“เดี๋ยวก่อน” จีเย่หยุดชะงักในขณะที่เขาสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างจากคำอธิบายของชายชรา โดยเฉพาะที่ว่า ‘สังหารเสือ’ และ ‘ถูกล้มกรอบโดยนักการเมือง’ ในฐานะพลเมืองของประเทศมังกร สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะให้เบาะแสเบื้องต้นแก่เขาว่านักรบคนนี้คือใคร
“ผู้นำคนที่สองมีคำว่า ‘อู๋’ ในชื่อใช่มั้ย? ”
“โอ้ ฉันไม่คิดว่าท่านจะรู้จักเขา ใช่แล้ว เขาถูกเรียกว่าอู๋ซง ท่านรู้จักกันงั้นเหรอ?”
“ไม่ แต่ฉัน… เคยชื่นชมเขามาก”
จีเย่รู้สึกยินดีที่ได้ยินเกี่ยวกับตัวละครที่คุ้นเคยที่ถูกนำมาจากนวนิยายที่มีชื่อเสียง ซ้องกั๋ง สิ่งนี้บอกเขาว่า ‘ที่พักของมังกรคู่’ ไม่ใช่สถานที่สุ่มที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน มันควรอ้าวอิวได้จากที่ใดที่หนึ่งในหนังสือด้วย
ปัญหาก็คือวรรณกรรมพื้นเมืองไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบอ่าน เขาได้อ่านเพียงสองในสี่ ‘สุดยอดวรรณกรรมจีน’ ซึ่งไม่ได้รวมถึงซ้องกั๋ง เขาจำชื่อและสถานที่ที่โดดเด่นได้หลายแห่ง ในขณะที่ ‘ที่พักของมังกรคู่’ นั้นไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน
เมื่อพูดถึงอู๋ซง ชายคนนี้เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในบรรดาผู้กล้าหาญทั้ง 108 คน แน่นอนว่าจีเย่ตื่นเต้นที่จะได้พบเขา
ตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ‘เอ็นพีซี’ ที่สร้างขึ้นในดินแดนแห่งมรดกจะสืบทอดลักษณะนิสัยดั้งเดิมของพวกเขา โดยคัดลอกโดยตรงจากที่มาของพวกเขา นี่หมายความว่าอู๋ซงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักรบกล้ามโตที่สามารถทุบเสือที่โตเต็มวัยจนตายได้ ในขระที่เมาสุรา
“ผู้อาวุโสฮู คุณกล่าวว่ามีผู้นำสามคนในหมู่บ้านใช่มั้ย?” จีเย่เอ่ยถาม ในขณะที่เขาสงสัยคนที่มีพลังระดับเดียวกัน
“ผู้นำคนแรกของเราคือหลู่ต๋า ส่วนผู้นำคนที่สามก็คือหยางจื้อ”
“หืม ‘หลวงจีนลายบุปผา’ หลู่จือเซิน และ ‘อสูรหน้านิล’ หยางจื้อ ใช่มั้ย?”
“… ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาทั้งหมดเหรอท่านหัวหน้า?”
“ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ฉันอยากจะพบพวกเขาจริงๆ…”
เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมคนที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับอู๋ซงจึงเต็มใจที่จะอยู่ภายใต้คำสั่งของคนอื่น แน่นอนว่าหลู่จือเซิน ในฐานะปลัดอำเภอนั้นเหมาะสมมากที่จะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริง ไม่ต้องพูดถึงหลู่จือเซินที่ให้ความสำคัญกับความยุติธรรมมากกว่าสิ่งใดในโลก
สำหรับหยางจื้อ เขาไม่ได้โดดเด่นเหมือนสองคนก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ในซ้องกั๋ง
สถานที่แห่งนี้เป็นห้องเก็บสมบัติอย่างแท้จริง!
“เห้อ… เหมือนที่ฉันพูด พวกเขาหายไปพร้อมกับกลุ่มพี่น้องของเราไม่นานหลังจากที่ภัยพิบัติมาเยือนเรา” ฮูเฟิงส่าวหัว “ภูเขาลูกนี้เคย… งดงามและอุดมไปด้วยทรัพยากร จนกระทั่งงูดำตัวนั้นมาถึง ตอนนี้ประชากรครึ่งหนึ่งของเราหายไปหรือถูกกินทั้งดป็น มีเพียงชายชรา เด็กและคนป่วยที่ไม่สามารถหลบหนีได้ที่ยังคงเหลืออยู่…”
“ก่อนหน้านี้เมื่อหมอกยังคงอยู่ สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนนั้นกลับมาอีกครั้งและพรากอีก 8 ชีวิต รวมทั้งคนที่อายุน้อยที่สุดสองคนไป นั่นคือเหตุผลที่เราไม่สามารถยอมรับมันได้อีกต่อไป และตัดสินใจที่จะต่อสู้กับมัน แม้ว่าอาจทำให้เราถูกฆ่าตายกันหมดก็ตาม”
จีเย่ยิ้มและมองไปที่ไอเทมที่เขาเพิ่งได้มา “กลับไปที่หมู่บ้านกันเถอะ ฉันรู้ว่าจะหาคนที่หายไปได้ที่ไหน”
“นะ-แน่นอน ท่านคือผู้ที่ถูกเลือก! ฉันจะพาท่านไปที่นั่นทันที!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา กลุ่มก็มาถึงทางด้านใต้ของภูเขาซึ่งมีบ้านฟางไม่กี่สิบหลังที่ถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้ที่เรียบง่าย การสร้างถิ่นฐานบนที่สูงนั้นง่ายต่อการป้องกัน ตราบใดที่ศัตรูที่อาจเกิดขึ้นไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า
ฟอรั่มพูดอย่างแท้จริง
สิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนจะเหมาะสมเพียงอย่างเดียวก็คือโครงสร้างคล้ายวิหารที่ทำมาจากอิฐและไม้พยุงซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางถิ่นฐาน หลังจากนั้นจีเย่ก็ถูกนำตัวไปที่อาคารย่อยหลังหนึ่งของวิหารซึ่งถูกประดับด้วยแผ่นจารึกที่เสียหายซึ่งมีข้อความว่า ‘ศาลเจ้าแห่งความภักดี’
[ที่พักของมังกรคู่ แกนกลางถิ่นฐาน]
[ระดับ : สามัญ อันดับ 1]
[ความหายาก : พิเศษ]
[แกนกลางของถิ่นฐานคือหัวใจของโชคชะตาและพลังชีวิตของอารยธรรม ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มันจะอัญเชิญวีรบุรุษทุกประเภทที่คล้ายคลึงกับตำนานที่ถูกเล่าขานกันมาในพื้นที่ท้องถิ่น]
ผู้เล่นคนแรกที่ได้รับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก็คือคนมังกรซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในอมีเกิ้ล หลังจากการสอบสวนบางอย่าง ผู้คนก็พบว่าอมีเกิ้ลจงใจละเว้นความจริงส่วนหนึ่ง เมื่อผู้เล่นคนนั้นเข้าไปใน ‘หมู่บ้านเร็น’ หัวหน้าถิ่นฐาน ‘ลุงคนที่เก้า’ ไม่ได้ถูกพบที่นั่น เช่นเดียวกับผู้นำทั้งสามของที่พักของมังกรคู่ เขาก็หายตัวไปเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมือปราบในตำนานคนนี้จะจัดการมอนเตอร์ตัวนั้นอย่างรวดเร็วและไม่ปล่อยให้ผู้เล่นที่มาเยือนต้องยุ่งยาก
ผู้เล่นคนนั้นยังพบ ‘แกนกลาง’ ในหมู่บ้านเร็นซึ่งมีฟังก์ชั่นเดียวกับที่อยู่ในที่พักของมังกรคู่
โดยส่วนใหญ่แล้ว แกนกลางอาจนำบุคคลในประวัติศาสตร์หรือบางครั้งก็เป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับถิ่นฐานอย่างมาก ในกรณีพิเศษอาจนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วยเช่นกัน
ต้องจ่ายด้วยราคาหากพวกเขาต้องการอัญเชิญวีรบุรุษคนใหม่ นั่นคือ ‘เครื่องบูชายัญ’ เครื่องบูชายัญที่มีคุณภาพสูงกว่าจะมีโอกาสที่ดีกว่าในการอัญเชิญผู้ช่วยเหลือที่แข็งแกร่งขึ้น นี่คือเหตุผลที่ ‘วิญญาณงู’ ถูกนำเข้ามา
นอกเหนือจากเครื่องบูชายัญ เขายังต้องใช้ไอเทมที่ถูกเรียกว่า ‘วิญญาณแห่งอารยธรรม’ ทุกถิ่นฐานควรมีอย่างน้อยหนึ่งอัน
“ให้ฉันลองดูหน่อย…”
จีเย่เข้าไปในศาลเจ้าและทันทีที่เห็นลูกกลมแสงที่ทำมาจากหมอก กำลังลอยอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของห้องแทนที่จะเป็นรูปปั้นวิหารที่เขาคาดหวัง ลูกกลมแสงนั้นกำลังสว่างขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมีถ่านสีขาวขนาดเล็กกำลังเผาไหม้อยู่ภายใน
ด้วยการใช้สายตาที่ดีของเขา เขามองเห็นเงาขนาดเล็กที่ฉายออกมาจากถ่านเป็นครั้งคราว เขาเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังแกะสลักตัวอักษรโบราณบนกระดองเต่าอย่างอดทน นักสมุนไพรที่เดินทางโดยใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อทดสอบคุณสมบัติของพืช อาจารย์ผู้ทุ่มเทกำลังบรรยายกลุ่มเด็กนักเลง นักวิทยาศาสตร์ที่พยายามที่จะคิดทฤษฏีควอนตัม นักธรณีวิทยาที่พยายามวัดพื้นดินและนักดาราศาสตร์ที่กำลังวาดแผนที่ดวงดาว… ทุกครั้งที่ถ่านไฟสว่างขึ้น เขาจะสามารถมองเห็นเงาจำนวนมากขึ้นอยู่ในความมืดมิดที่แสงสว่างส่องเข้าไม่ถึง
[วิญญาณแห่งอารยธรรม]
[ระดับ : วิสามัญ อันดับ 1]
[ความหายาก : ผู้บัญชาการ]
[เมื่อวิญญาณของวีรบุรุษลงมา วิญญาณแห่งอารยธรรมจะมอบร่างกายและสติปัญญาที่สอดคล้องกันให้กับพวกเขา]
จีเย่โค้งคำนับเล็กน้อยให้กับลูกกลมแสงที่ลอยอยู่ด้วยความเคารพอย่างสูง ก่อนที่จะวาง ‘วิญญาณงู’ ลงบนขาตั้งขนาดเล็กด้านล่างลูกกลมแสง
จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปที่ทางเข้าของศาลเจ้าและเฝ้ารอ