ลูกศรได้เล็งไปที่สถานที่ที่หลู่จือเซินและจีเย่เคยยืนอยู่อย่างชัดเจน
ลูกศรที่ปกคลุมด้วยแสงสีฟ้ามีความยาวมากกว่า 1 เมตรได้เดนิทางข้ามหุบเหวในชั่วพริบตา
หลู่จือเซินไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นของอีกฝั่งหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงของจีเย่
หลู่จือเซินยกถุงมือกรงเล็บอันใหม่ของเขาขึ้นตามสัญชาตญาณ เมื่อถูกเสริมพลังด้วยแสงสีเหลือง มือของเขาก็กระแทกกับลูกศรเพื่อเบี่ยงเบนวิถี
ลูกศรถูกบังคับให้เปลี่ยนเส้นทาง มันปักอยู่ในต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ โดยเหลือเพียงเศษซากที่ร่วงหล่นอยู่ด้านหลังต้นไม้ แม้ว่าจะผ่านระยะทางที่ไกลและถูกหมัดของหลู่จือเซินทำให้ความรุนแรงลดลง แต่ก็ยังคงรักษาการโจมตีที่รุนแรงเพียงพอที่จะทำให้กะโหลกศีรษะของมนุษย์แตกเป็นชิ้นๆ
อย่างน้อยจีเย่ก็ไม่เชื่อว่าหน้าไม้ของเขาสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
‘มนุษย์อินทรี’ ตัวใหญ่ตัวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตระดับวิสามัญอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็น ‘วีรบุรุษ’ ของมนุษย์ต่างดาว
“กลับกันเถอะ!” จีเย่และหลู่จือเซินรีบเดินเข้าไปในป่าเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีเพิ่มเติม
มนุษย์อินทรีดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากการโจมตีพลาด ‘ตาที่สาม’ ของมันเปล่งประกายเล็กน้อยก่อนที่มันจะหันไปดูเพื่อนร่วมทีมที่กำลังสังหารหมีที่มีปีก
“เราประสาทพวกมันไม่ได้…” จีเย่พึมพำหลังต้นไม้ ในขณะที่ตรวจดูลูกศรที่แปลกประหลาดที่เขาเพิ่งดึงออกมา มันคล้ายกับลูกศร แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้สร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์ แกนหลักทำมาจากกระดูกของสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จัก ในขณะที่เหลาของมันมีอักษรรูนแปลกๆ วาดอยู่
รูนเหล่านั้นมีพลังวิเศษหรือไม่เขาไม่รู้ หากเขายิงลูกศรระเบิดเพลิงของเขาไปฝั่งตรงข้าม มนุษย์อินทรีเหล่านั้นอาจจะเห้นคำว่า ‘ซิปโป้’ เป็นคาถาอะไรสักอย่าง
น่าเสียดายที่จีเย่ไม่มีทางยิงออกไปได้เนื่องจากเขาไม่ได้นำหน้าไม้ติดตัวมาด้วย เขาสามารถใช้ปืนลูกโม่ได้ แต่มันก็ไม่มีทางโดนเพราะกระสุนจะสูญเสียพลังก่อนที่จะพุ่งไปถึงอีกฝั่ง
นอกจากนี้เขายังไม่เคยฝึกการใช้อาวุธปืน การเล็งไปที่เป้าหมายที่เคลื่อนที่ในระยะหลายร้อยเมตรด้วยปืนลูกโม่จะทำให้กระสุนของเขาเสียเปล่า นี่คือเหตุผลที่เขาไม่หยิบปืนออกมาเมื่อพวกเขาต่อสู้กับลิงแมนดริล
“ฟังนะผู้นำหลู่ ฉันมีแผน…”
จีเย่อธิบายแนวคิดใหม่ของเขาทันทีหลังจากที่เขาจำได้ว่านักรบร่างใหญ่คนนี้สามารถโยนดัมเบลหินสองก้อนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการโยนของเล่น
“เข้าใจแล้วครับท่านหัวหน้า”
หลู่จือเซินหยิบหินขึ้นมาจากพื้นซึ่งมีขนาดเท่ากับหัวมนุษย์และบดให้เป็นลูกบอลขนาดเล็กที่เหมาะมือ
ไม่กี่นาทีต่อมา หมีที่มีปีกก็หายใจเฮือกสุดท้ายในขณะที่เลือดกำลังไหลออกมา แต่ ‘มนุษย์อินทรี’ ไม่ได้ตั้งใจรอให้มันตาย พวกมันทั้งหมดยกอาวุธขึ้นมาเพื่อสังหารหมีที่มีปีกให้เร็วขึ้น
การต่อสู้อาจจบลงตั้งแต่ก่อนหน้านี้หากวีรบุรุษมนุษย์อินทรีให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมซึ่งมันไม่ได้ทำ สิ่งมีชีวิตตัวนี้อาจพยายามฝึกฝนลูกน้องของมันเหมือนกับที่หลู่จือเซินกำลังวางแผนที่จะทำกับชนพื้นเมือง แม้ว่าวีรบุรุษมนุษย์ต่างดาวจะใช้วิธีการที่โหดร้ายกว่า แต่ก็สามารถบอกได้ว่าสหายส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากหมีเพียงใด หนึ่งในนั้นดูเหมือนใกล้จะตายแล้ว
เมื่อมองดูว่าพวกมันที่เหลืออยู่พุ่งเข้าไปหาหมีอย่างไม่เกรงกลัว สามารถบอกได้เลยว่าการฝึกฝนได้ผลลัพธ์ที่ดีเพียงใด
ฟิ้ววว!
ทันใดนั้นก้อนหินก็พุ่งด้วยความเร็วสูงราวกับว่าถูกยิงด้วยหนังสติ๊ก กระสุนมรณะสร้างเสียงแหลมที่คมชัดในขระที่มันบินอยู่และพุ่งไปทางหมีที่กำลังจะตาย
‘วีรบุรุษมนุษย์อินทรี’ หรี่ตาทั้งสามเมื่อสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
การโจมตีด้วยหินพุ่งเฉียดหัวของหมีและไถ่ขนที่หัวของมันไปเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งไปชนมนุษย์อินทรีที่กำลังวิ่งแทน
ตู้ม!
สิ่งมีชีวิตขั้นทั่วไปจะสิ้นหวังเมื่อโดนหินก้อนใหญ่ดังกล่าวชนเข้าที่หัวเหมือนที่กล่าวไว้ในฟอรั่ม มันล้มลงบนพื้นทันทีก่อนที่มันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ศพมนุษย์อินทรีไม่ไดสร้างไอเทมทรงกลมออกมา แต่กลับมีบางสิ่งที่เป็นสีดำโผล่ออกมา
“นั่นคือวิญญาณแห่งอารยธรรมงั้นเหรอ?” จีเย่พึมพำในขณะที่ตรวจดูทรงกลมจากที่ไกลๆ “ฉันเข้าใจแล้ว เราจะได้รับสิ่งเหล่านี้มากขึ้นโดยการสังหารเผ่าอื่น”
[สมาชิกทีมของคุณได้สังหารมนุษย์อินทรี (ระดับสามัญอันดับ 7) สำหรับการให้ความช่วยเหลือ คุณได้รับ ค่าประสบการณ์ : 15 แต้มเกียรติยศ : 1]
“เฮ้ ไม่เพียงแต่ฉันจะต้องเจอกับมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น แต่ฉันยังได้สังหารหนึ่งในนั้นด้วย” จีเย่หัวเราะเบาๆ “บางทีฉันอาจจะเป็นผู้เล่นที่เป้นมนุษย์คนแรกที่เคยทำแบบนี้ เสียดายที่ฉันไม่ได้ฆ่าด้วนตัวเอง”
ชื่อ ‘มนุษย์อินทรี’ ดูค่อนข้างแปลกๆ ดินแดนแห่งมรดกมีแนวโน้มที่จะมีชื่อที่ตรงไปตรงมาสำหรับทุกสิ่งอยู่แล้ว
เขาสงสัยว่ามนุษย์อินทรีเหล่านั้นจะเรียกเขาว่าอะไร ตัวประหลาดสองตางั้นเหรอ? นั่นฟังดูเข้าท่ามาก
“ฮ่า! ฉันทำได้แล้วท่านหัวหน้า” หลู่จือเซินกลับมาด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ
ในซ้องกั๋ว หลู่จือเซินไม่เคยเป็นคนที่ขมวดคิ้วเมื่อเจอกับเหตุการณ์นองเลือด เขาดูไม่ใส่ใจเมื่อกำลังสังหารศัตรู
วีรบุรุษมนุษย์อินทรีให้ความสนใจกับตำแหน่งของจีเย่ หลู่จือเซินจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผยและการโจมตีด้วยหินจึงประสบความสำเร็จ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเสื้อพิเศษบนร่างกายของเขา ชุดคลุมล่องหนตั๊กแตนตำข้าวของจีเย่
อีกด้านหนึ่งของหุบเหว มนุษย์อินทรีที่เหลือไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ กับการตายของพวกพ้อง แต่พวกมันหลายคนกลับวิ่งไปที่ขอบหน้าผาและตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธไปในทิศทางที่จีเย่ซ่อนตัวอยู่ราวกับว่าพวกเขาต้องการสาปแช่งงจนกว่าเขาจะยอมจำนน
น่าเสียดายที่จะงอยปากและกรงเล็บของพวกมันไม่สามารถช่วยให้พวกมันบินได้ ระยะทางที่สั้นที่สุดในการข้ามหุบเหวที่สั้นที่สุดในการมองเห็นของจีเย่อยู่ที่ 150 เมตรซึ่งหมายความว่าการกระโดดข้ามนั้นเป็นไปไม่ได้
วีรบุรุษมนุษย์อินทรีอาจใช้อาวุธเพื่อโจมตีอีกครั้ง แต่จีเย่ไม่ได้วางแผนที่จะให้โอกาสครั้งที่สอง เขาบอกให้หลู่จือเซินออกจากพื้นที่นี้ทันที
“นายพูดว่าอะไรนะ? เราสามารถนำดักกี้กลับมาได้งั้นเหรอ?”
ในระหว่างเดินทางกลับไปที่ถ้ำ จีเย่รู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลจากหลู่จือเซิน
“ใช่แล้วครับท่านหัวหน้า เมื่อฉันสังหารหนึ่งในผู้รุกรานเหล่านั้น ฉันก็ได้รับการรู้แจ้งใหม่จากสวรรค์อีกครั้ง มันบอกฉันว่าตราบใดที่เราทำสงครามและได้รับชัยชนะมา เราจะสามารถนำสหายที่เสียชีวิตของเรากลับมาได้ด้วยพิธีกรรมที่ทำโดยการใช้วิญญาณแห่งอารยธรรม”
ในซ้องกั๋ว หลู่จือเซินมักจะเอาชนะตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อไม่ให้พวกพ้องของเขาตาย ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากที่ได้รับข่าว
“นั่นฟังดูเยี่ยมมาก!” จีเย่พยักหน้าเห็นด้วย
หากเป็นเช่นนั้นจริง ชนพื้นเมืองก็ไม่จำเป็นต้องกลัวความตายในระหว่างการต่อสู้ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถแลกชีวิตเพื่อปกป้องถิ่นฐานของตนได้ และพวกเขาต้องรักษาถิ่นฐานให้ปลอดภัยโดยไม่สนว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้าง เนื่องจากผู้เสียชีวิตจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพมาได้หากไม่มีถิ่นฐาน
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน