“พีหยุนนะพี่หยุน! หยิบมาแต่หินขยะทั้งนั้น ครั้งนี้คงถูกคนทั้งจิงฉูหัวเราะเยาะแน่..”
ถังเมิ่งกระซิบบอกตี้เสี่ยวอู๋ที่เพิ่งเข็นรถคันที่สามพร้อมหินรูปร่างตลกเข้ามา “ไม่ต้องให้เซียนพนันหินดูก็ได้ ฉันดูก็รู้แล้วว่าหินพวกนี้ไม่มีทางเป็นหินหยกดิบได้อย่างแน่นอน..”
ถังเมิ่งร้องบอกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย..
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนานา จูหย่งหวังกับโหวเย่าจงก็กำลังพูดจาโอ้อวดอยู่บริเวณนั้นด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ต่างก็กำลังค่อนแคะหลิงหยุน และหลิงหยุนเองก็ได้ยินคำพูดทั้งหมด แต่เขาคร้านที่จะใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น
เวลานี้หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดว่าจะหาวิธีพูดกับเซียนหยกอย่างไร เขาจึงจะยอมขายราชาหินนั่นให้กับตนเอง!
“พี่หยุน.. นี่พี่บ้าไปแล้วหรือยังไง? หินพวกนี้ไม่มีทางเป็นหยกไปได้ กองหินพวกนี้ไม่ต่างจากกองผลไม้เน่า? พี่จะซื้อไปนั่งดูเล่นที่บ้านหรือยังไงกัน?”
ถังเมิ่งถึงกับกรีดร้องออกมา และบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด..
“หินนั่นก็เหมือนกัน.. มันมีทั้งสีม่วง สีขาว สีเหลือง สีแดง แล้วก็สีดำ แต่กลับไม่มีสีเขียว.. เฮ้อ!”
แม้แต่มู่หลงเฟยจื่อเองที่ได้เห็นหลิงหยุนเลือกเอาแต่เศษหินมาเต็มสามคันรถ เธอก็ตั้งใจว่าจะเกลี้ยกล่อมหลิงหยุนไม่ให้เขาซื้อหินพวกนั้น และหากหลิงหยุนอยากจะเล่นพนันหินจริงๆ เธอจะขอให้ท่านปู่ของเธอ และซ่งเจิ้งหยางช่วยเลือกหินดิบให้หลิงหยุนสักสองสามก้อน เพื่อให้เขาได้สนุกตื่นเต้นกับการพนันหิน แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับมีผู้หญิงพ่วงมาด้วย อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันมาก เธอจึงรู้สึกโกรธมาก และได้แต่แอบคิดว่าหลิงหยุนขาดทุนหมดตัวก็ดี!
‘อย่าคิดว่าเป็นหมอที่เก่งกาจแล้วจะต้องเก่งซะไปทุกเรื่อง? นี่มันการพนันหินนะ พนันสิบครั้ง ต้องมีพ่ายแพ้สักเก้าครั้ง หินหยกดิบที่เพิ่งมาถึงมีกลับไม่เลือก แต่กลับไปเลือกเอาเศษหินที่คนอื่นคัดทิ้งมานานหลายปี!’
‘หาเรื่องอับอายให้กับตัวเองดีนัก ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว!’ มู่หลงเฟยจื่อได้แต่นึกโกรธอยู่ในใจ
ในเวลานั้น.. มู่หลงเวิ่นฉีและซ่งเจิ้งหยางเองก็เลือกได้หินมากมายเช่นกัน แต่ละก้อนที่พวกเขาเลือกมาก็เพื่อใช้พนัน ทั้งคู่เดินหัวเราะร่วนเข้าไปหาหลิงหยุน
มู่หลิงเวิ่นฉีเลือกหินพนันมาทั้งหมดสองก้อน ในขณะที่ซ่งเจิ้งหยางเองก็เลือกมาร่วมสามสิบก้อน แต่ละก้อนล้วนแล้วแต่ทำให้นักพนักหินคนอื่นๆมองด้วยความอิจฉา
“หลิงหยุน.. เป็นไงบ้างเลือกได้หินที่ชอบหรือยัง?” ซ่งเจิ้งหยางเดินไปหาหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกมาอย่างมั่นใจ
ระหว่างที่รอคอยคำตอบจากหลิงหยุนนั้น ถังเมิ่งก็รีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ลุงซ่งครับ.. มาดูสิครับ พี่หยุนเลือกแต่เศษหินมาทั้งนั้นเลย!”
ซ่งเจิ้งหยางเหลือบมองรถเข็นสามคันที่อยู่ข้างหลิงหยุน พร้อมกับฟังผู้คนที่พากันวิพากษ์วิจาร์กันไปต่างๆนานา
“นี่อะไรกัน..? นี่เธอจะทำอะไรกับเศษหินทั้งสามคันรถนี้?” ซ่งเจิ้งหยางถึงกับร้องถามออกมาอย่างตกใจสุดขีด!
หลิงหยุนเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ในสายตาของซ่งเจิ้งหยาง และเขาเองก็มั่นใจว่าหลิงหยุนเป็นนักพนันหินที่เก่งฉกาจคนหนึ่ง เขาคิดว่าหลังจากเลือกหินของตัวเองเสร็จแล้ว ก็จะมาช่วยหลิงหยุนดูอีกกที แต่เมื่อได้เห็นหินที่หลิงหยุนเลือกมาเท่ากับปิดประตูชนะในทันที!
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การเล่นสนุกๆ แต่ก็ไม่ควรที่จะแย่ถึงเพียงนี้!
มู่หลงเวิ่นฉีที่ตามมู่หลงเฟยจื่อเข้าไป เมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน..
‘นี่หลิงหยนุนจะเอาเศษหินพวกนั้นกลับไปทำไมกัน?’
“หลิงหยุนนี่เธอ..”
มู่หลงเวิ่นฉีถึงกับขมวดคิ้วมองหน้าหลิงหยุนเมื่อได้เห็นเศษหินที่เขาเลือกมาถึงสามคันรถ และได้แต่นึกเป็นห่วงว่าต่อให้เขาร่ำรวยมากเพียงใดในตอนนี้ แต่การทำเช่นนี้ก็มีแต่แพ้กับแพ้..
“หมอนี่โง่บริสุทธิ์จริงๆ..”
“นี่ไม่เรียกว่าพนันหินแล้ว แต่น่าจะเรียกว่าผลาญเงินเล่นมากกว่า..”
“ดูท่าวันนี้เซียนหยกคงได้หัวเราะฟันร่วงแน่..”
“นั่นสิ.. อ้อยเข้าปากช้างชัดๆ!”
“ถ้าพนันหินไม่เป็น ก็น่าจะค่อยๆเรียนรู้ไป ไม่เห็นต้องมาอวดร่ำอวดรวยด้วยวิธีนี้เลย..”
“ฉันว่าเด็กนี่คงมาเล่นสนุกๆเท่านั้นเองล่ะ คงไม่คิดที่จะซื้อจริงๆหรอก!”
เสียงผู้คนที่พากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างก็ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งบริเวณ บางคนก็หัวเราะเยาะ และมองหลิงหยุนด้วยความสมเพชเวทนา
“ท่านปู่มู่หลง.. ลุงซ่ง.. ผมชอบหินพวกนี้มาก ผมจะซื้อมันไว้ทั้งหมด ช่วยคุยกับเซียนหยกเรื่องราคาให้ผมด้วยนะครับ!”
ทั้งมู่หลงเวิ่นฉีและซ่งเจิ้งหยางได้ฟังถึงกับตกใจ พวกเขามองหลิงหยุนด้วยความงุนงง และสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วน
หลิงหยุนเข้ามาที่หออวี้ติงเซวียนพร้อมพวกเขาทั้งคู่ แต่เวลานี้หลิงหยุนกำลังจะซื้อเศษหินมากมายกลับไป แล้วพวกเขาที่เป็นถึงประธานสมาคมค้าของเก่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน? ทันทีที่เดินออกไปผู้คนคงพากันหัวเราะฟันร่วงแน่..!
“หลิงหยุน.. ถ้าเธออยากได้หินดิบมีราคา ฉันเลือกมาตั้งหลายหลายสิบก้อน รูปลักษณ์ก็สวยงาม เอาเป็นว่าฉันจะยกให้เธอหมดเลยดีมั๊ย?”
ซ่งเจิ้งหยางที่ได้ฟังคำวิจารณ์ของผู้คนรอบข้าง ถึงกับทนไม่ได้ และรีบยื่นข้อเสนอให้กับหลิงหยุนทันที
มู่หลงเวิ่นฉีรีบสำทับต่อทันที “หินดิบสองก้อนที่ฉันเลือกมา ฉันก็ไม่ต้องการนำไปพนันแล้วล่ะ เอาเป็นว่าฉันยกให้กับเธอก็แล้วกัน! แต่ถ้ายังไม่พอฉันกับเฒ่าซ่งจะไปเลือกมาให้อีกก็ได้นะ เอาให้เต็มสามคันรถเลยดีมั๊ยล่ะ?!”
หลังจากที่ได้ฟังน้ำเสียงของซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีซึ่งเป็นถึงประธานสมาคมผู้ค้าของเก่าใช้พูดกับหลิงหยุน ผู้คนที่พากันมุงดูอยู่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนคงต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
พ่อค้าจิวเวลรี่หลายคนที่มาจากประเทศอื่น ต่างก็เกรงว่าตนเองจะมีปัญหา จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก แต่สายตานั้นกลับเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยัน
“ขอบคุณท่านปู่มู่หลงกับลุงซ่งที่หวังดี! ผมไม่ต้องการหินที่พวกท่านทั้งสองเลือก แต่ผมต้องการหินในรถเข็นทั้งสามคันนี้!”
หลิงหยุนตอบด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง และยืนยันว่าต้องการหินในรถทั้งสามคันที่เขาเลือก!
“จองหองจริงๆ! ใครๆก็ต้องการให้ประธานซ่งกับประธานมู่หลงช่วยคัดเลือกหินให้ทั้งนั้น แต่เด็กนี่กลับปฏิเสธไม่ยอมรับหินที่พวกเขาเลือก”
“นี่.. ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามาเล่นสนุก!” พ่อค้าคนหนึ่งร้องบอก
“ช่างเขาเถอะน่า.. เขาอยากซื้อก็ปล่อยให้เขาซื้อไป อยากเอาเงินมาโยนทิ้งเล่นก็เรื่องของเขา!”
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันเหยียดหยามหลิงหยุน และรู้สึกว่าหลิงหยุนช่างไร้ยางอาย..
ระหว่างนั้นเซียนหยกร่างอ้วนผิวขาวก็เดินยิ้มฝ่าฝูงชนเข้ามาพร้อมกับเถ้าแก่ฮั่น..
“น้องชาย.. ฉันได้ยินมาว่าหินดิบสามคันรถนี้เธอเป็นคนเลือกงั้นรึ?”
เซียนหยกถามขึ้นด้วยใบหน้าที่ใจดี ดวงตาหรี่เล็กของเขาดูเฉลียวฉลาด และหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าเซียนหยกผู้นี้มีปัญญากว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก
“ครับ..” หลิงหยุนตอบพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“พนักงานของฉันบอกว่าเธอต้องการซื้อหินหมดทั้งสามคันรถนี้เลยงั้นรึ?” เซียนหยกพูดราวกับไม่สนใจ และจงใจถามย้ำอีกครั้ง
“ใช่ครับ.. ผมใช้ความพยายามอย่างมากในการคัดเลือกหินพวกนี้ และถ้าไม่ต้องการจะซื้อก็คงจะไม่เสียเวลาไปเลือกมา?”
เซียนหยกดวงตาเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง เขาไม่พูดอะไรแต่หันไปทางเถ้าแก่ฮั่น และมองดูเขาที่กำลังจ้องมองรถเข็นทั้งสามคันอย่างพินิจพิจารณา
คนบางคนฉลาดแต่ก็แสร้งทำเป็นโง่! และดูเหมือนว่าทั้งสองคนก็แอบระแวงว่าหลิงหยุนจะเป็นพวกที่แกล้งโง่..
แต่ทั้งคู่ก็ไม่เห็นร่องรอยผิดปกติอะไรนอกจากหินที่ผู้คนคัดทิ้ง เซียนหยกนั้นอยู่กับหยกมาเกือบทั้งชีวิต ส่วนเถ้าแกฮั่นก็อยู่กับหินดิบมาตลอดชีวิตเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ดูยังไงก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ..
อีกทั้งพนักงานของเขาก็บอกว่า หินเหล่านี้ล้วนเป็นหินที่เหลือจากการคัดมานับพันครั้ง และกองเป็นเศษหินอยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่หินเหล่านี้จู่ๆจะกลายเป็นสีเขียวไปได้
แต่แล้วเถ้าแก่ฮั่นก็หยิบแว่นขยายออกมา หลังจากส่องดูหินที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็สส่ายหัว แล้วเข้าไปกระซิบข้างหูเซียนหยกว่า
“ไม่มีปัญหาอะไร..”
เซียนหยกตอบยิ้มๆ “ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไร งั้นก็มาตกลงราคากันเลย!”
เซียนหยกยกมือขึ้นชี้ไปที่รถเข็นทั้งสามคันพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องชาย.. เห็นแก่หน้าของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างเฒ่าซ่ง ฉันคิดเธอทั้งหมดนี่หกสิบล้านหยวนก็แล้วกัน!”