“เร็วเข้า รีบไปเอาอาวุธมาเร็ว!”
“พาเด็กๆ ไปซ่อนตัว อย่าออกมา”
“ธนูและลูกศรอยู่ไหน? ใครเอาลูกศรของฉันไป!?”
เมื่อจีเย่กลับมาที่ห้องของเขาและเข้าสู่ดินแดนแห่งมรดก เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากหมู่บ้านในขณะที่สีหน้าของเขาบูดเบี้ยว
มีบางอย่างเกิดขึ้น!
ทันใดนั้นจีเย่ก็รู้สึกหนาวสั่นในหัวใจของเขา
เมื่อเดินออกมาจากประตู เขาก็เห็นว่าป้อมของภูเขามังกรคู่มีคบเพลิงถูกจุดอยู่
หลู่จือเซินถือไม้เท้าจันทร์เสี้ยวโลหะเหมันต์ยาวสองเมตรซซึ่งช่างตีเหล็กในหมู่บ้านได้ทำการขึ้นรูปมาอย่างรวดเร็วในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขารวบรวมผู้คนเพื่อวิ่งไปยังเขตรอบนอกของหมู่บ้าน
“เกิดอะไรขึ้น? คนที่เฝ้าหน้าผาถูกโจมตีโดยมนุษย์อินทรีงั้นเหรอ? มีทหารรอดเพียงคนเดียว!?”
หลังจากซักถามใครบางคนอย่างรวดเร็ว สีหน้าของจีเย่ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้รับข่าว
“ผม… ผมออกไปสูดอากาศข้างนอก… แต่เมื่อผมกลับมา ผมก็เห็นเงาสีดำได้ทำการสังหารหมู่…”
ในไม่ช้าจีเย่ก็ถูกนำไปหาทหารคนเดียวที่รอดชีวิต
ใบหน้าของทหารดูซีดขาว เขาดูเหมือนจะตกใจมากจนผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เขายังคงสั่น แม้ว่าจะมีความร้อนจากคบเพลิงก็ตาม!
“นายแน่ใจเหรอว่าเป็นมนุษย์อินทรี?”
สีหน้าของจีเย่นั้นเคร่งขรึม
“ใช่ครับ ผมแน่ใจ… ผมเห็นเขายืนอยู่ที่ถ้ำลิงแมนดริล เขามีปากเหมือนนกอินทรี ดวงสาทั้งสามของเขาเปล่งประกายสีแดง และมือกับเท้าของเขานั้นราวกับกรงเล็บของนกอินทรี”
“ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวมาก แขนที่ราวกับกรงเล็บได้ยกเจิ้งเอ๋อร์ชิวขึ้นมาเหนือหัว ไม่ว่าเจิ้งเอ๋อร์ชิวจะเตะเขาอย่างไรก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ และในที่สุดเจิ้งเอ๋อร์ชิวก็ถูกหักคอ!”
“ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมกลัวมาก แขนขาของผมไร้เรี่ยวแรง ผมซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าและไม่กล้าขยับ ผมเฝ้าดูเขาลากศพของเจิ้งเอ๋อร์ชิวและคนอื่นออกจากถ้ำและโยนลงหน้าผา…”
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขารู้ข่าวนี้ ดวงตาของหลวงจีนลายบุปผาก็เบิกกว้างในขณะที่เคราของเขาสั่น
เขาเพิ่งได้รับพวกพ้องใหม่เมื่อวานนี้ แต่วันนี้กลับเสียไปสี่คนแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รีบออกไปหาทาง ‘แก้แค้น’ กับคนของเขาโดยประมาท ในทางกลับกันเขารีบแจ้งให้คนทั่วไปในหมู่บ้านเตรียมการป้องกัน
เนื่องจากประสบการณ์การต่อสู้อันยาวนานของเขา เขารู้ว่ามนุษย์อินทรีฉลาดแค่ไหน
หากเขาจะเคลื่อนไหว เขาต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มที่!
เป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะมองเห็นในเวลากลางคืน เมื่อพวกเขาออกจากหมู่บ้าน พวกเขาอาจถูกอีกฝ่ายซุ้มโจมตี
นอกจากนี้ยังลืมความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะโจมตีหมู่บ้านไม่ได้
“การตัดสินใจของผู้นำหลู่นั้นถูกต้อง ความแข็งแกร่งของมนุษย์อินทรีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถรับมือได้ในถิ่นทุรกันดาร!”
จีเย่พยักหน้า
จากข้อมูลที่สำนักงานสมาพันธ์เมืองหยางให้มา เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์อินทรีเหล่านี้เป็นอย่างดี เขายังเคยเห็นฉากมนุษย์อินทรีสังหาร ‘หมีมีปีก’ ระดับวิสามัญด้วยตาของเขา เขารู้ถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างมนุษย์และมนุษย์อินทรี
จากคำอธิบายของทหาร ระดับของมนุษย์อินทรีอาจอยู่ในระดับวิสามัญ!
นี่เป็นเพราะแม้ว่าทหารคนนี้จะซ่อนอยู่ในพงหญ้า แต่เขาก็ยังคงถูกพบโดยมนุษย์อินทรี มนุษย์อินทรีพุ่งเข้าหาเขาและยื่นกรงเล็บสีดำเพื่อดึงขาของเขา
อย่างไรก็ตาม มนุษย์อินทรีดูจะไม่มีความคล่องตัวมากพอ ด้วยการต่อสู้กลับที่สิ้นหวังของเขา เขาจึงฉีกกางเกงจนขาดและพยายามหนีกลับมาเพื่อรายงานข่าว
“ผมหนาวมาก!”
ทหารแทบจะไม่สามารถตอบคำถามจีเย่ได้ แม้แต่สีหน้าของเขาก็แสดงความสับสน
“ร่างกายของเขาเย็นมาก อุณหภูมิร่างกายของเขาอยู่ที่ประมาณ 30 องศา บางทีอาจเป็นเพราะความตกใจ…”
ซางเยี่ยนผู้ที่พันบาดแผลของทหารกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ
“หนาาว? อืม!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ จีเย่มองไปที่ขาของทหารคนนั้นและสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อ
นี่เป็นเพราะเขาตระหนักว่าก๊าซสีดำหมุนเวียนรอบผ้าพันแผลที่พันรอบขาที่บาดเจ็บของเขา
ในสภาพแวดล้มกลางกลางดึกเช่นนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นมันหากไม่มีแสงไฟ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเส้นสีดำจางๆ ได้ยื่นออกมาจากบาดแผลเข้ามาใกล้ร่างกายของจีเย่
“ไม่ใช่ฉัน แต่มันคือหนังหมาป่า!”
จีเย่หยิบบางอย่างออกมาจากอกของเขา มันเป็น ‘สมบัติมรดก’ ของหมาป่าน้ำงเินหลังโลหะที่เขาได้รับจากถ้ำหมาป่า
ก้อนก๊าซสีดำหลอมรวมกันเป็น ‘ที่ซ่อนสมบัติ’ ในขณะนั้น ‘โทเท็ม’ บนหนังหมาป่าก็ลอยขึ้นเล็กน้อยราวกับว่ามันอยากดูดซับสารอาหารบางอย่าง
“นี่คือ… พลังวิญญาณ!”
จีเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลังจากที่เขาถือหนังหมาป่าไว้ในมือ ก้อนก๊าซสีดำก็ดูชัดเจนมากขึ้น เมื่อหนังหมาป่าเข้าใกล้บาดแผลของทหาร ก๊าซสีดำที่ชัดเจนก็ถูกดูดเข้าไปในหนังหมาป่า
“เอ๊ะ อุณหภูมิร่างกายของเขาดูเหมือนจะสูงขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาควรปลอดภัยแล้ว”
ซางเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ
ไม่มีใครในภูเขามังกรคู่ได้นอนตลอดทั้งคืน แม้แต่ผู้หญิงที่ซ่อนตัวในบ้านอยู่กับลูกของพวกเธอก็ถือกรรไกรไว้!
อย่างไรก็ตาม การโจมตีที่คาดไว้ไม่ได้เข้ามา
หลังจากรุ่งสาง จีเย่ไม่สามารถเห็นมนุษย์อินทรีได้เลยแม้จะมองจากระยะไกล
“ผู้นำหลู่ พาคนสองสามคนไปดูที่หน้าผา”
จีเย่ครุ่นคิดสักพักก่อนออกจากหมู่บ้านพร้อมกับโทเท็มหนังหมาป่าในมือ
“เกิดการเปลี่ยนแปลงของหมอกมั้ย?”
สิบนาทีต่อมา ก็ไม่มีวี่แววของมนุษย์อินทรีที่ขอบหน้าผาเลย
จีเย่ชี้ไปที่หมอกที่หนาแน่นที่อยู่ด้านล่างหน้าผา มันป้องกันไม่ให้ใครเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง
“หมอกปกคลุมในตอนกลางวัน แต่มันจะหายไปตอนกลางคืน” ใครบางคนตอบกลับ
ทหารที่เฝ้าหน้าผาไม่ได้มีกลุ่มเดียว แต่มีหลายกลุ่มผัดเวรกัน ดังนั้ข้อมูลจึงถูกต้องแน่นอน
“หน้าผานี้สูงและชันมาก แต่มนุษย์อินทรีตัวนั้นก็สามารถปีนขึ้นมาได้!”
เจียงเหวินหมิงมองไปที่หน้าผาที่เกือบจะตรงและหล่าวด้วยความประหลาดใจ
“มีร่องรอยของการต่อสู้ในถ้ำลิงแมนดริล มันควนนเป็นไปตามที่ทหารคนนั้นพูด มนุษย์อินทรีเข้ามาจากด้านนอกและปิดกั้นทางเข้า ฆ่าทุกคนที่อยู่ข้างใน”
“มีรอบลากบนพื้น และศพก็ถูกโยนลงหน้าผา”
หลังจากมาถึงถ้ำของลิงแมนดริล หลี่ชิงก็ตรวจสอบและใช้ความสามารถระดับมืออาชีพของเขาเพื่อจะได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“เมล็ดสีชาดยังอยู่ข้างใน แต่ศพสัตว์ร้ายในถ้ำหายไป…”
ในทางกลับกัน จีเย่จ้องมองไปที่ต้นเมล็ดสีชาดในถ้ำ ไม่มีศพสัตว์ร้ายที่ถูกสังหารโดยลิงแมนดริลเลย
“ผู้นำหลู่ คืนนี้มากับฉัน”
“หลี่ชิงพาคนไปฆ่าสัตว์ตัวใหญ่มา และนำศพของพวกมันมาไว้ที่นี่ สำหรับเป่ยซาน ฉันมอบนายรับหน้าที่ป้องกันหมู่บ้านคืนนี้!”
ในท้ายที่สุด จีเย่ก็มอบหมายภารกิจ
“ท่านหัวหน้าสงสัยว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของมนุษย์อินทรีใช่มั้ย?”
หลังจากคนที่เหลือกลับไป หลู่จือเซินผู้ที่ถือไม้เท้าโลหะเหมันต์หนัก 50 กิโลกรัมก็เข้ามาในถ้ำที่ว่างเปล่าและกล่าวกับจีเย่
“ผู้นำหลู่ นายรู้ด้วยเหรอ? ถูกต้อง ฉันเดาว่ามันไม่ใช่มนุษย์อินทรี!”
จีเย่พยักห้า
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ‘มนุษย์อินทรี’ บนโลกว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์แฟนตาซีตะวันออกที่อาศัยความแข็งแกร่งทางกายภาพเป็นหลักเมื่อต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมี ‘พลังวิญญาณ’ หลงเหลืออยู่ในบาดแผลของทหาร ตามทฤษฏี มันน่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่คล้ายผี ตัวอย่างเช่น ‘วิญญาณของหมาป่า’!
แม้ว่ามนุษย์อินทรีจะอยู่ในระดับวิสามัญและได้บ่มเพาะ ‘การโจมตีวิญญาณ’ บางประเภทมา แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่อธิบายไม่ได้
สมบัติอย่างเมล็ดสีชาดสามารถเสริมสร้างร่างกายได้ แน่นอนว่ามันเป็นทรัพยากรที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์อินทรีที่เป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ ‘แฟนตาซีตะวันออก’
ในทางทฤษฏี เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์อินทรีจะทิ้งมันไว้ให้พวกเขาหลังจากที่เห็นมันอยู่ในถ้ำ
แม้มนุษย์อินทรีจะรู้ว่าเคลื่อนย้ายต้นไม้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกมันก็น่าจะเก็บผลเมล็ดสีชาดทั้งหมดออกไป ท้ายที่สุดแล้วเขารดน้ำในพื้นดินด้วย ‘เลือด’ ของหมีระดับวิสามัญเมื่อวาน ผลไม้เจ็ดถึงแปดผลก็เกือบจะสุกหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้เด็ดออกไปแม้แต่ลูกเดียว ในทางกลับกัน พวกมันกลับจับศพสัตว์ร้ายในถ้ำลิงแมนดริลและโยนศพลงไปที่หน้าผา
เอาเกวียนไปเทียมอยู่ข้างหน้าม้า?
(สำนวนที่แปลว่า ทำสิ่งต่างๆ สลับกัน การที่จัดวางหรือจัดทำสิ่งต่าง ๆ ผิดขั้นตอนหรือผิดกาละเทศะ)
ไม่ชัดเจนมากนัก แต่กล่าวได้เพียงว่าเป้าหมายของมนุษย์อินทรีคือศพของสัตว์ร้ายเหล่านั้น
“ดังนั้น เหตุผลที่ท่านให้หลี่ชิงนำทีมไปล่าสัตว์ร้ายก็เพราะการล่อพวกมันด้วยศพงั้นเหรอ?”
“มาลองดูกัน ฉันเดาเกี่ยวกับที่มาของมันได้ อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่ามันไม่ใช่อย่างที่ฉันคาดเดาไว้ ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านของเราอาจจะต้องเดินตามรอยถิ่นฐานของมนุษย์ที่อื่น!”
จีเย่พยักหน้า