บทที่ 614 : ยิ่งกว่าถูกตบหน้า!
ความจริงแล้วหลิงหยุนเองก็ต้องการจะเผยธาตุแท้ของตนเองออกมาเช่นกัน แต่ต้องไม่ใช่ต่อหน้าตระกูลหลง เขาจะทำต่อหน้ามู่หลงเฟยจื่อเท่านั้น!
ราวกับถูกกระบี่คมแทงทะลุคอหอย!
มู่หลงเฟยจื่อถึงกับหน้าแดงก่ำและหายใจถี่ขึ้นมาทันที หลิงหยุนเองก็แอบจ้องมองหน้าอกทั้งสองข้างของเธออย่างมีความสุข เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนราวกับภาพพาโนราม่า
ถังเมิ่งได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ เขาเคยเห็นหลิงหยุนกระทืบและตบหน้าคนจนบวมเปล่งมามากมายหลายครั้ง แต่เพิ่งได้เห็นการตบหน้าที่ไม่มีเสียงเช่นนี้เป็นครั้งแรก!
ถังเมิ่งนั้นไม่ต่างจากพยาธิในท้องของหลิงหยุน เขารู้ได้ทันทีว่าการที่หลิงหยุนทำเช่นนี้ หากตระกูลหลงกล้ารับของที่หลิงหยุนนำมาคืนให้ในวันนี้ วันหน้าคนตระกูลหลงจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน?
นับได้ว่าหลิงหยุนเดินหมากได้เหนือชั้นมาก เพราะเพียงคำพูดไม่กี่คำของเขา ก็สามารถทำให้มู่หลงเฟยจื่อถึงกับพูดอะไรไม่ออก..
แต่แล้วเสียงของโหวเย่าจงก็ดังแทรกขึ้นมา “เช็คนี่เด้งหรือเปล่าก็ไม่รู้? หรือว่าเป็นเช็คปลอม?”
ซ่งเจิ้งหยางกระแอมเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันยืนยันได้ว่าเช็คของหลิงหยุนเป็นเช็คจริง ไม่ใช่เช็คปลอมอย่างแน่นอน! ถ้าปลอม.. ฉันยอมจ่ายสิบล้านคืนให้กับมู่หลงเอง..”
ซ่งเจิ้งหยางที่นั่งเงียบมานาน เห็นหลิงหยุนถูกโหวเย่าจงดูถูกเช่นนี้ จึงไม่สามารถอดรนทนได้อีกต่อไป และรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
มู่หลงเวิ่นฉีรู้ว่าเมื่อซ่งเจิ้งหยางพูดออกไปแล้ว หากหนุ่มเพลย์บอยสองคนยังกล้าพูดจาโง่ๆอะไรมากกว่านี้อีก ซ่งเจิ้งหยางคงจะโทรเรียกใครสักคนมาลากเขาออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน!
ความรู้สึกของมู่หลงเวิ่นฉีในเวลานี้ เรียกได้ว่าแทบจะตายแทนหลิงหยุนได้! เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก สายตาของเขาที่มองหลิงหยุนนั้นยิ่งกว่าแม่ยายที่มองดูลูกเขยเสียอีก ทั้งเต็มไปด้วยความชื่นชมและโปรดปรานอย่างมาก!
มู่หลงเวิ่นฉีโบกมือไปมาและกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ได้ยินเสียงหลิงหยุนพูดขึ้นมาว่า “ท่านปู่มู่หลง.. ยังมีเรื่องที่สามซึ่งเป็นเรื่องสุดท้าย..”
หลิงหยุนพูดเสียงลากยาวเพื่อดึงให้สายตาทุกคู่ในห้องจับจ้องมาที่เขา จากนั้นจึงรีบเปิดประเด็นทันที
“ปู่มู่หลงครับ.. เมื่อครั้งที่ผมฝังเข็มให้กับท่านปู่ตอนเกิดอุบัติเหตุนั้น เป็นเพราะท่านปู่ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลไปเสียก่อน ทำให้การรักษาของผมยังคงค้างอยู่เล็กน้อย และผมก็รู้สึกเสียใจมากที่ร่างกายของท่านปู่ยังมีจุดบกพร่องอยู่เล็กน้อย.. และที่ผมมาพบท่านปู่ในวันนี้ ก็เพื่อจะมารักษาต่อให้หายขาดครับ!”
รักษาค้าง?!
หมายความว่ายังต้องมีปัญหาอยู่?!
คำพูดของหลิงหยุนทำให้มู่หลงเฟยจื่อรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง และดวงตาของหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที
มู่หลงเวิ่นฉีเองก็ถึงกับงุนงง เมื่อครู่หลิงหยุนเพิ่งยืนยันว่าเขาหายดีแล้ว อีกทั้งสมองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกวันนี้แม้แต่โรคปวดศรีษะที่เคยเป็นประจำก็ไม่เคยเป็นอีก! เรียกได้ว่าดีกว่าก่อนที่หลิงหยุนจะรักษาให้ด้วยซ้ำไป แต่เพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้พูดว่ายังมีจุดบกพร่องอยู่เล็กน้อย!
“งั้นรึ?! แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของฉันตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีกล่ะ? ยังมีจุดบกพร่องอะไรอีกงั้นรึ?!”
อย่าว่าแต่มู่หลงเวิ่นฉีที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ถังเมิ่งและซ่งเจิ้งหยางเองที่เคยเห็นทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนมาแล้ว ก็ถึงกับงุนงงว่าอย่างหลิงหยุนนี่นะจะทิ้งข้อบกพร่องในการรักษาไว้?!
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉายาหมอเทวดาของหลิงหยุนที่ได้รับการขนานนาม ก็คงต้องมีมลทินเสียแล้ว!
ตอนนนี้หนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนที่รอคอยให้หลิงหยุนพลาดพลั้ง ก็ได้โอกาสพูดจาดูถูกหลิงหยุนอีกครั้ง
จูหย่งหวังพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาตื่นเต้นดีใจ “หลิงหยุน.. ที่แท้ก็แกล้งเอารถกับเงินมาคืนเพื่อจะมาหลอกรักษาท่านปู่ต่อ แล้วเรียกร้องเงินทองมากกว่านี้ใช่มั๊ยล่ะ?!”
โหวเย่าจงเองก็ชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่.. แกมันพวกสิบแปดมงกุฏชัดๆ น่ากลัวยิ่งกว่าโจรมุมตึกซะอีก!”
มู่หลงเฟยจื่อนั้นโกรธยิ่งกว่าสองหนุ่มเสียอีก เมื่อครู่การกระทำและคำพูดของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากการตบหน้าเธออย่างแรง แม้เธอจะรู้สึกว่าภายใต้คำพูดสละสลวยของหลิงหยุนนั้นมีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาคัดค้านได้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุนครั้งนี้ เธอจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าการที่หลิงหยุนนำรถและเงินมาคืนให้นั้น ล้วนเป็นการเสแสร้งจอมปลอม เขาทำไปเพื่อต้องการเอาชนะใจปู่ของเธอ และทำให้ปู่ของเธอเชื่อใจเท่านั้น!
ตอนนี้หลิงหยุนกลับมาบอกว่าร่างกายของท่านปู่ยังมีข้อบกพร่อง มีหรือที่ปู่ของเธอจะไม่เชื่อ และคงยินยอมให้หลิงหยุนทำการรักษา ตราบใดที่หลิงหยุนรักษาท่านปู่ได้ เขาก็จะยิ่งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณหลิงหยุน!
‘เชอะ.. คิดว่าจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีจริงๆ! ที่แท้ก็เลวทรามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่เป็นการกระทำที่ชั่วช้ามาก!’
ใบหน้าของมู่หลงเฟยจื่อเคร่งเครียด เธอจ้องมองหลิงหยุนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับคำกล่าวหาของสองหนุ่ม เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาเป่าเบาๆ และยกขึ้นจิบพร้อมกับจ้องมองไปที่ศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉีที่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าแผลจะสมานกันดีแล้ว แต่ก็ทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากการเย็บถึงสิบเข็ม และทำให้ผมตรงส่วนนั้นไม่ขึ้นอีก แผลเป็นนี้ได้ทำให้ลักษณะที่สง่างามของมู่หลงเวิ่นฉีถูกทำลายลง
“ท่านปู่มู่หลง.. ไม่ต้องกังวลใจไปครับ สุขภาพร่างกายของท่านปู่ไม่ได้ผิดปกติอะไร และที่ผมบอกว่ายังมีข้อบกพร่องเล็กน้อยนั้น ผมหมายถึงแผลเป็นบนศรีษะของท่านปู่!”
“และที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาจัดการลบรอยแผลเป็นบนศรีษะนี้ให้กับท่านปู่..”
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็พากันตกตะลึง และห้องทั้งห้องก็เงียบสงัดในทันที..
ถังเมิ่งได้ยินถึงกับเลือดในกายสูบฉีดด้วยความตื่นเต้น และได้แต่คิดในใจว่า ‘พี่หยุนนี่เซียนจริงๆ!’
เพราะการลบรอยแผลเป็นบนศรีษะให้กับมู่หลงเวิ่นฉีนั้น เท่ากับเป็นการพิสูจน์ความสามารถทางการแพทย์อันน่าอัศจรรย์ของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาทุกคน!
หนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนก็ได้แต่อึ้ง!
ถังเมิ่งได้แต่คิดในใจว่า ‘สิ่งที่พี่หลิงหยุนคิด ฉันไม่เคยคิดตามได้ทันเลยจริงๆ!’
‘นึกไม่ถึงจริงๆ! เด็กคนนี้วันข้างหน้าต้องได้เป็นใหญ่เป็นโต และยากที่จะมีใครดึงเขาให้ตกต่ำได้..’
ดวงตาของซ่งเจิ้งหยางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และได้แต่คิดว่าการได้พบกับหลิงหยุนนับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากของเขาจริงๆ!
“ลบรอยแผลเป็นงั้นรึ.. นี่..”
มู่หลงเวิ่นฉีถึงกับตกใจสุดขีด หลิงหยุนบอกว่าจะลบรอยแผลเป็นให้กับเขา แผลเป็นนี้เป็นมานานสองเดือนแล้ว แค่บอกว่าจะลบก็ลบได้งั้นรึ?!
หากทำได้จริงๆ ไม่เท่ากับว่าทักษะทางด้านการแพทย์หลิงหยุนคงจะยิ่งกว่าคำว่าเหลือเชื่อ!
ยิ่งไปกว่านั้น.. หลิงหยุนเองก็ไม่ได้นำเครื่องมือแพทย์มาด้วยเลย มีเพียงหินธรรมดาๆก้อนหนึ่ง แล้วจะลบรอยแผลเป็นได้อย่างไรกัน?!
“ลบรอยแผลเป็น.. จะเป็นไปได้ยังไง?!” มู่หลงเฟยจื่อเองก็ถึงกับตะลึง และได้แต่นึกเสียใจว่าที่หลิงหยุนบอกว่ามีข้อบกพร่องเมื่อครู่ กลับหมายถึงเรื่องแผลเป็นนี้เองหรอกหรือ?!
‘ที่เขาพูดไม่ได้เกี่ยวกับความผิดปกติทางร่างกายของท่านปู่เลย เขาพูดถึงรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนศรีษะของท่านปู่ หากหลิงหยุนสามารถรักษาได้จริงๆ จะเสียเท่าไหร่ก็ยอมจ่าย!’
“แผลเป็นใหญ่ขนาดนั้นนี่นะ.. ฉันฟังไม่ผิดใช่มั๊ย?!” จูหย่งหวังถึงกับพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หลิงหยุน.. อย่าปล่อยไก่ก็แล้วกัน!” โหวเย่าจงพูดอย่างไม่เชื่อเช่นกัน
มู่หลงเวิ่นฉีนั้นเป็นผู้ชายสะอาด และสง่างามมากคนหนึ่ง เขาเป็นคนให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ของตนเองมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม
แต่น่าเสียดายกลับถูกซันจิ้งแห่งตระกูลซันขับรถชน และทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ที่ศรีษะ และหลังจากหายก็ทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้ มู่หลงเวิ่นฉีเองก็ได้แต่นึกเสียใจ
นับจากนั้นมา.. มู่หลงเวิ่นฉีก็มักจะเก็บเนื้อเก็บตัว และไม่ค่อยออกไปชื่นชมวัตถุโบราณ แลกเปลี่ยนเครื่องประดับเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังไม่ค่อยไปร่วมประชุมกับสมาคมเช่นเคย ปกติเคยไปพนันหินที่อวี้ติงเซวียนก็ไม่ค่อยไปอีก แต่หากต้องไป เขาก็จะสวมหมวกปิดบังแผลเป็นไว้ทุกครั้ง
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนจะมาลบรอยแผผลเป็นนี้ให้ เขาก็ตื่นเต้นดีใจจนบบอกไม่ถูก มู่หลงเวิ่นฉีรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่!
“หลิงหยุน.. เธอลบรอยแผลเป็นนี้ได้จริงๆงั้นรึ!” มู่หลงเวิ่นฉีลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น และถามเสียงสั่นด้วยความดีใจ
หลิงหยุนยิ้มและลุกขึ้นยืนตาม “ท่านปู่มู่หลง.. ให้ผมลองดูก็จะรู้เอง!”
ซ่งเจิ้งหยางรู้ว่าปาฏิหาริย์กำลังจะเกิดจจึงรีบร้องออกไปว่า “จริงด้วย.. เฒ่ามู่หลง คุณก็ให้หลิงหยุนลองดู..”
เมื่อได้ฟังซ่งเจิ้งหยางคะยั้นคะยอ มู่หลงเวิ่นฉีจึงร้องถามออกมาอย่างตื่นเต้น
“จะทำการรักษาที่ใหนดีล่ะ?”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมตอบไปว่า “ไม่ต้องไปที่ใหนหรอกครับ.. ท่านปู่นั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิมเลยครับ!”
ทันทีที่มู่หลิงเวิ่นฉีนั่งลงบนเก้าอี้ หลิงหยุนก็เดินตรงไปหาอย่างไม่ลังเล มือซ้ายของเขาเรียกยันต์บำบัดสี่ออกมา และจัดการวางลงบนศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉีพร้อมกับร้องสั่งยันต์ให้ทำงานอยู่ในใจ!
มู่หลงเวิ่นฉีสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายที่ศรีษะของตนเอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก
หลิงหยุนนับในใจหนึ่งถึงเก้า และเพียงแค่เก้าวินานทีก็เอาฝ่ามือออก
ทุกคนในห้องต่างก็มองไปที่แผลเป็นบนศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉี และทุกคนต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน
แผลเป็นบนศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉีหายวับไปกับตา ไม่หลงเหลือร่องรอยแม้แต่นิดเดียว..
“พระเจ้า!”
ใบหน้าของมู่หลงเฟยจื่อซีดเผือด.. ครั้งนี้ยิ่งกว่าถูกตบหน้าเสียอีก!