เหมือนกับที่นักวิชาการชราคาดไว้ พวกเขาไม่ได้รับหนึ่งในวีรบุรุษขั้นผู้บัญชาการที่เรียกว่า ‘ดาวฟ้า’ หรือ ‘สหายดิน’ ท้ายที่สุดหากการสังหารมินเนี่ยนหมายถึงการได้รับหนึ่งใน 108 วีรบุรุษจากซ้องกั๋ง งั้นภูเขามังกรคู่ก็คงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากจีเย่ในการทำลายถิ่นฐานของมนุษย์อินทรี
แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาก็ไม่สามารถหาวีรบุรุษที่ดีได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นการแข่งขันจะกลายเป็นสงครามระหว่างวีรบุรุษที่ทรงพลังในไม่ช้าในขณะที่ผู้เล่นจะกลายเป็นเพียงทหารตัวเล็กๆ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ‘ผู้เล่น’ คือส่วนหลักของดินแดนแห่งมรดก
‘เขาอยู่ในขั้นชั้นยอดใช่มั้ย?’
ถึงอย่างนั้นจีเย่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นระดับของชายคนนี้ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับชนพื้นเมืองทั่วไปเช่นบิกบลูและดักกี้ ค่าสถานะของพวกเขาเกินความคาดหมายของจีเย่เล็กน้อย ในฐานะหัวหน้าของถิ่นฐาน จีเย่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติของนักรบที่ถูกอัญเชิญมาได้ ส่วนคนอื่นก็อย่างเช่นหลู่จือเซินและหลี่ชิงผู้ที่เป็นผู้ยื่นไอเทมบูชายัญและหัวใจแห่งการเห็นแจ้ง
‘มนุษย์อินทรี’ ผู้ที่หัวของัมนถูกบดขยี้โดยก้อนหินของหลู่จือเซินเป็นเพียงศัตรูอันดับ 7 ซึ่งหมายความว่าหัวใจแห่งการเห็นแจ้งที่ดร็อปจากมันสามารถอัญเชิญได้เพียงนักรบอันดับ 7 ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เป็นขั้นชั้นยอดหากไม่มีไอเทมบูชายัญถูกเพิ่มเข้ามา
และชายคนนี้ก็ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ทั่วไปรวมถึงรูปขบวนกลยุทธ์ เขาจะเป็นผู้ช่วยหลู่จือเซินในการสร้างนักรบชนพื้นเมืองได้เป็นอย่างดี
“ดีใจมากเลยที่ได้พบคุณพี่ชาย!” รองผู้นำที่ถูกอัญเชิญมาได้คำนับให้กับหลู่จือเซินด้วยความยินดี “ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมารวมตัวกับคุณอีกครั้งที่ภูเขามังกรคู่แห่งนี้!”
เช่นเดียวกันกับหลู่จือเซิน ชายคนนี้ก็ได้รับความทรงจำและการเห็นแจ้งเมื่อถูกอัญเชิญมา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า ‘หัวใจแห่งการเห็นแจ้ง’ ได้รับการจัดเตรียมโดยหลู่จือเซินและจีเย่
“เป็นนายนี่เองเป๋ยซาน พวกพ้องของฉัน! วันมาดื่มกับฉันซาเจียคนนี้ เราจะไม่หยุดจนกว่าเราจะฟุบหลับคาโต๊ะ!” ดวงตากลมโตของหลู่จือเซินเต็มไปด้วยความสุข เขาเรียกตัวเองว่า ‘ซาเจีย’ ซึ่งเขาไม่ได้ทำมานานแล้ว
ตามชิ้นส่วนความทรงจำที่เขาได้เรียนรู้ อดีตของลูกน้องคนนี้ของเขาถูกสังหารในเวลาต่อมาโดยกระสุนบาลิสต้าที่ยิงเข้ากลางหน้าอกในตอนที่พวกเขาโจมตีเมืองด้วยกัน แน่นอนว่าเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นชายคนนี้มีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา
“ภูเขามังกรคู่? ซาเจีย? นั่นคือหลู่จือเซินงั้นเหรอ??” ทันใดนั้น ‘คุณชายบักจากเมืองเมี่ยน’ ก็ส่งเสียงดังออกมาจากด้านนอกศาลเจ้าหลังจากที่เขาได้ยินการสนทนาระหว่างเป่ยซานและหลู่จือเซิน เขาหยุดเอ่ยถึงชื่อของผู้คนต่างๆ เมื่อเขาถูกดึงดูดโดยพิธีกรรมอัญเชิญ
ในฐานะพลเมืองที่ประกาศว่าตัวเองนั้นมี ‘สถานะสูง’ เขาได้อ่านหนังสือมาพอสมควร เขามองว่าซ้องกั๋งและสามก๊กเป็นสื่อแนะนำอาชีพของเขาและใช้พวกมันได้ดีกว่านักเรียนวิทยาลัยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งซ้องกั๋ง เขาสามารถจำและนับชื่อของ ‘วีรบุรุษนอกกฏหมาย’ ได้มากกว่า 40 คนในคราวเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลวงจีนลายบุปผาหลู่จือเซินจะไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา
“อะ-ไอ่ตัวใหญ่ที่มีรอยสักที่ฉันเพิ่งทำให้ขุ่นเคืองก็คือหลู่จือเซินงั้นเหรอ? ถิ่นฐานแห่งนี้คือภูเขามังกรคู่จากซ้องกั๋งงั้นเหรอ??” คุณชายบักดูมึนงงเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเคยทำ เม็ดเหงื่อขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วปรากฏบนหน้าผากของเขาในไม่ช้า
“เฮ้” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อันหยวนก็เหลือบไปมองด้านข้างและะเยาะเย้ย
ในขณะเดียวกัน ซวีเสวียผู้ที่เฝ้าดูอยู่ก็ก้าวเข้าไปในห้องโถงของศาลเจ้า
“หลู่จือเซินอยู่ตรงนั้น… งั้นเธอก็คือนางยักษ์ซุนเอ้อร์เหนียงงั้นเหรอ??” คุณชายบักกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ท่าทีที่หยิ่งผยองที่เขาแสดงออกในตอนแรกนั้นหายไป
เขากล่าวเช่นนั้นเพราะซวีเสวียมีสไตล์การแต่งตัวแบบโบราณ เสริมด้วยกิ๊บโบราณในผมของเธอ เธอจึงดูไม่เหมือนกับผู้เล่น
‘คุณชายบัก’ ได้อ่านซ้องกั๋งอย่างระมัดระวังมากกว่าผู้อ่านทั่วไป เขารู้จักซุนเอ้อร์เหนียงเป็นอย่างดีเช่นกัน ในขณะที่คนทั่วไปจำได้เพียงว่าซุนเอ้อร์เหนียงเป็นนักรบแห่งบึงเหลียงซานนั้นมีชื่อเสียงด้านขนมปังเนื้อมนุษย์ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเหงื่อออกมากยิ่งขึ้นในตอนนี้
การตายในดินแดนแห่งมรดกไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามมีหลายวิธีที่เป็นไปได้และแตกต่างกันในการตาย การถูกสับเป็นเนื้อบดและกลายเป็นไส้ซาลาเปานั้นฟังดูน่าสะพรึงกลัวราวกับตกนรกทั้งเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายบักก็ได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางไม่มากก็น้อยเมื่อเขาฟื้นคืนชีพที่ถิ่นฐานที่ถูกควบคุมโดยเมืองหยาง มีบางอย่างบอกเขาว่าเขาไม่สามารถตายได้อีกแล้ว
“ท่านหัวหน้า ฉันขอยืมศาลเจ้าสักพัก”
โดยไม่รู้ว่ามีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็น ‘นางยักษ์’ ทั้งๆ ที่เธอหน้าตาดี (คิดเอง) ซวีเสวียก็เดินเข้าไปในศาลเจ้าและกล่าวกับจีเย่ด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ดวงตาเรียวเล็กของเธอดูเหมือนใบวิลโลว์ภายใต้แสงจันทร์
“ได้เลย” จีเย่มองเธอด้วยความว่าเปล่าโดยปราศจากความรู้สึกพิเศษอื่นใดกับดาราสาวคนนี้ เขารู้ว่าเธอต้องการทำอะไรไม่มากก็น้อย
“ฉันต้องการอุปกรณืเริ่มต้นของฉัน!” ซวีเสวียเคลื่อนที่ไปด้านข้างของจีเย่และพูดคุยกับเพดานด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย
หวืออ!
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ แสงสีขาวก็โผล่ออกมาจากร่างกายของเธอ ภายในมีวัตถุสีขาวรูปร่างคล้ายหินปรากฏขึ้นมาซึ่งดูเหมือนจะแตกต่างจากหัวใจแห่งการเห็นแจ้ง
จากนั้นแสงสีเหลืองที่เป็นตัวแทนของพลังแห่งโชคชะตาก็มาถึงและกลายเป็นหัวมังกรสองตัวอีกครั้ง พวกมันปล่อยหนึ่งลำแสงสีทองเข้าไปในหิน
หินสว่างขึ้นชั่วขณะ เมื่อแสงหมดลง ขวดขนาดเท่ากับนิ้วมนุษย์ที่ดูเหมือนกับน้ำหอมก็ตกลงมาในมือของซวีเสวีย
“นั่นสินะ…”
จีเย่ไม่เห็นข้อมูลของขวดแม้จะอยู่ในฐานะหัวหน้าของถิ่นฐาน เนื่องจากมันเป็นไอเทมเริ่มต้นของซวีเสวียซึ่งถูกผูกมัดกับเธอ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมองจากสีหน้าที่มีความสุขของซวีเสวีย
ไอเทมเริ่มต้นทั้งหมดสำหรับผู้เล่นมักมีพลังขั้นเหนือชั้น
“ขอบคุณมากท่านหัวหน้า การได้อยู่กับท่านทำให้ฉันโชคดี!”
เนื่องจากเธอดูมีความสุข ซวีเสวียจึงขอบคุณจีเย่ซึ่งเป็นข้ออ้างในการคุยกับเขาอย่างชัดเจน
เธออาจตั้งใจที่จะอวดผู้เล่นคนอื่นด้วยเช่นกัน เนื่องจากเธอเป็นคนแรกที่ได้รับไอเทมเริ่มต้น
จีเย่มั่นใจว่าซวีเสวียไม่ใช่ผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถขอไอเทมเริ่มต้นได้ซึ่งต้องการแต้มเกียรติยศเพียงหนึ่งแต้ม ตัวอย่างเช่น หลี่ชิงและฉินเยว่หยูได้าังหารมอนเตอร์มากพอที่จะได้รับสองสามแต้มแล้ว แม้แต่อันหยวนผู้ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในถิ่นฐาน บางทีก็อาจได้รับแต้มแล้วเช่นกัน
สำหรับชายชราทั้งสองที่ได้รับมอบหมายให้สอนความรู้แก่ชนพื้นเมือง จีเย่สันนิษฐานว่าพวกเขาสามารถได้รับแต้มเกียรติยศมากกว่า 10 แต้มแล้ว
แต่ก็ไม่มีใครเลือกที่จะเป็นคนแรกในการแลกเปลี่ยนแต้มเกียรติยศของพวกเขาเป็นไปเทม ทำไมงั้นเหรอ?
คำตอบนั้นชัดเจนมาก พวกเขายังคงสังเกตอยู่ พวกเขาต้องการทราบว่าการรวบรวมแต้มเกียรติยศมากขึ้นจะส่งผลต่อคุณภาพของไอเทมเริ่มต้นที่พวกเขาได้รับมาหรือไม่
น่าเสียดายที่ซวีเสวียไม่ฉลาดมากนักเหมือนกับ ‘คุณชายบัก’ ผู้ที่เข้าสู่ระบบอีกครั้งในทันทีที่เวลาความตายครั้งแรกของเขาสิ้นสุดลง
ตอนนี้จีเย่ไม่รู้สึกอยากเตือนหญิงสาวถึงปัญหามากมายที่เธอจะนำมาหากเธอเข้าไปในป่าในขณะที่ใส่น้ำหอม เขาทำให้ผู้เล่นใหม่เหล่านี้มามากพอแล้วในระหว่างสองวันที่ผ่านมา เขาช่วยพวกเขาให้เรียนรู้สิ่งที่ต้องการเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดกและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากจุดนี้พวกเขาต้องไปตามทางของตัวเอง
เขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเขาจนถึงท้ายที่สุดราวกับพี่เลี้ยงเด็ก
“คุณคือซวีเสวีย? ตัวจริงงั้นเหรอ? ฉันเป็นแฟนคลับคุณเลย! ทั้งครอบครัวของฉันเป็นแฟนคลับของคุณ!”
ราวกับว่าคนที่มีสติปัญญาณในระดับที่ใกล้เคียงกันจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ‘คุณชายบัก’ สามารถมองเห็นใบหน้าของซวีเสวียได้อย่างชัดเจนโดยใช้แสงเทียนในศาลเจ้าและเรียกชื่อของเธออย่างมีความสุข ในขณะที่เขายังคงถูกกุมอยู่
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเชื่อว่าซวีเสวียในฐานะดาราชั้นนำควรเป็นคนที่มีความสำคัญในถิ่นฐานแห่งนี้ มันคงจะดีไม่น้อยหากเธอพูดดีกับเขา
“อืมม ท่านหัวหน้า?” ซวีเสวียมองไปที่จีเย่อย่างไม่มั่นใจ
แม้ว่าจะหลงตัวเอง แต่เธอก็รู้ว่าเธอทำได้ไม่ดีในช่วงแรก บวกกับความจริงที่ว่าจีเย่ไม่เคยตอบสนองกับดาราที่มีชื่อเสียงอย่างเธอ เธอจึงรู้ดีว่าคำพูดของเธอไม่มีน้ำหนักมากนัก
โดยส่วนตัวแล้ว เธอคงละเลยชายที่มีรอยสักอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ชายคนนั้นอ้างว่าเป็นแฟนคลับของเธอ เธอไม่แน่ใจอีกต่อไปว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ เธอกลัวว่าเธอจะดูไม่ดีต่อหน้ากล้องเมื่เธอกลับไปยังโลกจริงและถูกเปิดเผยเรื่องนี้
“ปล่อยเขาไป ในดินแดนแห่งมรดก เธอเป็นผู้เล่นมนุษย์ อาชีพและสถานะของเธอที่โลกนั้นไม่สำคัญ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องแสดงประโยชน์ของตัวเองและมีส่วนร่วมในการพัฒนาถิ่นฐาน ไม่อย่างนั้น… ภูเขามังกรคู่ก็ไม่จำเป็นต้องมีร้องเท้าที่ไม่มีส้น” จีเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่เดินไปหาชายที่มีรอยสัก
เขาไม่ได้พยายามช่วยซวีเสวีย แต่เพียงแค่เขาในฐานะผู้เล่นไม่สามารถสังหาร ‘คุณชายบัก’ ได้เพียงเพราะชายคนนี้แสดงท่าทีหยิ่งผยอง
“มั่นใจได้เลย! ฉันรักวีรบุรุษทุกคนในซ้องกั๋ง! รอยสักประเทศซากุระบนแขนของฉันไม่มีความสำคัญอะไรเลย มันเป็นเพียงชื่อของนักแสดงหญิงที่ฉันชอบ พรุ่งนี้ฉันจะเอามันออก!”
นั่นเป็นบทเรียนที่สมบูรณ์แบบในการแสดงให้เห็นว่าควรทำตัวยังไง เมื่อเทียบกับทัษนคติก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับว่า ‘คุณชายบัก’ กลายเป็นคนละคน คำขอโทษของเขาดูจริงใจมาก
“หาที่นอนให้เขาในค่ายทหาร และหาอะไรมารักษารอยฟกช้ำของเขา พรุ่งนี้เช้านายก็พาเขาไปฝึกด้วย”
จีเย่ไปหายามชนพื้นเมืองร่างใหญ่ที่ใส่เกราะสองคนซึ่งจะ ‘พา’ ชายที่มีรอยสักออกไป ก่อนที่เขาจะไล่คนกลุ่มนั้นออกไป
เขาปฏิเสธคำเชิญของหลู่จือเซินสำหรับการดื่มในคืนนี้และเดินกลับไปที่ ‘ห้องหัวหน้า’ ใหม่ของเขาซึ่งเพิ่งตกแต่งใหม่ภายใต้การดูแลของฮูเฟิง
ในระหว่างการต่อสู้สองวันนี้ เขาได้รับค่าประสบการณ์เพียงพอที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาไปสู่ระดับใหม่แล้ว