ 80,000 ก้อนสำหรับส่วนต่างที่เหลือข้ามีข่าวมาขายท่านไม่ทราบว่าท่านสนใจการแลกเปลี่ยนหรือไม่?”
“ข่าวอะไร?” เย่เฉินเฟิงกล่าวถามอย่างเยือกเย็น
“ข่าวเกี่ยวกับฟูเหยาเยว!”
ริมฝีปากสีแดงอ่อนของหยุนลั่วเฉียวได้ขยับพูดออกมาเพียงเล็กน้อย