บรูวววว…
หลังจากเสียงเห่าหอนของหมาป่าที่ได้ยินมาจากทั่วทุกหนแห่ง สิ่งมีชีวิตที่สะกดรอยตามพวกเขาก็ปรากฏรอบทีมของพวกเขาทีละตัว ดวงตาที่ประกายแสงสีม่วง ขนสีน้ำเงินที่ยาวและเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ เขี้ยวยาวที่ยื่นออกมาราวกับเสือเขี้ยวดาบ
จีเย่ได้เรียนรู้จากหลู่จือเซินว่าหมาป่าสีน้ำเงินเหล่านั้นอยู่ในระดับสามัญอันดับ 4 หลังจากที่ผู้นำหลู่ได้สังหารหนึ่งในนั้นเป็นการส่วนตัวในวันก่อน แต่ไม่เหมือนกับสุกรที่พวกเขาเคยสังหาร พวกนั้นทำได้เพียงแค่วิ่งไปรอบๆ ด้วยความโกลาหล หมาป่านั้นมีระเบียบมากอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่พบว่า ‘หน่วยสอดแนม’ ของพวกมันถูกค้นพบ มันก็เรียกให้พวกพ้องให้สร้างรูปขบวนเป็นวงกลลมและล้มรอบพวกเขาไว้
หมาป่าสอดแนมเสียชีวิตแล้วจากลูกศรหน้าไม้ที่ทะลวงหน้าอกของมัน แต่ว่ามันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้สำเร็จโดยการทำลายกลยุทธ์การซ่อนตัวของจีเย่
“เตรียมพร้อม!” หลู่จือเซินร้องตะโกนออกมาราวกับเสียงของเขาก้องกังวาลไปทั่วทั้งป่า นอกจากนี้ยังเป็นคำแนะนำที่บอกให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องทำยังไง
หลู่จือเซินเป้นผู้นำทหารราบในซ้องกั๋งซึ่งเคยเข้าร่วมในสงครามใหญ่หลายครั้ง ‘หมัดอรหันต์’ ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขาสอบให้กับคนของเขาในวันก่อน
กลยุทธ์มีสองขั้นตอน ชนพื้นเมือง 15 คนที่เข้าร่วมการสำรวจได้กระจายตัวสร้างแนวป้องกันและปกป้องผู้เล่นที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ตำแหน่ง เสียงเห่าหอนของหมาป่าอีกตัวก็ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งในที่ที่เขามองไม่เห็น
หมาป่าพุ่งเข้ามา ความเร็วที่ไม่สามารถมองทันได้ของพวกมันได้ลดระยะห่างกับพวกเขาได้ภายในไม่กี่วินาทีและทำให้ผู้คนยากที่จะมองเห็นหมาป่าพวกนั้น
หมาป่าตัวแรกที่มาถึงรูปขบวนของมนุษย์ถูกแทงด้วยดาบสองเล่มและหอก นั่นเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ชนพื้นเมืองได้เรียนรู้ ทั้ง 15 คนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 3 คนซึ่งจะจัดการกับศัตรูที่เข้ามาด้วยกันเป็นทีม การที่พวกเขาทำแบบนั้นจะช่วยให้พวกเขารวมกลุ่มช่วยเหลือกันได้ง่ายขึ้น
การสังหารศัตรูตัวแรกทำให้ทุกคนรู้สึกมีกำลังใจในทันที ในขณะเดียวกันจีเย่ก็ดีใจที่การคาดเดาหลายข้อเกี่ยวกับดินแดนแห่งมรดกได้ถูกยืนยัน กลยุทธ์ทหารมนุษย์ก็เป็นเหมือนกับสกิลที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ
อย่างไรก็ตาม รูปขบวนไม่ได้รับการขัดเกลามามากนักอย่างเห็นได้ชัดเพราะชนพื้นเมืองได้ฝึกซ้อมมันไม่กี่วัน รูปขบวนของพวกเขาเริ่มแตกสลายทันทีที่มีหมาป่าพุ่งเข้ามาหาพวกเขามากขึ้น
หมาป่าตัวหนึ่งกระโดดขึ้นไปในอากาศโดยการใช้หินและพยายามตะครุบผู้เล่นที่อยู่ใจกลางรูปขบวน แต่ลูกศรก็ได้ปักท้องของมันและทำให้มันพุ่งหัวทิ่มพื้นแทน
หลี่ชิงพุ่งไปข้างหน้าและแทงดาบ ‘แหลมงาสุกร’ เข้าไปที่คอของหมาป่า อย่างไรก็ตามเขาก็ล้มเหลวในการวังหารหมาป่า บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับสัตว์ป่าชนิดนี้ ฉินเยว่หยูเป็นผู้สนับสนุนโดยการยิงลูกศรอีกหนึ่งดอกเข้าไปในหัวกะโหลกของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น หลังจากการทดสอบการต่อสู้มาหลายครั้ง พวกเขาก็ได้สร้างทีมเวิร์คบางอย่างระหว่างพวกเขา
พวกเขาดูไม่ผ่อนคลายเหมือนกับวันก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่เช้าใจได้ เนื่องจากครั้งนี้พวกเขาต้องรับมือกับสัตว์ร้ายกินคน และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีใครอยากพลาดพลั้งในเมื่อชีวิตของพวกเขาอยู่บนเส้นดาย เขี้ยวและกรงเล็บของหมาป่าบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะตายทันทีที่พวกเขายอมแพ้
จีเย่และหลู่จือเซินอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไกลออกไปโดยไม่เข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาถือว่านี่เป็นบทเรียนที่จำเป็นสำหรับทั้งชนพื้นเมืองและผู้เล่นใหม่ มันไม่ใช่ว่าศัตรูของพวกเขาจะให้เวลากับพวกเขาในการฝึกฝนอย่างช้าๆ
“อ๊ากกก ช่วยฉันด้วย!!”
หมาป่าตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขาของชนพื้นเมือง การกัดที่รุนแรงทำให้กระดูกของเขาหักอย่างง่ายดาย
ชนพื้นเมืองที่ได้รับบาดเจ็บพยายามรวบรวมความแข็งแกร่งของเขาอย่างสิ้นหวังและตัดหัวของหมาป่าด้วยดาบของเขา
ด้านข้างเขามีชนพื้นเมืองอีกคนที่สูญเสียหูอย่างกล้าหาญโดยการหยุดหมาป่าไม่ให้มากัดคอของเขาด้วยการเตะมัน
ดูเหมือนว่าจะไม่มีชนพื้นเมืองคนไหนหลบหนีไป แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม แต่ธรรมชาติโจรภูเขาของพวกเขาก็ปรากฏออกมาอีกครั้งซึ่งทำให้พวกเขาต่อสู้อย่างบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ พวกเขาหลายคนก็มีระดับสูงกว่าหมาป่าพวกนั้น
“ไม่… ไม่” ซวีเสวียสะดุดล้มเมื่อเลือดของหมาป่่าบางตัวกระเด็นใส่ใบหน้าของเธอ
จีเย่คิดแล้วว่านักแสดงหญิงคนนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือในการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมอบอาวุธที่แท้จริงให้กับเธอ หากให้เธอไป เธออาจทำร้ายเพื่อนร่วมทีมของเธอโดยไม่ตั้งใจ
หมาป่าน้ำเงินตัวหนึ่งหลุดออกเข้าไปในรูปขบวนของพวกเขาหลังจากท้องของมันถูกฟันจนแหว่ง มันใช้เวลาไม่นานมากก่อนที่มันจะหมดลมหายใจ อย่างไรก็ตามมันก็ยังใช้ความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ในการพุ่งเข้าหามนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุด นั่นก็คือผุ้เล่นหญิงสามคนที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้
“ปะ-ไปให้พ้น!!” ซางเยี่ยนยกโล่ไม้ขึ้นอย่างตื่นตะหนกและแทบจะป้องกันหมาป่าไม่ให้เข้าถึงตัวเธอได้ เธอเป็นจิตแพทย์ไม่ใช่ศัลยแพทย์ การได้เห็นเลือดและร่างกายที่ฉีกขาดทำให้เธออยากอ้วก
เคร้งงง!
ดาบเหล็กแทงเข้าไปในหลังของมหาป่าและทำให้ลมหายใจที่ใกล้จะหมดของมันหมดลง
ซูนงอิ๋งไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ในขณะที่อ้าปากเพื่อหายใจ เธอก็ยังคงฟันดาบอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งศพหมาป่าหยุดกระตุก