อืม
“ไม่นานหลังจาก เย่เฉินเฟิง จากไป เฉียวจิงหยวน ก็ฟื้นคืนสติกลับมา
ทันทีที่เธอลืมตาตื่นขึ้นเธอก็เกร็งไปทั่วทั้งร่างทันที ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเซียวร่างกายของเธอขดตัวเป็นลูกบอลน้ำตาจำนวนมากไม่อาจหักห้ามไม่ให้ไหลออกมาจากมุมตาของเธอได้
“เอ๊ะ…เสื้อผ้าพวกนี้ หรือว่าข้าไม่ได้ถูกล่วงเกิน?”
ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบร่างกายของตนเอง เธอก็พบว่าตนเองได้สวมใส่เสื้อผ้าเเปลกตาทั้งยังไม่มีร่องรอยของอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ
“เป็นเขาที่ช่วยข้าเอาไว้”
ขณะเดียวกัน เฉียวจิงหยวน จู่ ๆ ก็นึกถึงฉากที่ เย่เฉินเฟิง ปรากฏตัวขึ้นราวกับเทพเจ้าเเละโจมตีชายชุดดำ ร่องรอยเเห่งความหวังยังคงตราตรึงใจของเธอในตอนนั้น
“ขอบคุณพระเจ้า ข้าไม่ได้ถูกย่ำยีโดยไอ้โจรชั่วนั่น เขาปรากฏตัวขึ้นเเละช่วยเหลือข้าไว้จริง ๆ”
หลังจากยืนยันได้ว่าร่างกายของเธอยังบริสุทธิ์ปลอดภัย เฉียวจิงหยวน หลั่งน้ำตาเเห่งความสุขออกมา ในใจของเธอรู้สึกขอบคุณ เย่เฉินเฟิงอย่างมากที่ช่วยเธอให้หลุดพ้นจากอุ้งมือมาร
“เเต่ใครกันที่ช่วยข้าเอาไว้ ใบหน้าของเขาไม่คุ้นเคย เเต่มันกลับให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกเราเคยพบกันมาก่อน”
“หรือว่าจะเป็นเขา”
เมื่อคิดว่า เย่เฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือเธอ เฉียวจิงหยวน สบัดความคิดนี้ทันที”มันเป็นไปไม่ได้ เขาเป็นเเค่ขยะที่ไม่สามารถปลุกจิตอสูรขึ้นมาได้ เขาจะมีความสามารถมากขนาดช่วยเหลือข้าได้อย่างไร”
…
เพราะเย่เฉินเฟิงได้ปลอมตัวช่วยเหลือ เฉียวจิงหยวน เธอจึงจำเขาไม่ได้ หลังจากช่วยเหลือ เฉียวจิงหยวน เสร็จ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้ออกจากเทือกเขาเมฆขาว เเต่เลือกเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาใกล้สระน้ำที่เงียบสงบ
“สถานที่เเห่งนี้ไม่เลวเลยเหมาะสำหรับปรับเเต่งโอสถเพลิงผลาญที่นี่”
เย่เฉินเฟิง ได้นั่งลงในสระน้ำเขาหยิบขวดเก็บโอสถเพลิงผลาญออกมาก่อนที่จะถอดจุกขวดใสที่เป็นพาชนะสำหรับเก็บโอสถเพลิงผลาญ
เย่เฉินเฟิง สูดลมหายใจเข้าลึก เขารับรู้ได้ถึงความร้อนจากโอสถเพลิงผลาญ เขาได้ปรับพลังงานฉีภายในร่างกายของตนเองก่อนที่จะกลืนเม็ดยาลงไป
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งนาที เย่เฉินเฟิง ก็สัมผัสได้ว่าท้องน้อยของเขาได้เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ พลังงานความร้อนจากเม็ดยาได้ปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ จากนั้นมันก็เริ่มซึ่มเข้าไปในอวัยวะภายในกล้ามเนื้อเเละอื่น ๆ
เย่เฉินเฟิง รู้สึกราวกับตกอยู่ท่ามกลางกองไฟ พลังงานเผาไหม้ได้เเผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเขา เหมือนกำลังถูกไฟไหม้อยู่ ความเจ็บปวดจำนวนมากทำให้กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังสั่น
หากไม่ใช่เพราะพลังความเย็นของน้ำที่ช่วยเหลือในการปิดกั้นส่วนหนึ่งของเพลิงที่โหมกระหน่ำในร่างกายของ เย่เฉินเฟิง เขาไม่มีทางที่จะทนความเจ็บปวดแบบนี้ได้
เเต่เพราะเย่เฉินเฟิงได้เคยเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนเเห่งชีวิตที่ทำให้ชีวิตของเขาตกต่ำมาเเล้ว ดังนั้นความมุ่งมั่นของ เย่เฉินเฟิง จึงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ยอมเเพ้ อย่างไรก็ตามกระบวนการดูดซับพลังของตัวยานั้นก็รุนเเรงมากเกินไปมันเกือบทำให้เขาหมดสติลง
โลหิตสีดำได้ถูกขับออกมากมายจากรูขุมขนของเขาในขณะที่เซลล์ภายในร่างกายของเขาก็เริ่มบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ความร้อนจำนวนมากได้ไหลออกผ่านร่างกายของ เย่เฉินเฟิง เมื่อมันกระทบกับความเย็นของน้ำทำให้รอบตัวของเขาเกิดเป็นไอหมอกควันจำนวนมากบนผิวกระน้ำ
“อดทนไว้! หากอดทนความเจ็บปวดนี่ได้ข้าก็จะประสบความสำเร็จในอนาคต”
เย่เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก เเละ พยายามเร่งการไหลเวียนของพลังฉี เส้นชีพจรทั้ง 6 ของเขา ได้ถูกควบคุมหลอมรวมเข้ากับเซลล์ทางกายภาพของตนเอง
หนึ่งชั่วโมงสองชั่วโมง…
เป็นระยะเวลามากกว่า 3 ชั่วโมง เซลล์ในร่างกายของ เย่เฉินเฟิง ได้ขัดเกลาสิ่งสกปรกออกมา จากนั้นร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นเหม็นที่มาจากสิ่งปนเปื้อนเหล่านั้น
“ทักษะเเบ่งเบาร่างกายขั้นที่ 2 ปรับเเต่งกล้ามเนื้อ”
เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนเเปลงภายในร่างกาย เย่เฉินเฟิง ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขายังคงอดทนต่อความเจ็บปวดภายในร่างกายอย่างช้า ๆ จนในที่สุดเขาก็เปลี่ยนเเปลงร่างกายเสร็จสิ้น
ฤทธิ์ของโอสถเพลิงผลาญภายในร่างกายของเขาค่อย ๆ เริ่มหมดไป เซลล์ในร่างกายของ เย่เฉินเฟิงมีความยาว
มากกว่าสองเท่า สิ่งสกปรกจำนวนมากได้ถูกขับออกจากร่างกายของเขา
ดังนั้นในเวลานี้ร่างกายของเย่เฉินเฟิงถึงเเม้จะอ่อนเเอมาก เเต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความสุข เกี่ยวกับความเเข็งเเกร่งทางร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้น ช่องว่างขนาดใหญ่ของเวทีความสำเร็จ เขากำลังขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่คาดคิดเลยว่า ข้าจะสามารถยกระดับการปรับเเต่งร่างกายจนไปถึงขั้น ปรับเเต่งกล้ามเนื้อ ได้เร็วขนาดนี้”เย่เฉินเฟิง พึมพัมกับตนเองเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนเเปลงภายในร่างกาย
เขารู้สึกมีความหวังมากขึ้น ตราบใดที่เขามีทรัพยากรบ่มเพาะพลังที่เพียงพอเขามั่นใจว่าเขาจะสามารถฝึกฝนยกระดับความเเข็งเเกร่งของร่างกายไปจนถึงระดับสูงสุดได้
เย่เฉินเฟิงได้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ติดบนร่างกายก่อนที่จะลุกออกจากสระน้ำ เขาได้เดินไปที่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงนับ 10 เมตร ตอนนี้เขาต้องการทดสอบความเเข็งเเกร่งของตนเอง
“ฮะ!”
เย่เฉินเฟิง คำรามออกมากล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขาเปล่งเสียงดังจากนั้นพละกำลังอันมหาศาลก็ได้ถูกถ่ายเทลงไปบนกำปั้นของเขา ก่อนที่เขาจะชกออกไปที่ลำต้นของต้นไม้โบราณ
ด้วยเสียง ‘ปั้ง’ ต้นไม้โบราณไม่สามารถต้านทานพละกำลังกำปั้นของ เย่เฉินเฟิง ได้ รอยปริเเตกจำนวนมากได้กระจายอยู่บนพื้นผิวหนาของลำต้น
เมื่อรอยร้าวเเพร่กระจายออกไปตัวต้นไม้ที่สูงนับ 10 เมตร ท้ายที่สุดก็เริ่มปริเเตกเเละหักลงในที่สุด ต้นไม้ที่มีความสูงนับ 10 เมตรได้ร่วงหล่นลงมาสั่นสะเทือนพื้นอย่างรุนเเรง
“ความเเข็งเเกร่ง 2,500 จิน ด้วยความเเข็งเเกร่งในปัจจุบันของข้า ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถต่อสู้กับ กับผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 1 ได้หรือไม่?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนเเปลงของพละกำลังทางกายที่เพิ่มมากขึ้น เย่เฉินเฟิง เปิดเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ ตอนนี้เขาสามารถจัดการ ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้น 6 ได้ด้วยความเเข็งเเกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว กระทั่งอาจจะสามารถเทียบเคียงได้กับผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 1
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้ใช้จิตอสูรเลื่อนระดับกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญ ความเปลี่ยนเเปลงของทักษะทางวิญญาณก็น่ากลัวมากขึ้น หากเขาต้องการจะเอาชนะผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญ คงเป็นไปได้ยากมาก
เนื่องจากการพัฒนาพลังทางศักยภาพของเขาไม่มีทางพัฒนาได้ต่อในระยะเวลาอันสั้น เย่เฉินเฟิง จึงตัดสินใจที่จะลองบุกฝ่าระดับขั้นพลังเพื่อเลื่อนเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้น 3
เมื่อเทียบกับการฝึกฝนทางร่างกายเเล้ว เย่เฉินเฟิงสามารถที่จะพัฒนาพลังวิญญาณของเขาได้รวดเร็วกว่าด้วยทักษะกลืนวิญญาณของเขา
ตอนนี้พลังวิญญาณของเย่เฉินเฟิงได้อัดเเน่นไปทั่วจิตอสูรไข่โลหิตของเขา เเต่ถึงอย่างนั้นมันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงด่านขั้นพลังได้
ดังนั้นเย่เฉินเฟิงจึงหยิบผลึกวิญญาณออกมาเขาได้ดูดซับพลังจากผลึกวิญญาณโดยโคจรทักษะกลืนวิญญาณเพื่อดูดซับโดยตรง
หลังจากที่ผลึกวิญญาณชิ้นสุดท้ายได้มอดดับไป รอยเเตกจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนจิตอสูรไข่โลหิตของเขา
จากนั้นพลังวิญญาณอันมหาศาลก็ได้พุ่งทะลักออกมาจากไข่โลหิตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของ เย่เฉินเฟิง ทำให้พลังวิญญาณภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นทีละน้อย เขาได้ตัดผ่านคอขวดเเละทะลวงด่านเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้น 3 ในที่สุด
เพียงวันเดียว เย่เฉินเฟิง ก็สามารถยกระดับพลังขั้น 2 เป็นขั้น 3 ได้ ความเร็วการบ่มเพาะพลังในระดับนี้ อยู่เหนือกว่าที่อาณาจักรซือจินจะจินตนาการได้
นี่เป็นข้อพิสูจน์เเล้วว่าทักษะกลืนวิญญาณของเขาล้ำค่ามากเพียงใด
“ได้เวลาที่จะกลับไปเเล้ว”
เย่เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก เเละ ยืนขึ้นข้างสระน้ำ เขาเหยียดร่างกายออกก่อนที่จะตัดสินใจออกจากส่วนลึกของเทือกเขาเมฆขาว เนื่องเพราะมันเป็นเวลาช่วงเย็นเเล้ว
เช่นเดียวกับที่ เย่เฉินเฟิง กำลังกลับไปที่ เมืองจักรพรรดิขาว คนที่เขาไม่คาดคิดก็มาถึงเมืองจักรพรรดิขาวเช่นเดียวกัน