“ตามที่ท่านหัวหน้าพูดมา ชาววิญญาณเหล่านี้ควรเป็นประเภทผี แต่ในขณะเดียวกันพวกมันก็มีร่างกายซอมบี้ มันต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อจัดการกับพวกเขา!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จีเย่ก็พาลุงเก้าเดินรอบหมู่บ้านเพื่อค้นหาบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับเผ่าวิญญาณ
“ฮ่าๆ เป็นลุงเก้าจริงด้วย เมื่อเวลาขีดจำกัดหมดลง ฉันจะรีบกลับและไปอวดในฟอรั่ม!”
“นายคิดมากเกินไป ท่านหัวหน้าสามารถออกจากระบบได้ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจะประกาศในฟอรั่มอย่างแน่นอน นายคิดว่าจะมีโอกาสเหรอ?”
ผู้เล่นใหม่สองสามคนที่อยู่ด้านหลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นราวกับแฟนคลับกำลังติดตามไอดอลของพวกเขา
“นายคิดมากน่า ท่านหัวหน้ามีนิสัยเรียบง่าย แน่นอนว่าเขาต้องไม่ใส่ใจที่จะทำแบบนั้นใช่มั้ยคุณซวีเสวีย?”
คุณชายบักโค้งงอริมฝีปากของเขาอย่างดูถูกเหยียดหยามและหันไปคุยกับซวีเสวียด้วยสีหน้าน่ารังเกียจ
“โอ้ ที่นี่มีต้นวิลโลว์ด้วย!”
“ท่านหัวหน้า ท่านสามารถใช้ต้นวิลโลว์เหล่านี้ทำลูกศรได้ หลังจากแช่ในน้ำมนต์ พวกมันจะมีประสิทธิภาพในการจัดการกับผี”
ในตอนนี้ ลุงเก้าได้พบกับสิ่งที่มีประโยชน์บางแล้ว เขาชี้ไปที่ต้นวิลโลว์ในหมู่บ้านซึ่งมีลำต้นที่หนาที่ถังน้ำ
“ไม่ใช่ว่าไม้พีชที่เป็นไม้หยางควรใช้ในการขับไล่วิญญาณร้าย ในขณะที่ต้นวิลโลว์ที่เป็นไม้หยินควรดึงดูดผีเหรอ?”
“ชิ นายไม่ได้ดูหนังของลุงเก้าเหรอ? มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ยิ่งกิ่งต้นวิลโลว์ยาวเท่าไหร่ ผีก็จะยิ่งมีชีวิตสั้นลงเท่านั้น’!” ผู้เล่นใหม่กระซิบกัน
คุณชายบักตอบกลับอีกครั้ง
“ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ต้นวิลโลว์สามารถต่อสู้กับผีได้เพราะมันติดอยู่ในแจกันศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาแห่งความเมตตา”
“อย่างไรก็ตาม ความจริงคือแม้ว่าต้นวิลโลว์จะเป็นไม้หยิน แต่มันก็มีพลังงานหยิน ดังนั้นจึงสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผีที่มีพลังงานหยินได้” ลุงเก้าอธิบายกับจีเย่
จีเย่ครุ่นคิดสักพักและพบว่ามันสมเหตุสมผล
การโจมตีทางกายภาพไม่ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตวิญญาณ แต่เช่นเดียวกับวิธีที่วิญญาณหมาป่าสามารถกลืนกินชาววิญญาณขั้นผู้บัญชาการได้อย่างง่ายดาย การโจมตีประเภทหยินก็สามารถใช้ได้!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นไปตาม ‘วิทยาศาสตร์’!
หลังจากเดินวนรอบป้อมและสังเกตภูมิประเทศทั้งหมด ลุงเก้าก็กล่าว “อย่างไรก็ตาม ตามที่ท่านกล่าว ผีเหล่านั้นส่วนใหญ่จะบุกตอนกลางคืน วิธีที่ดีที่สุดของเขาก็คือการตั้งค่ายกลล่วงหน้าและปกคลุมทั่วทั้งวัดในใจกลางของป้อมปราการด้วย!”
“ต้องเตรียมอะไรในการตั้งค่ายกล?”
“ยันต์ ตะกั่วแดง และเลือดหมาดำ… อืมม เราต้องเตรียมให้เร็วทีุ่สดเพราะต้องทำก่อนเที่ยง!”
ลุงเก้ามองไปที่ดวงอาทิตย์และใช้นิ้วนับ
“เยี่ยม… ท่านหัวหน้า ในหมู่บ้านมีตะกั่วแดงอยู่เล็กน้อย แต่ไม่มีแผ่นยันต์หรือเลือดหมาดำครับ!”
ฮูเฟิงผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะติดตามภายใต้คำสั่งของจีเย่ได้ส่ายหัวของเขาด้วยสีหน้าเสียใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ภูเขามังกรคู่ในอดีตเคยเป็นค่ายโจรมาก่อน ไม่ใช่ที่ตั้งของลัทธิเต๋า มันจึงขาดแคลนสิ่งที่จำเป็นมาก
“เราสามารถใช้บางอย่างทดแทนได้มั้ย?” จีเย่เอ่ยถามลุงเก้า
“ได้แน่นอน เลือดของสิ่งมีชีวิตที่มีพลังหยางมากสามารถใช้ทดแทนตะกั่วแดงได้ มันจะดีกว่าหากเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญ อย่างไรก็ตามมันจำเป็นต้องถูกฆ่าไม่นานนัก ไม่อย่างนั้นเลือดและวิญญาณในนั้นจะสลายไป และมันก็จะไม่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการวาดยันต์ได้”
“นอกจากนี้ ขน หนัง และเกล็ดของสิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญบางชนิดก็ยังสามารถใช้แทนแผ่นยันต์ได้ มันจะดีกว่านี้หากพวกมันมีคุณสมบัติในการป้องกันความชั่วร้าย!”
ลุงเก้ากล่าวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำ แต่เขาก็ยังได้รับความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดก เขารู้ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถใช้แทนสิ่งของบนโลกได้
“ขนและหนังหมาป่าไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้ยังมีลิงแมนดริลระดับวิสามัญอันดับ 2 ที่ครอบครองสายเลือดของเทพภูเขา และยังมีหนังของหัวหน้าหมาป่าและหนังของหมี!”
“เรามีเลือดของสิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญ แต่พวกมันถูกใช้ในการรดน้ำเมล็ดสีชาดไปแล้ว… อืมม ลุงเก้าหมู่บ้านเรามีทรัพยากร บางทีมันอาจสามารถใช้แทนเลือดวิญญาณได้…”
ทันใดนั้นจีเย่ก็นึกถึงบางอย่าง
สิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญบนภูเขามังกรคู่ถูกสังหารหมดแล้ว มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหาอีกตัวหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เมล็ดสีชาดก็ได้ดูดซับเลือดจำนวนมากและแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แม้แต่ ‘ดินเลือด’ ด้านล่างก็เข้าใกล้ระดับวิสามัญอันดับ 2 แล้วด้วยการดูดซับเลือดของลิงแมนดริลและหมีเทาที่พวกมือใหม่เรียกติดปากกันว่า ‘หมียักษ์’!
ในทางทฤษฏีแล้ว สิ่งของทั้งสองเหล่านี้มีพลังมากกว่าเลือดของสิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญทั่วไป
ไม่กี่นาทีต่อมา ลุงเก้าก็เห็นผลเมล็ดสีชาดและดินที่จีเย่สั่งให้คนนำมาให้ เขาเหยียดนิ้วออกมาและลูบมันสักพักก่อนที่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“อืมมม สิ่งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ การวาดยันต์ขับไล่ผีโดยการใช้มันสามารถเพิ่มพลังได้หลายเท่า!”
“นอกจากนี้ นี่ก็็ไม่ใช่เลือดที่มีชีวิต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผีที่จะตรวจพบพวกมันก่อนที่พวกมันจะถูกใช้งาน ตราบใดที่เราตั้งค่ายกลอย่างเหมาะสม เรายังสามารถทำร้ายหรือแม้กระทั่งฆ่าพวกผีได้!”
ทันใดนั้นจีเย่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาและนำลุงเก้ากลับไปที่ห้องของเขา
“เมื่อพูดถึงการฆ่า ฉันก็นึกอะไรบางอย่างได้ บางทีมันอาจใช้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันออกไปได้ ลุงเก้าตามฉันไปที่ห้องและดูว่าสิ่งนี้ใช่ได้หรือไม่”
จากนั้นแขนของเขาก็เกร็งในขระที่เขาเปิดกล่องที่ถูกวางไว้ที่มุมหนึ่ง มันถูกทับด้วยหินหนา
“อ่าา… สิ่งนี้ค่อนข้างดุร้าย ไม่แปลกใจเลยที่ท่านเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง”
“อย่างไรก็ตาม ด้วยของสิ่งนี้และค่ายกล ผีเหล่านั้นจะไม่สามารถหลบหนีได้ในคืนนี้…”
ม่านตาของลุงเก้าหดตัวลงเล็กน้อยก่อนที่แววตาของเขาจะเปล่งกระกาย
…
หลังจากได้รับการยืนยันจากลุงเก้า จีเย่ก็สั่งหลู่จือเซินว่า “ผู้นำหลู่ โปรดพาคคนไปเด็ดผลไม้เมล็ดสีชาดทั้งหมด เหลือดินเลือดไว้เล็กน้อย และนำนมศิลาทั้งหมดในบ่อน้ำเหมันต์ออกมา นอกจากนี้ให้คนไปเลือดหญ้าวิญญาณในถ้ำหมาป่าในนตอนเย็น เหลือทิ้งไว้เพียงเล็กน้อยพอให้มันไม่ตาย!”
โดยการใช้ทรัพยากรในลักาณ์นี้ มันคล้ายกับการระบายน้ำในบ่อเพื่อจับปลาทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสงครามระหว่างสายพันธุ์ หากเขาพ่ายแพ้ ทรัพยากรที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจะเป็นประโยชน์ต่อเผ่ามนุษย์ต่างดาว เขาจึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้
“ครับ!”
หลู่จือเวินจากไปพร้อมคนของเขา
ถ้าอย่างนั้นก็เหลือปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
ลุงเก้าเป็นเพียงระดับวิสามัญอันดับ 1 นอกจากนี้เขายัง ‘ถูกลดขั้น’
แม้ว่าเขาจะมีนมศิลาเพื่อเติมเต็มการรับรู้ศักดิ์สิทธิ์และฟื้นคืนพลังงานของเขา แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะวาดรูปแบบค่ายกลและสร้างยันต์ที่สามารถทำให้ทหารธรรมดาทำร้ายผีได้ภายในหนึ่งวัน!
“ลุงเก้า ฉันสงสัยว่าฉันสามารถบ่มเพาะเทคนิคยันต์สายฟ้าห้าแฉกได้มั้ย!”
ดังนั้นจีเย่จึงขอให้ลุงเก้าเล่า ‘เทคนิคยันต์’ ให้เขา
เขาไม่จำเป็นต้องกลายเป็นลูกศิษย์เหมือนกับชาวจีนต่างประเทศเพราะเครื่องบูชายัญและวิญญาณแห่งอารยธรรมมาจากเขา ลุงเก้าจะไม่ปฏิเสธคำขอของเขา
“ท่านหัวหน้ามีหน้าผากที่เป็นมงคล และดวงตาของท่านก็สดใสและชัดเจน แสดงให้เห็นถึงการรับรู้ศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่น นอกจากนี้ พลังชีวิตของท่านก็แข็งแกร่ง และความแข็งแกร่งของวิญญาณของท่านก็น่าทึ่ง โดยทั่วไปแล้ว ท่านสามารถบ่มเพาะมันได้!”