“ฮ่าๆๆ พี่ชายจีเป็นคุณจริงด้วย!”
เมื่อมองดูจีเย่ผู้ที่หันหัวของเขา เจ้าอ้วนก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาซึ่งทำให้ตาของเขาเหล่
เขาสวมชุดเกราะที่พองเล็กน้อยซึ่งสามารถปกปิดร่างกายส่วนบยของเขาได้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอักษรรูนสีน้ำเงินที่แปลกประหลากซึ่งแตกต่างจากของลัทธิเต๋า
“น้องจู นายออกมาจากห้องนี้ใช่มั้ย?”
จีเย่มองไปที่ ‘จูมู่’ ผู้ที่เดินออกมาจากห้องข้างๆ ด้วยสายตาประหลาดใจ
เขาเคยพบ ‘เพื่อนบ้านตัวอ้วน’ คนนี้ในเมืองหยางสามครั้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับทั้งสองที่จะ ‘ออกจากระบบ’ ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยของเจ้าอ้วนจู ไม่ต้องพูดถึงการกินข้าวด้วยกัน แม้ว่าพวกเขาจะเคยพบกันแค่ครั้งเดียว เขาก็จะทักทายด้วยความยินดีหากพวกเขาพบกันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
จีเย่รู้สึกไม่อยากเชื่อที่ตระหนักว่าเขาและเจ้าอ้วนจูจะกลายเป็น ‘เพื่อนบ้าน’ กันอีกครั้งในเมืองแห่งมนุษย์แห่งนี้
แต่นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ตามที่บริกรกล่าว แม้ว่าคนจากอารยธรรมเดียวกันจะไม่จำเป็นต้องปรากฏในเมืองแห่งมนุษย์เดียวกัน แต่คนที่มีการเชื่อมต่อทางสังคมและภูมิภาคเดียวกันก็จะมีโอกาสสูงที่จะถูกกำหนดให้เข้าเมืองแห่งมนุษย์เดียวกัน
อันที่จริงมีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้เล่นเมืองหยางทุกคนจะปรากฏใน ‘ร้านอาหารสามพัน’ แห่งนี้หลังจากที่พวกเขาเข้าเมืองแห่งมนุษย์รอบแรก
“เพื่อนของนายเหรอ?”
เสียงที่ฟังดูเย็นชาดังขึ้นมา
ข้างเจ้าอ้วนจูคือหญิงสาวที่มีผมสีแดงแปลกๆ และมีสีหน้าที่ไม่แยแส เธอมีแผลเป็นที่ดวงตาของเธอ ส่วนที่เอวของเธอมีกรีชสีแดงค่อนข้างใหญ่สองเล่ม
“เจ้าอ้วน นายโชคดีเรื่องผู้หญิงนะ…”
หากจีเย่มีนิสัยเหมือนเจ้าอ้วนจู บางทีในตอนนี้เขาอาจขยิบตาให้เจ้าอ้วนจูในแบบที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ
อย่างไรก็ตามจีเย่ไม่ได้แสดงความไม่สุภาพด้วยนิสัยของเขา ในทางกลับกันดวงตาของเขากลับเย็นชาเล็กน้อย
อันที่จริงมันไม่ใช่แค่เขา หลู่จือเซนิก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่เขาเดินออกมาจากห้อง
“ใช่แล้ว เธอเป็นเพื่อนของฉัน ท่านให้ฉันแนะนำ…”
หน้าผากของเจ้าอ้วนจูเต็มไปด้วยเหงื่อในขณะที่เขาหันกลับไปกล่าว
“ไม่จำเป็น ฉันจะไปที่ห้องโถงแลกเปลี่ยนก่อน นายสามารถอยู่คุยต่อได้”
หญิงสามผมสีแดงส่ายหัวและตอบเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับไปและจากไปพร้อมกับผู้ดูแลที่สวมชุดสีน้ำเงินเช่นกัน
“อะแฮ่ม… พี่ชายจี ฉันหวังว่าคุณจะไม่คิดมาก…”
เจ้าอ้วนจูหันกลับมาด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
“ไม่เป็นไร!”
จีเย่ส่ายหัวของเขา
ไม่ใช่ถิ่นฐานมนุษย์ทั้งหมดจะถูกปกครองโดยผู้เล่น
วีรบุรุษนั้นทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาจึงมีความภาคภูมิใจ วีรบุรุษบางคนยังต้องการรักษาอำนาจสำหรับตัวพวกเขา
แม้ว่าผู้เล่นจะมีข้อได้เปรียบของการเป็นผู้ถูกเลือก แต่เอกลักษณ์นี้ใช้ได้กับถิ่นฐานที่มีชนพื้นเมืองที่ ‘โง่เขลา’ มากเท่านั้น
ในถิ่นฐานยุคใหม่และทันสมัยบางแห่ง ผู้ถูกเลือกบางคนแม้กระทั่งถูกผ่าและถูกศึกษาโดยชนพื้นเมืองที่บ้าคลั่งบางคน
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าถิ่นฐานจะต้องพึ่งพาเครื่องบูชายัญของผู้ถูกเลือก แต่ผู้ถูกเลือกเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำเรื่องนี้ได้
“ท่านหัวหน้า ความแข็งแกร่งของหญิงสาวคนนี้น่าสงสัยมาก จากอาวุธในมือและท่าเดินของเธอ เธอน่าจะเก่งกาจในการลอบสังหาร จิตสังหารที่เธอปล่ยออกมานั้นน่าประหลาดใจมาก!”
หลังจากหญิงสาวผมสีแดงออกไป หลู่จือเซินก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“แน่นอนว่าเธอเก่งในการลอบสังหาร เธอคือคาตาร์รีน่า… เอ๊ะคุณคือ…”
ในที่สุดความสนใจของเจ้าอ้วนจูก็ตกอยู่ที่หลู่จือเซิน
แม้ว่าหลู่จือเซินจะปกปิดรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาด้วยชุดหลังจากที่มาถึงเมืองแห่งมนุษย์และไม่ได้ถือไม้เท้าสมาธิโลหะเหมันต์ไว้ในมือ แต่เจ้าอ้วนจูก็พบว่าเขาดูค่อนข้างคุ้นเคยในทันที
“หลู่จือเซิน!”
หลู่จือเซินไม่ได้หยิ่งผยองกับฐานะวีรบุรุษของเขา
“คุณคือหลู่จือเซิน หลวงจีนลายบุปผาในหมู่วีรบุรุษทั้ง 108 คนในเขาเหลียงซาน…”
เจ้าอ้วนจูตกตะลึงอยู่สักพักก่อนที่จะตระหนักถึงตัวตนอีกฝ่าย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
อย่างไรก็ตามการตอบสนองของเขาทำให้หลู่จือเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผู้นำหลู่ไปที่ห้องโถงแลกเปลี่ยนเพื่อทำความเข้าใจเลย ฉันจะอยู่คุยกับเพื่อนของฉันก่อน”
จีเย่พยักหน้าให้กับหลู่จือเซิน
“ครับท่านหัวหน้า”
หลู่จือเซินพยักหน้ายอมรับและเดิมตามบริกรไปยังพื้นที่แลกเปลี่ยน
หลังจากหลู่จือเซินออกไป จีเย่ก็เชิญเจ้าอ้วนจูเข้ามาในห้องของเขา
“ว้าวว ท่านหัวหน้า!”
“พี่ชายจีไม่สุดยอดเกินไปเหรอ? แม้กระทั่งหลู่จือเซินก็กลายเป็นคนรับใช้ของคุณ ถิ่นฐานของคุณอาจเป็นเขาเหลียงซานใช่มั้ย?”
เมื่อเข้ามาในห้อง ในที่สุดเจ้าอ้วนจูก็ไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป ดวงตาที่เหล่ทั้งสองของเขาเบิกกว้างจนเท่ากับดวงตาของหลู่จือเซิน
หลังจากการสตรีมสด ข้อมูลเกี่ยวกับจีเย่ในดินแดนแห่งมรดกก็ถูกทำให้เป็นความลับ
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่เขาก็ไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของจีเย่
“ไม่ใช่เขาเหลียงซาน แต่เป็นภูเขามังกรคู่… แต่จากชุดของนาย เป็นไปได้มั้ยว่านายจะมาจากถิ่นฐานที่มีสภาพแวดล้อมโบราณ?”
มันไม่เหมาะสำหรับจีเย่ที่จะโอ้อวดตัวเอง ดังนั้นหลังจากคุยกันสักพัก เขาก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปคุยเกี่ยวกับเจ้าอ้วนจู
“เห้อ… มันน่าจะเป็นเรื่องดีหากเป็นสภาพแวดล้อมโบราณจริง!”
“นายก็รู้ว่าฉันเล่นเกม ถิ่นฐานของฉันจึงอยู่ในเกมด้วยเช่นกัน”
เจ้าจูยิ้มอย่างขมขื่น
“ใช่แล้วฉันจำได้ ในตอนนั้นบททดสอบของนายเป็นประเภทเกม”
จีเย่พยักหน้า
อย่างไรก็ตามจะมีการ ‘เปลี่ยนแผนที่’ หลังจากบททดสอบสิ้นสุดลง
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการเอาชีวิตรอดไปเป็นภูเขามังกรคู่ เขาอาจพิจารณาว่าเป็นการเปลี่ยนอุตสาหกรรม
และเจ้าอ้วนจูยังคงอยู่ในถิ่นฐานเกม นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีใช่มั้ย?
“เกมเป็นสิ่งที่ดี”
“แต่ปัญหาก็คือฉันเล่นเกมวอร์คราฟต์ นอกจากนี้ฉันยังเคยคว้าแชมป์วีซีจี บัดซ* ทำไมฉันถึงเข้าสู่ลีกออฟเลเจนด์หลังจากเปลี่ยนแผนที่ละ?”
เจ้าอ้วนจูชี้ไปที่ ‘อักษรรูน’ บนเกราะอกด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ได้
“ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาเวลากลับโลกเพื่อทำความเข้าใจเกม”
“สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือเราได้ให้บริษัทเพนกวิ้นโฮลด์ดิ้งเปลี่ยนข้อมูลผ่านสำนักงานสมาพันธ์และรับบัญชีระดับชาเล้นเจอร์เพื่อเล่นแรงค์ แต่ฉันก็ได้เล่นแรงค์ไปเล่นเกม และตกไประดับมาสเตอร์ บัดซ* มันไม่ใช่การเทียบว่าใครสร้างความเสียหายมากกว่ากันในกองทัพงงั้นเหรอ?”
เจ้าอ้วนจูบ่น
“มันค่อนข้างแย่ แต่สามารถทำให้บริษัทเพนกวิ้นโฮลด์ดิ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลและส่งผลกระทบต่อดินแดนแห่งมรดกได้มั้ย?”
จีเย่ไม่ค่อนเข้าใจเกมที่เจ้าเย่กล่าว
อย่างไรก็ตามจากคำพูดของเจ้าอ้วนจู เห็นได้ชัดว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย จีเย่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเขา
เจ้าอ้วนเข้าสู่ถิ่นฐานที่มีภูมิหลังเป็นเกมและต่อมาก็ขอให้บริษัทที่เป็นเจ้าของเกมแก้ไขข้อมูล
ทำให้เขานึกถึง ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่มีสำนักงานสมาพันธ์ช่วยโปรโมตนิยายของเขา
เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ?
“มันไม่มีประโยชน์ บริษัทเพนกวิ้นโฮลด์ดิ้งเป็นเพียงบริษัทตัวแทนเท่านั้น บริษัทผู้พัฒนาอยู่ในประเทศนกอินทรี”
“อย่างไรก็ตามมีการกล่าวว่าภายใต้การร้องขอของรัฐบาลประเทศนกอินทรี เจ้าหน้าที่ก็ได้เปลี่ยนภูมิหลังของตัวละครและสร้างตัวละครชาวประเทศนกอินทรีขึ้นมามากมาย”
“พวกเขาพยายามสร้างแพทช์เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของทหารธรรมดาให้อยู่ในสถานะที่แม้แต่วีรบุรุษบางคนก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ อย่างน้อยในดินแดนแห่งมรดก ทหารรอบตัวฉันก็ไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเลย”
“ฉันรู้สึกราวกับว่าดินแดนแห่งมรดกถูกล็อคในอารยธรรมของผู้ถูกเลือกทันทีที่มันเปิดใช้งาน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนการทำงานดั้งเดิมบนโลกจึงไม่มีความหมาย!”
เจ้าอ้วนจูส่ายหัวของเขา
“อันที่จริงส่วนที่แย่ที่สุดก็คือฉันถูกกำหนดให้อยู่ในน็อกซัส ตั้งแต่ทหารไปจนถึงแม่ทัพ พวกเขาทั้งหมดต่างก็เคารพบูชาความแข็งแกร่ง เลือด และความรุนแรง”
“ด้วยความช่วยเหลือของสำนักงานสมาพันธ์ ในที่สุดฉันก็ทำภารกิจได้สำเร็จด้วยความยากลำบาก ฉันอัญเชิญ ‘วีรบุรุษ’ ที่มีชื่อเสียง แต่ฉันก็จบลงด้วยการสูญเสียการควบคุม!”
เจ้าอ้วนจูถอนหายใจ