เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการซื้อราชาหิน ผู้คนทั่วทั้งหออวี้ติ้งเซวียนต่างก็หยุดทำงานของตัวเองทันที!
แม้แต่พ่อค้าที่มาเปิดแผงขายหินต่างก็พากันลุกขึ้นยืนดู และไม่ต้องการพลาดเหตุการณ์สำคัญแบบนี้ไป
ผู้คนที่พากันมามุงดูต่างก็กรีดร้องออกมา บ้างก็ตกใจจนพูดไม่ออก บ้างก็หัวเราะเยาะ! และหลิงหยุนกลายเป็นตัวตลกขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะหินในรถเข็นทั้งสามคันนี้ อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่จะเจอหยกได้บ้าง แต่ราชาหินก้อนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นหยกไปได้! คนทั่วทั้งตลาดค้าของเก่าต่างก็รู้กันดี!
แต่หลิงหยุนกลับไม่มีทีท่าใส่ใจกับผู้คนที่พากันหัวเราะเยาะ หรือเหยียดหยันเขาเลยแม้แต่น้อย เขายังคงยืนยิ้มบางๆด้วยท่วงท่ามั่นใจระหว่างที่รอคอยข้อเสนอจากเซียนหยก
ทั้งซ่งเจิ้งหยาง มู่หลงเวิ่นฉี และอีกหลายคนต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
หลิงหยุนไม่เสแสร้งเพื่อหลอกเซียนหยก เขาต้องการให้ราคาที่เป็นธรรมกับเซียนหยกเช่นกัน และไม่ว่าเซียนหยกจะเสนอราคามาเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็จะไม่ต่อรองแม้แต่น้อย
และนี่เป็นความตั้งใจของหลิงหยุนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะลึกๆหลิงหยุนก็รู้ว่าเซียนหยกเป็นคนดีคนหนึ่ง แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะเสนอราคาที่ดูจะเกินจริงไปหน่อย แต่นั่นคือธุรกิจ การทำธุรกิจก็ต้องมีวิธีการแบบธุรกิจ ไม่ใช่ความเลวร้ายอะไร!
เพราะหลิงหยุนเองก็ได้หินพลังชีวิตกลับไปมากมายถึงสามคันรถ สำหรับหลิงหยุนแล้วราคาไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่หากเซียนหยกไม่ยอมขายให้นั่นล่ะจึงจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขามากกว่า
ครั้งนี้.. เซียนหยกก็ได้หันไปปรึกษากับเถ้าแก่ฮั่นอยู่นาน ในที่สุดเซียนหยกก็หันไปพูดกับหลิงหยุนพร้อมกับชี้ไปทางราชาหินและหินอีกสามคันรถว่า
“ทั้งหมดแปดสิบล้านหยวน!”
ซ่งเจิ้งหยางได้ฟังถึงกับโกรธมาก หากไม่นึกถึงฐานะของตัวเอง เขาคงจะเดินตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของเซียนหยกแล้ว
“เซียนหยก.. คุณทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้? ราชาหินไร้ค่าก้อนนี้สูงถึงสองร้อยล้านหยวนก็จริง แต่คุณก็ซื้อต่อเขามาด้วยราคาสามสิบล้านหยวนเท่านั้น อีกทั้งยังให้นักพนักหินเสี่ยงโชคเล่นด้วยการตัดครั้งละสิบเซ็นติเมตรในราคาห้าแสนหยวน หินนี้ถูกตัดมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว และยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นหยกไปได้ เศษหินก้อนนั้นกับหินอีกสามคันรถคุณกลับบอกราคาสูงถึงแปดสิบล้านหยวน!”
หลังจากซ่งเจิ้งหยางพูดจบ เขาก็แทบไม่อยากพูดอะไรกับเซียนหยกและเถ้าแก่ฮั่นอีกแม้แต่คำเดียว เขาเดินมาลากตัวหลิงหยุนออกไปทันที และครั้งนี้เขาก็โกรธมากเลยทีเดียว
มู่หลงเวิ่นฉีเองก็ถึงกับถอนหายใจ และรู้สึกว่าครั้งนี้เซียนหยกทำเกินไปจริงๆ เขาส่ายหน้าและเตรียมตัวจะเดินหนีไปเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าวันนี้หลิงหยุนจะทำเรื่องอับอายขายหน้าเพียงใด แต่ทั้งสองคนก็ยังยืนหยัดเคียงข้างหลิงหยุน แม้จะไม่รู้ว่าหลิงหยุนทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลอะไร? แต่พวกเขาก็จนปัญญาที่จะคิดหาคำตอบ..
ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเซียนหยกโก่งราคาสูงจนเกินไป เพราะถึงอย่างไรราชาหินก้อนนี้ก็ไม่มีทางที่จะราคาสูงถึงยี่สิบล้านอย่างแน่นอน สองพันหยวนก็พอจะเป็นไปได้บ้าง..
ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่ราคาสูง แต่สูงมากเกินไปต่างหาก! และหากหลิงหยุนซื้อจริงๆเขาจะต้องสูญเสียเงินไปฟรีๆอย่างแน่นอน เพราะหลิงหยุนสามารถทำเงินคืนจากหินพวกนี้ได้ถึงแปดแสนก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว..
“เซียนหยก.. ท่านก็ขายถูกๆให้เขาหน่อย หลังจากนั้นก็ให้เขาตัดต่อหน้าทุกคนดูว่าจะกลายเป็นสีเขียวได้มั๊ย..?”
“เซียนหยก.. นี่ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
มู่หลงเฟยจื่อได้ฟังผู้คนที่พากันวิพากษ์วิจาราณ์ไปต่างๆนานา ใบหน้าของเธอก็เริ่มเสีย และเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา แล้วรีบกระซิบบอกหลิงหยุนว่า
“เศษหินพวกนี้ไม่ต่างจากขยะ.. สองล้านยังไม่มีใครต้องการ แต่นี่ตั้งราคาสูงถึงแปดสิบล้าน? พวกเขาคงเห็นคุณหน้าโง่มากล่ะมั๊ง?”
แต่ใครจะคาดคิดว่าต่อหน้าสาธารณชน และต่อหน้าสายตาทุกคู่เช่นนี้ หลิงหยุนกลับผลักซ่งเจิ้งหยางออกเบาๆ และหันไปยิ้มให้กับมู่หลงเฟยจื่อ แล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของหลงหวู่..
จากนั้นก็เรียกสมุดเช็คออกมาจากแหวนพื้นที่ และจัดการเซ็นให้ทันที จากนั้นจึงดึงเช็คจำนวนแปดสิบล้านหยวนให้กับเซียนหยก..
“เซียนหยก.. นี่เป็นเงินแปดสิบล้านหยวน ถ้าไม่มั่นใจก็ให้ฝ่ายการเงินของคุณตรวจสอบก่อนก็ได้ หรือจะนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารดูก่อนก็ได้..”
“และตอนนี้หินในรถเข็นทั้งสามคันและราชาหินก็เป็นของผมแล้ว!”
แปดสิบล้านไม่ต่างจากที่เขาคาดคิดไว้มากนัก หลิงหยุนจึงไม่ต่อรอง และรีบทำการชำระเงินทันที!
เหลือเชื่อ! นี่มันอะไรกัน!
ทุกคนต่างก็พากันอึ้งไปหมด.. นี่เขาซื้อจริงๆหรือนี่? ไม่ต่อรองราคาด้วย แล้วก็จ่ายเงินทันที!
บรรยากาศภายในลานด้านหลังของหออวี้ติงเซวียนตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว!
เซียนหยกยื่นมือออกไปรับเช็คไว้ จู่ๆก็ได้รับเงินแปดสิบล้านฟรีๆ นี่เขาฝันไปหรือเปล่า?
กิจการของเซียนหยกนั้นปีๆหนึ่งมีรายได้ราวร้อยถึงสองร้อยล้าน แต่เช็คของหลิงหยุนเวลานี้เท่ากับรายได้ของเขาครึ่งปีเลยทีเดียว!
นี่เป็นการขายเศษหินที่ได้กำไรมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ!
เซียนหยกทำธุรกิจมานาน เขาย่อมดูออกว่าเช็คใบนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน จึงยื่นให้กับเถ้าแก่ฮั่นด้วยความตื่นเต้น เถ้าแก่ฮั่นเองก็พยักหน้าราวกับจะบอกทุกคนว่าเช็คใบนี้ไม่มีปัญหาอะไร!
หลังจากนิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่ เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้น ทุกคนกรีดร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น..
ราชาหินที่ถูกวางทิ้งอยู่ในลานด้านหลังของหออวี้ติงเซียนมาเป็นเวลากว่าสองปีนี้ถูกผู้คนกล่าวขานถึงอีกครั้ง!
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งตลาดค้าของเก่าอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็ทิ้งงานทิ้งการของตัวเอง และพากันวิ่งกรูมาที่หออวี้ติงเซวียน เพื่อมาดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนซื้อราชาหินก้อนนี้ไป
ไม่เพียงเท่านั้น.. ทุกคนที่มานั้นต่างก็ต้องการดูให้เห็นกับตาว่า ท้ายที่สุดแล้วราชาหินก้อนนี้จะใช่หยกหรือไม่? และนั่นคือคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน..
และในเวลานี้.. ทั้งภายในหออวี้ติงเซวียนและลานด้านหลัง ต่างก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนต่างก็เบียดเสียดกันอยู่เต็มไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นบนก้อนหิน หรือที่กำแพง หรือที่ใหนก็ได้ที่สามารถยืนได้ ก็จะมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด!
แต่ผู้คนทางฝั่งของหลิงหยุนกลับได้แต่อึ้งกันไปหมด ซ่งเจิ้งหยางเองก็ขุ่นเคืองใจในตัวหลิงหยุนอยู่บ้าง มู่หลงเวิ่นฉีเองก็ถึงกับส่ายหน้าและถอนหายใจ ส่วนมู่หลงเฟยจื่อถึงกับต้องเมินหน้าหนี!
ถังเมิ่งถึงกับหยิกต้นขาของตัวเองจนบวมเปล่ง และหยิกต้นขาตี้เสี่ยวอู๋ด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป!
“เสี่ยวอู๋.. ทำไมนายไม่ไปห้ามลูกพี่?”
ถังเมิ่งตบบ่าตี้เสี่ยวอู๋และน้ำตาของเขาแทบไหลพรากออกมา
ตี้เสี่ยวอู๋เพียงแค่แปลกใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็สงบจิตใจลงได้พร้อมกับพูดยิ้มๆว่า “มันเป็นเงินของพี่หยุน เขาจะซื้ออะไรก็ได้ ถ้าเขามีความสุข..”
ตี้เสี่ยวอู๋เลือกที่เชื่อหลิงหยุนอย่างไม่คลางแคลงใจเช่นเคย เขาเชื่อมั่นว่าหลิงหยุนจะต้องไม่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ถังเมิ่งถึงกับคอแห้งผาก เขาแทบอยากชกหน้าตี้เสี่ยวอู๋ จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “รู้แล้ว.. ฉันโทรบอกน้าหญิงกับหลิงยู่ดีกว่า!”
นอกจากตี้เสี่ยวอู๋แล้ว ก็ดูเหมือนจะมีหลงหวู่อีกคนที่ดูเหมือนจะมีความสุขที่สุด เธอกอดแขนของหลิงหยุนไว้แน่นพร้อมกับกระซิบว่า
“นายต้องชนะแน่ๆ!”
มู่หลงเฟยจื่อได้ยินถึงกับโมโหจนแทบคลั่ง และได้แต่คิดในใจว่า ‘แพ้ทั้งคู่ต่างหากล่ะ!’
เงินแปดสิบล้านหยวนหายไปในพริบตา นี่เป็นรายได้ของศาลาเทียนสี่เกือบทั้งปีทีเดียว!
หลังจากที่หายจากอาการตื่นเต้น เซียนหยกก็สูดลมหายใจลึก และสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย และร้องถามหลิงหยุนว่า
“น้องชาย.. ฉันขอถามหน่อยเถิดนะ ทำไมเธอถึงไม่ต่อรองราคาเลยล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าเซียนหยกเริ่มพูดคุยกับผู้ซื้อหิน ทุกคนต่างก็พากันเงียบหมด และต่างก็รอฟังว่าทั้งคู่จะพูดอะไรกัน?
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “ไม่จำเป็นต้องต่อรองราคา ผมเลือกหินพวกนั้นเพราะผมชอบ และความชอบของผมก็มีค่ามากกว่าเงิน! ผมจึงคิดว่าราคาที่คุณเสนอมานั้นยุติธรรมดีแล้ว”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็แอบเกรงว่าเซียนหยกจจะเปลี่ยนใจไม่ขายให้ เขาดีใจมากที่ได้สมบัติล้ำค่ามากมายถึงเพียงนี้ ยังจะต้องต่อรองราคาอะไรอีก?
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน หลิงหยุนใช้เงินแปดสิบล้านซื้อเศษหิน และที่เขาซื้อเศษหินอย่างราชาหินก็เพียงเพราะเขาชื่นชอบงั้นเหรอ?
ดูเหมือนเซียนหยกจะไม่เชื่อจึงได้ถามต่อว่า “น้องชาย.. แต่การซื้อขายนั้น การต่อรองราคาเป็นเรื่องที่สามารถทำได้นี่นา..”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า “บางครั้งการเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็อาจจะเป็นพรอย่างหนึ่ง และยิ่งได้พ่ายแพ้ให้กับเซียนหยกอย่างท่าน ก็ไม่น่าเสียใจเลยสักนิด!”
คำพูดของหลิงหยุนทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
“น้องชาย.. ความจริงแล้วหากเธอต่อรอง สี่สิบล้านฉันก็ยอมขายให้เธอแล้ว เธอควรจะต่อรองบ้างนี่นา..”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “ผมไม่นิยมต่อรอง..”
หลิงหยุนพูดเพียงเท่านั้นก็หันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋ “ให้คนจัดการขนหินพวกนี้กลับไป!”
ส่วนถังเมิ่งยังคงเอาแต่ร้องไห้..