ตอนที่ 165 รางวัลและการเพิ่มระดับ
[คุณได้รับเหรียญอารยธรรม 5,539 เหรียญ!]
[บัตรทองของคุณในเมืองแห่งมนุษย์ถูกพัฒนาเป็นบัตรเพชร!]
[คุณได้รับหินแห่งอารยธรรมระดับวิสามัญอันดับ 7 ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมขั้นสมบูรณ์ในระดับเดียวกันได้ที่แกนกลางถิ่นฐาน]
[คุณถูกประเมินเป็นบอส!]
ช่วงเวลาที่เขาทำลายการบาร์เรียของแกนกลางถิ่นฐานมนุษย์อินทรี จีเย่ก็รับรู้ได้ถึงข้อมูลจำนวนมากในหัวของเขา
เขาคาดการณ์ว่าภารกิจการแข่งขันสิบสายพันธุ์จะเสร็จสิ้น แต่รางวัลมากมายนั้น่าประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนอื่นเลย เขาได้รับโบนัสแต้มเกียรติยศมากกว่าห้าร้อยแต้ม ไม่รวมรางวัลสำหรับการทำลายถิ่นฐานของมนุษย์อินทรี
เมื่อพิจารณาว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเหรียญอารยธรรมและแต้มเกียรติยศนั้นยังคงเป็น 10 : 1 หมายความว่าเขาจะได้รับแต้มเกียรติยศหนึ่งพันแต้มในเวลาเดียวกัน!
นอกจากนี้บัตรทองในเมืองแห่งมนุษย์ของเขาก็ได้พัฒนาเป็นบัตรเพชร และการประเมินของเขาก็ได้เพิ่มเป็น “บอส”
บัตรเพชรนั้นสูงกว่าบัตรทองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่บอสล่ะคืออะไร?
ตามข้อมูลที่จีเย่ได้รับ มันเป็นการประเมินที่สูงกว่าผู้บัญชาการ ในทางทฤษฎี ควรมีกึ่งผู้บัญชาการในระหว่างนั้น แต่เขาก็เพิกเฉยต่อมัน
แน่นอนว่าบัตรเพชรและการเพิ่มการประเมินนั้นเป็นเพียงการยืนยันถึงศักยภาพของเขาและในบรรดารางวัลมากมาย รางวัลที่มีค่ามากที่สุดน่าจะเป็นหินแห่งอารยธรรมระดับวิสามัญอันดับ 7 ซึ่งสามารถได้รับมาจากการสังหารผู้เล่นมนุษย์ต่างดาวระดับวิสามัญอันดับ 6 ที่มีขั้น “สมบูรณ์เท่านั้น”
แต่หากเขาต้องการสังหารผู้เล่นมนุษย์ต่างดาว เขาจะไม่เพียงแค่ได้รับหินแห่งอารยธรรม แต่ยังรวมถึงสินสงครามอื่นด้วยเช่นกัน!
ดูเหมือนว่าเนื่องจากภารกิจของการแข่งขันสายพันธุ์นั้นสิ้นสุดลง แสงของสินสงครามก็ได้ปรากฏขึ้นบนศพมนุษย์อินทรีรอบตัวเขา ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ เขาจะต้องรอจนกว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างสมบูรณ์
แสงจากศพมนุษย์อินทรีหลายสิบตัวที่พยายามขัดขวางเขาด้วยชีวิตของพวกมันนั้นรวมตัวกันและกลายเป็นสินสงครามที่ส่องสว่าง
[กลิ่นอายต่อสู้]
[ระดับ : วิสามัญ]
ขั้น : สมบูรณ์
[รายละเอียด : นี่คือวิธีการบ่มเพาะที่มนุษย์อินทรีภาคภูมิใจและเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมพวกมันถึงกลายเป็นสายพันธุ์ชั้นนำของโลกที่พวกมันจากมา!]
มันเป็น “เทคนิค” ที่มีขั้นสมบูรณ์ เหมือนกับศิลปะการเพาะพันธุ์วิญญาณกระหายเลือดของเผ่าวิญญาณและกระจกเมฆาลวงตาของมอนเตอร์ลวงตา
อย่างไรก็ตามสำหรับจีเย่ เทคนิคนี้ที่มนุษย์อินทรีดร็อปออกมานั้นมีค่ามากกว่าเทคนิคทั้งสองเหล่านั้น
“มันเป็นเทคนิคที่ทำให้พลังจิตของฉันแข็งแกร่งขึ้น มันเหมือนกับการบ่มเพาะจริงๆ”
เช่นเดียวกับพลังเวทมนตร์หรือพลังภายในของมนุษย์ กลิ่นอายต่อสู้ของมนุษย์อินทรีเป็นระบบการบ่มเพาะที่สมบูรณ์
ตามทฤษฎีแล้ว มนุษย์อินทรีจะสามารถเปลี่ยนพลังจิตที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นการโจมตีหรือการป้องกันผ่าน “กลิ่นอายต่อสู้ มันสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นรูปร่างต่างๆ หรือแม้กระทั่งเป็นอุปกรณ์และอาวุธ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังสามารถเสริมพลังตัวเองด้วยพลังจิตได้
“กระตุ้นตัวเองด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งและความตั้งใจที่แน่วแน่เพื่อให้ร่างกายและจิตใจถูกเสริมพลัง… นี่คือการฝึกฝนที่อิงตามนิสัยใช่มั้ย?”
จีเย่ค่อนข้างสนใจในทิศทางสุดท้าย แม้แต่แววตาของเขาก็เปล่งประกาย!
“ฉันอาจเรียนรู้หนึ่งหรือสองบทเรียนจากเทคนิคนั้น…”
เขาอาจจะบ่มเพาะเทคนิคมากเกินไป แต่กลิ่นอายต่อสู้ของมนุษย์อินทรีก็เป็นเพียงวิธีการประสานพลังที่มีอยู่ของเขาและไม่ต้องใช้เวลามากเกินไปในการบ่มเพาะ เขาคิดว่าเขาอาจมีโอกาสเข้าใจพลังขทั้งหมดของเขาอย่างครอบคลุมมากขึ้น
แน่นอนว่าตอนนี้เขาใช้เพียงค่าประสบการณ์ในการทำความเข้าใจเทคนิคและเปลี่ยนความสนใจของเขากลับไปที่สนามรบ
ในขณะที่ภารกิจการแข่งขันสิบสายพันธุ์สิ้นสุดลง ในทางเทคนิคแล้วมนุษย์อินทรียังไม่ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากแกนกลางถิ่นฐานของพวกมันยังคงอยู่ในมือของจีเยโดยที่ยังไม่ถูกกลืนกินโดยแกนกลางถิ่นฐานภูเขามังกรคู่ของมนุษย์
จากนั้นมนุษย์อินทรีก็ยังมีโอกาสที่จะเอาแกนกลางถิ่นฐานคืนและสร้างแกนกลางถิ่นฐานใหม่
เพื่อทำอย่างนั้น มนุษย์อินทรีเกือบทั้งหมดก็ละทิ้งสนามรบหลักและพุ่งเข้าหาแกนกลางถิ่นฐานอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่กองกำลังฟันมังกรก็แทบจะหยุดพวกมันไม่ได้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีอุปกรณ์ที่หรูหราก็ตาม!
ฉัวะ!
หย่วนเสี่ยวเอ้อร์ในฐานะผู้บัญชาการของพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากหน้าอกและท้องของเขา เขาอาจล้มลงไปแล้วหากชุดต่อสู้หนังฉลามของเขาไม่แข็งพอ
แม้ว่าวีรบุรุษจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังฟันมังกรได้ใช้ไอเทมสิ้นเปลืองและพลังระดับวิสามัญของพวกเขาในการต่อสู้จนหมด พวกเขากำลังจะถูกล้อมด้วยมนุษย์อินทรีที่บ้าคลั่ง
จีเยู่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของเขาเช่นกัน พลังภายในของเขาเกือบจะหมดแล้วในตอนที่เขาพยายามทำลายแกนกลางถิ่นฐานของมนุษน์อินทรี และพลังจิตของเขาก็สูญเสียไปอย่างมากในตอนที่เขาใช้การย่นระยะทางและการเคลื่อนย้ายหินอย่างต่อเนื่อง
โชคดีที่เขาได้ฝึกฝนเทคนิคมากมาย เขายังมีพลังวิญญาณอยู่เหลือเฟืออ
“บรูวววว!”
อากาศสีดำอันยิ่งใหญ่กำลังเดือดพล่าน และราชาหมาป่าแดงเข้มที่สร้างขึ้นจากอากาศสีดำที่เปื้อนเลือดก็กลายเป็นรูปร่างและพุ่งเข้าใส่มนุษย์อินทรี!
แม้ว่าเขาจะใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในระหว่างการแปลงเมื่อสองสามวันก่อน แต่ก็ถูกเติมเต็มด้วยการสังหารมอนเตอร์ทะเลจำนวนมหาศาล และเนื่องจากพลังวิญญาณของจีเย่มาถึงระดับวิสามัญอันดับ 5 ราชาหมาป่ากระหายเลือดจึงบรรลุจุดสูงสุดของระดับวิสามัญอันดับ 6
นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกสังหาร ดังนั้นมันจึงไม่สามารถถูกหยุดในการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
มนุษย์อินทรีถูกราชาหมาป่ากระหายเลือดกระแทกจนกระเด็นลงพื้น บางตัวถูกโยนลงจากหน้าผาที่สูงหลายร้อยเมตร
อย่างไรก็ตามเสียงแหลมที่บาดหูก็ดังขึ้นในท้องฟ้า จากนั้นเงาขนาดใหญ่ก็โฉบลงมาตามด้วยลูกศรสีทองอันแหลมคมที่แทงทะลุหัวของราชาหมาป่ากระหายเลือดที่กำลังอาละวาด
มนุษย์อินทรีคนนั้นถือคันธนูสีทองที่สง่างามนั่งอยู่บนแร้งทอง มันดึงคันธนูและลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของมันและกลายเป็นลูกศร!
บูมมม!
หลังจากยิงลูกศรอีกดอก ราชาหมาปาาก็ถูกระเบิด!
แม้ว่าร่างกายของราชาหมาปากระหายเลือดนั้นจะไม่ได้แข็งเหมือนกับหมาป่าตัวจริง และกลิ่นอายกระหายเลือดของมันก็หมดลงจากการโจมตีที่บ้าคลั่งของมนุษย์อินทรี ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษยีอินทรีและคันธนูสีทองนั้นผิดปกติอย่างมาก
และแร้งทองตัวนี้ก็มีขนาดใหญ่กว่าแร้งทองตัวอื่นมาก มันมีปีกกว้างกว่าหกเมตร และมันถูกปกคลุมด้วยบาร์เรียแสงสีทองเช่นกัน