เช้าวันรุ่งขึ้น จีเย่ออกจากห้องของเขาและเห็นหลู่จือเซินกำลังฝึกฝนอยู่ที่ลานกลางบริเวณวิหารซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นลานประลองแล้ว นักรบกล้ามเนื้อได้ยกดัมเบลล์หินขนาดใหญ่สองก้อนซึ่งแต่ละก้อนดูเหมือนจะหนักอย่างน้อย 50 กิโลกรัม
“ฮึบ!”
หลู่จือเซินตะโกนและเหวี่ยงหนึ่งในนั้นขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็จับมัน และเหวี่ยงอีกก้อนขึ้นไปในอากาศ
สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ หลายครั้งจนกระทั่งเขาปล่อยพวกมันและเห็นพวกมันกระแทกลงไปที่พื้นทำให้เกิดหลุมยักษ์ขนาดเล็กสองที่บนพื้น
“มาเลย พวกนายทุกคนเข้ามาพร้อมกัน!”
ดูเหมือนว่าการยกน้ำหนักจะเป็นเพียงการวอร์มร่างกายของหลู่จือเซิน การฝึกฝนที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น
ด้วยคำสั่งของเขา ชนพื้นเมืองของภูเขามังกรคู่ 20 คนซึ่งเป็นชายที่ได้รับการคัดเลือกโดยเฉพาะก็พุ่งเข้าหาเขาในเวลาเดียวกัน
“เรามาแล้วผู้นำ!”
ชนพื้นเมือง 20 คนตะโกนออกมาและรีบวิ่งเข้าไปพร้อมกัน
ตุบ ตุบ!
ในกรณีนี้ จำนวนที่มากกว่าของพวกเขานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้ช่วยให้นักนบขนาดกลางสามารถล้มชายที่สูงเกือบสองเมตร หลู่จือเซินใช้หมัดคู่ที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าหัวมนุษย์น็อคคู่ต่อสู้ของเขาที่ละคน
“ยังไม่พอ พวกนายไม่เพียงแค่ขาดการฝึกที่เหมาะสม แต่ยังไม่มีความสามัคคีเลย!” หลู่จือเซินอธิบายให้นักสู้ทุกคนที่ยืนอยู่บนพื้นดิน “ต่อจากนี้ พวกนายจะต้องทุ่มเทเวลาที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อฝึกฝนทักษะของพวกนาย เพื่อให้แน่ใจว่สพวกนายจะเป็นนักสู้ที่มีความสามารถให้เร็วที่สุด!”
การฟังเสียงที่ทำให้คนหูหนวกของเขาในระยะใกล้ก็เหมือนกับการได้ฟังเสียงพายุฝนฟ้าคะนองในระยะใกล้
“ตอนนี้ คอยดูไว้ ฉันจะแสดงศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อว่า ‘หมัดอรหันต์’ มันเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ทั่วไป แต่มันก็ช่วยพวกนายได้อย่างมากในช่วงเริ่มต้นของเส้นทางสู่การเป็นนักรบที่แท้จริง”
ด้วยเหตุนั้น หลู่จือเซินจึงเริ่มแสดงท่าร่างศิลปะการต่อสู้หมัดอรหันต์
แม้ว่าหลู่จือเซินจะพูดว่ามันเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ทั่วไป แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นดูค่อนข้างอันตรายเนื่องจากการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาจะทำให้เกิดเสียงระเบิดขนาดเล็กที่บ่งบอกถึงพลังและความเร็วอันยอดเยี่ยม
ตูม!
ในระหว่างการสาธิตของเขา หลู่จือเซินก็ได้ชกต้นไม้ใกล้ๆ ที่หนาเทียบเท่ากับขาของผู้ใหญ่จนหักครึ่งหนึ่ง
“เตรียมรับมือผู้นำหลู่!”
ทันใดนั้นร่างของมนุษย์ก็กระโดดลงมากลางสนามประลองและรีบวิ่งไปหาหลู่จือเซิน
“ท่านหัวหน้า??” คนอื่นๆ ที่อยู้ใกล้ต่างก็เฝ้าดูจีเย่ที่กำลังเข้าไปต่อสู้ด้วยความตกใจ
หลู่จือเซินหันกลับมาและปัดหมัดของจีเย่ด้วยมือของเขา
จากนั้นก็ตามมาด้วยการโจมตีที่ไร้รูปแบบของจีเย่
สัญลักษณ์ของหมักตั๊กแตนคือการใช้ความเร็วที่ไม่เหมือนใครเทียบได้เพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของคุณเสียสมดุล เสริมด้วยความแข็งแกร่งของจีเย่ การโจมตีนั้นจึงยากที่จะป้องกัน
ถึงอย่างนั้น หลู่จือเซินก็ไม่ใช่นักสู้ทั่วไป ในขณะที่ยังคงใช้ ‘หมัดอรหันต์’ ของเขา เขาก็สามารถเบี่ยงการโจมตีทั้งหมดของจีเย่ได้อย่างสวยงามและหมดจด
“โห? ท่านหัวหน้า ศิลปะการต่อสู้ของท่านดูเหมือนกับหมัดอรหันต์ของฉันมาก” หลู่จือเซินพูดขึ้นหลังจากที่ก้าวมาอยู่ในระยะปลอดดภับ
“ใช่แล้วผู้นำ” จีเย่พยักหน้าเห็นด้วย
ในขณะที่ ‘ออกจากระบบ’ จีเย่ก็ได้พยายามค้นหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้หมัดตั๊กแตนและพบว่าศิลปะการต่อสู้นี้มีชื่อว่า ‘หมัดตั๊กแตนของอรหันต์’ ศิลปะการต่อสู้นี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกันกับวัดเส้าหลินในตำนาน
จีเย่คาดหวังว่าหลู่จือเซินจะรับรู้ถึงความเชื่อมโยงในฐานะนักรบผ่านศึก แม้แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลู่จือเซินจะรับรู้ได้เร็วแบบนี้
เขาจำได้ว่าพลังภายในนั้นควรจะเป็นศิลปะการต่อสู้โกลาหลดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นโดยพระซึ่งหมายความว่าในปัจจุบัน เขามีศิลปะการต่อสู้สองอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระและวัด มีบางอย่างบอกเขาว่าเขากำลังจะกลายเป็นพระนักสู้ในอัตรานี้
ตามความจริง จีเย่เลือกที่จะต่อสู้กับหลู่จือเซินเพียงเพราะศิลปะการต่อสู้ที่พวกเขาใช้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
“ฉันจะไม่ออมมือแล้วหัวหน้า เตรียมรับมือ!” หลู่จือเซินอุทานด้วยความตื่นเต้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาสนใจในทักษะของจีเย่อย่างมาก
พวกเขาปะทะกันกลางลานประลองอีกครั้ง
หมัดตั๊กแตนมุ่งเน้นไปที่การทำให้ศัตรูสับสนโดยรวมการโจมตีต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หมัดอรหันต์ของหลู่จือเซินนั้นตรงไปตรงมามากกว่า การโจมตีแต่ละครั้งของชายคนนั้นรุนแรงและน่ากลัว ในเวลาเดียวกันก็รักษาจุดอ่อนของหลู่จือเซินให้พ้นจากเงื้อมมือของจีเย่
พวกเขาผ่านการปะทะมากกว่า 20 ครั้งโดยไม่มีใครเพลี้ยงพล้ำ
“ท่านหัวหน้า… สุดยอดมาก!”
“ใช่แล้ว… เขาสามารถรับมือกับผู้นำได้ น่าประทับใจมาก”
“นายจะแปลกใจทำไมกัน? เขาสามารถสังหารมอนเตอร์ตัวนั้นด้วยตัวเองเลยนะ!”
“ท่านทำได้หัวหน้า!!”
นักสู้ฝึกหัดที่สามารถยืนขึ้นได้ก็ส่งเสียงเชียร์ออกมาดังๆ
นอกจากนี้พวกเขาก็เริ่มแสดงความเคารพอย่างแท้จริงกับจีเย่ เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้านี้ในตอนที่พวกเขายังคงยกย่องเขาในฐานะ ‘ผู้ถูกเลือกจากเทพเจ้า’
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่าย การต่อสู้ก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำความรู้จักกันมากขึ้น
“ฟู่วว… มันสุดยอดมาก!” จีเย่รู้สึกเหนื่อยล้าในการต่อสู้มาก แม้ว่าความตื่นเต้นจะยังไม่หายไป
คนสมัยใหม่ที่มีชีวิตที่สงบสุขจะไม่มีวันเข้าใจความตื่นเต้นของการเพลิดเพลินไปกับการปะทะของร่างกาย ไม่ต้องพูดถึงว่าจีเย่นั้นไม่สามารถทดสอบความแข็งแกร่งของเขากับคนทั่วไปได้เนื่องจากจะส่งผลให้เกิดการฆาตกรรมได้
หน้าต่างตัวละครของเขาถูกเปลี่ยนแปลงใหม่
[ฝ่าย : มนุษย์ (โลก)]
[พรสวรรค์ : การผสาน (มรดก ระดับวิสามัญ)]
[ระดับ : วิสามัญ อันดับ 1 (ชั้นยอด)]
[สกิล : พละกำลังโกลาหลดั้งเดิม (พื้นฐาน) หมัดตั๊กแตนเจ็ดด้าน (เชี่ยวชาญขั้นสุดยอด)]
[ไอเทม : ดาบงูดำ สายเลือดงูดำ ใบมีดคู่หยกม่วง ชุดคลุมตั๊กแตนหมายเลข 1…]
สกิลพละกำลังโกลาหลดั้งเดิมกำลังจะถึงรัดับเชี่ยวชาญต่ำแล้วในตอนนี้ หมัดตั๊กแตนของเขายังได้เพิ่มความเชี่ยวชาญไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสุดยอดซึ่งเป็นผลมาจาก ‘การฝึกฝนด้วยแต้มประสบการณ์’ ของเขาเมื่อวันก่อน
สิ่งที่สุดยอดที่สุดเกี่ยวกับการผสานไม่ใช่อค่การสร้างเทคนิคขั้นสมบูรณ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาได้เรียนรู้เทคนิคการบ่มเพาะนี้อย่างดี ดังนั้นความเร็วในการบ่มเพาะจึงสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว!
แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้น นั่นคือแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเหมือนกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ด้วยเวลาเพียงครึ่งคืน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฝึกฝนสกิลจนถึงระดับดังกล่าวได้ นั่นไม่มีประโยชน์แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะโดยการใช้ ‘แต้มประสบการณ์’ จนหมดก็ตาม
อย่างไรก็ตามหนึ่งในฟังก์ชั่นขของแต้มเกียรติยศก็คือการแปลงเป็น ‘แต้มประสบการณ์’ ด้วยอัตราส่วน 1:100!
เขาคิดว่าแต้มเกียรติยศมีค่ามากกว่าแต้มประสบการณ์ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่เขาจะไม่ใช้อย่างสิ้นเปลือง แต่ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ใหม่จึงเขาให้เขาตัดสินใจใช้มัน
ด้วยการใช้แต้มเกียรติยศหลายแต้ม เขาก็พบว่ามีเวลามากพอที่จะเพิ่มระดับของพละกำลังโกลาหลดั้งเดิมให้อยู่ในระดับ ‘พื้นฐาน’ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น
โดยพื้นฐานแล้ว เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนในสนามฝึกเสมือนจริงเพื่อฝึกฝนหมัดตั๊กแตนแบบไม่หยุด ทันทีที่เขาออกมาและเห็นหลู่จือเซินใช้ศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายกัน เขาก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะเข้าไปสู้กับหลู่จือเซิน
จีเย่รวมพลังภายในเข้าไปในแขนของเขาและรู้สึกได้ถึงพลังภายในที่รวบรวมมาซึ่งพร้อมที่จะปลดปล่อยออกมา
“ผู้นำหลู่รับมือ!”
เขาพุ่งไปข้างหน้า
ตูม!
พวกเขาทั้งสองป้องกันหมัดที่เข้ามาด้วยแขนจนทำให้พวกเขาเสียหลักเพราะแรงสะสม
เมื่อมองดูในตอนนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจีเย่นั้นพัฒนาขึ้นเล็กน้อย