บทที่ 608 : นักพนันหินมือฉกาจ!
ฉิวหย่งโช่วหงุดหงิดอารมณ์เสียอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดที่จองหองของหลิงหยุน ร้านของเขาแม้จะไม่ใช่ร้านหยกใหญ่โตเทียบเท่ากับร้านในศาลาเทียนสี่ แต่ก็พอมีชื่อเสียงในเมืองจิงฉู
แต่หลิงหยุนกลับพูดว่าสินค้าในร้านของเขามีแต่ของธรรมดาทั่วไป ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก?
ความจริงแล้ว.. ไม่ใช่เพราะตอนนี้หลิงหยุนมีเงินมากมาย จึงได้มีนิสัยโอ้อวดจองหองเช่นนี้ แต่เขาเพียงแค่ต้องการซื้อในสิ่งที่เขาอยากได้ อีกทั้งเวลาก็มีจำกัด จึงได้พูดออกไปตรงๆเช่นนั้น
เพียงแค่พูดไม่เข้าหูนิดหน่อย เถ้าแก่ร้านถึงกับไม่ยอมที่จะค้าขายกับหลิงหยุนเลยทีเดียว!
หลิงหยุนนิ่งเงียบ เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตเหล่านั้นกระจายออกมาจากมุมด้านหลังร้าน จึงรีบใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูทันที
พบแล้ว!
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีกองหินแตกๆ ถูกทิ้งอย่างไม่สนใจอยู่ที่นั่น และดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ขยะรอการเก็บกวาดเท่านั้นเอง
หลิงหยุนรีบเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที เขารีบยกมือขึ้นตบที่กระเป๋าเสื้อ และธนบัตรจำนวนห้าปึกมูลค่าห้าหมื่นหยวนก็มาอยู่ในมือของหลิงหยุน!
ภายในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้น ยังมีเงินสดที่ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋มอบให้เหลืออยู่ในนั้นพอดี
“เถ้าแก่ครับ.. ผมมีเงิน! แต่ผมเห็นในร้านของเถ้าแก่มีแต่หยกทั้งนั้นเลย ส่วนตัวผมชอบเล่นหิน จะเป็นหินชนิดใดก็ได้ สีอะไรก็ได้ ให้ผมลองเลือกดู และถ้าชอบผมก็จะซื้อเลย ความจริงแล้ว.. ร้านของเถ้าแก่มีแต่หยกเนื้อดีมีราคา แต่ผมแค่ชื่นชอบหิน และไม่นิยมเล่นหยก..”
เมื่อเถ้าแก่เห็นหลิหงยุนหยิบเงินออกมาเป็นฟ่อนเช่นนี้ เขาก็ถึงกับหันไปจ้องมองกระเป๋าเสื้อของหลิงหยุนทันทีพร้อมกับขยี้ตา และกำลังคิดว่าเงินจำนวนมากมายนี้มาได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเงินจำนวนนี้ เถ้าแก่ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าท่าทางทันที เขายิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า
“น้องชาย.. ขอบอกตามตรง ที่ร้านขายหยกแกะสลักซะส่วนใหญ่ มีหินอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก ถ้าเธอชื่นชอบหิน อยากจะลองเลือกดูก็ได้..”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มีน้อย.. ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เหลือบมองไปทางด้านหลังของฉิวหย่งโช่วพร้อมกับตอบไปว่า “ผมเห็นมีกองหินอยู่ตรงนั้นด้วย?”
ฉิวหย่งโช่วถึงกับแปลกใจพร้อมกับแอบคิดในใจว่า กองหินตรงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นกองเศษหินแตกๆ และมันก็ซ่อนอยู่หลังผ้าม่าน แล้วเขาเห็นได้อย่างไร?
ฉิวหย่งโช่วได้แต่นึกประหลาดใจแต่ก็ตอบหลิงหยุนไปว่า “พ่อหนุ่ม.. หินตรงนั้นล้วนเป็นเศษหินแตกๆ เธอจะเอาหินแตกๆพวกนั้นไปทำไมกัน?”
หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “ผมบอกแล้วไงว่าผมชื่นชอบหิน! ถ้าชอบ.. ก็ซื้อ! ไม่สนใจว่ามันจะเป็นหินแตกหรืออะไรทั้งนั้น คุณขายให้ผม ดีกว่าปล่อยให้กองเป็นขยะอยู่ในร้านจะไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
ฉิวหย่งโช่วเปิดร้านเพื่อทำมาค้าขาย เมื่อมีคนต้องการจะซื้อของที่เขาจะทิ้ง แน่นอนเขาต้องขายให้อยู่แล้ว เขาจึงไม่รีรอที่จะพาหลิงหยุนเข้าไปหลังม่าน แล้วบอกกับหลิงหยุนว่า
“เธอเข้าไปเลือกดูตามสบายเลย ถ้าชอบหินก้อนใหนก็หยิบออกมาได้ แล้วฉันจะบอกราคากับเธอเอง เธอชำระเงินแล้วก็เอากลับไปได้เลย”
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังสำรวจหินไปทีละก้อนอย่างอารมณ์ดี..
“ก้อนนี้ใหญ่ไป ก้อนนี้เล็กไป ก้อนนี้เก่าไป ก้อนนี้น่าเกลียด..”
หลิงหยุนเลือกหินทีละก้อนเช่นนี้ เถ้าแก่ได้แต่คิดในใจว่า ‘นี่เขาเลือกหินหรือเลือกภรรยากันแน่? เขาจะเลือกหินไปนอนที่บ้านด้วยหรือยังไงกัน?’
“ห๊ะ.. เจอแล้ว.. เหมือนลูกแตงโมเลย..!”
จู่ๆหลิงหยุนก็หยิบหินก้อนหนึ่งซึ่งมีขนาดเท่ากะโหลกศรีษะของมนุษย์ออกมา พร้อมกับร้องอุทานเสียงดัง
“เถ้าแก่.. หินก้อนนี้จะขายเท่าไหร่?”
“ถ้าเธอชอบ ฉันก็ขายให้สองพันหยวนก็แล้วกัน จ่ายเงินแล้วก็เอากลับไปได้เลย!”
แม้หลิงหยุนจะสามารปกปิดได้อย่างแนบเนียน แต่ฉิวหย่งโช่วเองก็เกรงว่าตัวเองจะพลาดทิ้งของดีๆให้กับคนอื่นไป จึงตั้งใจบอกราคาค่อนข้างสูง เพราะหากหลิงหยุนซื้อไปจริงๆ เขาก็จะไม่รู้สึกเสียดายนัก
เถ้าแก่เองก็ต้องการรู้ว่าหลิงหยุนจะมีปฏิกิริยาเช่นไร?
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นลุกขึ้นแล้วพูดกับเถ้าแก่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “นี่เถ้าแก่.. ไม่ใช่ว่าผมไม่มีเงิน! แต่คุณตั้งราคาสองพันหยวน มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ?”
ขณะที่เถ้าแก่กำลังจะพูดตอบโต้ เขาก็ได้ยินเสียงคนดังขึ้นจากด้านนอก “นี่เถ้าแก่.. เพื่อนของผมมาที่ร้านของคุณซื้อหินแค่ก้อนเดียว แต่คุณกลับขายถึงสองพันหยวน ไม่ค้ากำไรเกินควรไปหน่อยหรือไง?”
น้ำเสียงนั้นแสดงความไม่พอใจอย่างมาก..
เถ้าแก่ร้านถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขารีบทิ้งหลิงหยุน และรีบก้าวเดินออกมากจากผ้าม่านทันที
ผู้ที่เข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นประธานสมาคมวัตถุโบราณ ผู้จัดการสมาคมหยกล้ำค่า และเจ้าของร้านไข่มุกและหยก – ซ่งเจิ้งหยาง!
เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาคือซ่งเจิ้งหยาง เถ้าแก่เจ้าของร้านก็ถึงกับเหงื่อตก เขารีบโค้งศรีษะพร้อมกับตอบไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ.. ผมไม่รู้ว่าท่านประธานซ่งจะมาที่ร้าน จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับ ต้องขอโทษด้วย..”
ระหว่างนั้นฉิวหย่งโช่วก็รีบปาดเหงื่อพร้อมกับเหลือบมองไปทางหลิงหยุน และได้แต่แอบคิดในใจว่า เขามีตาแต่กลับไม่มีแววจริงๆ เกือบจะไล่เพื่อนของประธานซ่งออกจากร้าน แล้วยังกล้าขายหินแตกๆให้กับเขาในราคาถึงสองพันหยวน
ฉิวหย่งโช่วรีบแก้ตัว “ประธานซ่งครับ คือสุภาพบุรุษท่านนี้มาซื้อหินที่ร้าน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนของท่าน.. ผม.. ผมตาบอดเอง..”
“ลุงซ่ง.. มาได้ยังไงครับ? ผมกะว่าซื้อหินนี่เสร็จก็จะแวะไปหาคุณลุงพอดี..” หลิงหยุนยังคงถือหินก้อนนั้นไว้ แล้วหันไปพูดกับซ่งเจิ้งหยางยิ้มๆ
ซ่งเจิ้งหยางได้ยินหลิงหยุนเรียกตนเองว่าลุง ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับตอบไปว่า
“ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมา.. ไม่งั้นจะขับรถไปรับเธอเอง?”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของซ่งเจิ้งหยาง ฉิวหย่งโช่วก็ถึงกับเหงื่อตกอีกรอบ และได้แต่คิดว่านี่ใช่ซ่งเจิ้งหยางตัวจริงหรือนี่?!
มีหรือที่คนอย่างซ่งเจิ้งหยางจะพูดกับใครด้วยน้ำเสียงเช่นนี้?
หลิงหยุนเข้ามาในร้านเพื่อที่จะซื้อหินก้อนนี้ และเขาเองก็ไม่ต้องการให้ฉิวหย่งโช่วต้องลำบากใจ จึงวางเงินลงในมือของเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่เถ้าแก่.. ผมบอกแล้วไง ถ้าชอบผมก็จะซื้อ เอาเป็นว่าผมตกลงซื้อในราคาที่คุณเสนอ คุณรับเงินไป ส่วนหินก้อนนี้เป็นของผม!”
ซ่งเจิ้งหยางที่ยังคงสงบนิ่ง หันไปมองหน้าเถ้าแก่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่.. ในเมื่อเพื่อนของฉันชอบหินก้อนนี้ ถ้างั้นผมก็จะซื้อให้เขาเองก็แล้วกัน คุณไปเก็บเงินสองพันที่ร้านของผมแทน..”
ฉิวหย่งโช่วคิดในใจว่าก็แค่หินแตกๆก้อนหนึ่ง ประธานซ่งอุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตัวเอง หากเขายังกล้าไปเก็บเงินที่ร้านของซ่งเจิ้งหยาง เขาคงต้องรอปิดร้านแน่..
“ประธานซ่ง ในเมื่อพ่อหนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนของท่าน ผมก็ขอมอบหินก้อนนี้ให้กับเขา เราอย่าพูดถึงเรื่องเงินกันดีกว่า..”
ฉิวหย่งโช่วรีบคืนเงินให้หลิงหยุนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
หลิงหยุนเองก็ไม่ขัดศรัทธา เขาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ขอบคุณเถ้าแก่มากครับบ!”
ซ่งเจิ้งหยางมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ยังจะรออะไรอยู่อีก? ไปกันได้แล้ว..”
หลังจากนั้น ซ่งเจิ้งหยางก็รีบเดินเคียงข้างหลิงหยุนออกไปจากร้านทันที แต่ระหว่างที่ฉิวหย่งโช่วตามไปส่งนั้น ซ่งเจิ้งหยางก็ได้หันไปพูดกับเขาว่า
“นี่เถ้าแก่.. ไว้ว่างๆเชิญไปดื่มน้ำชาที่ร้านด้วยนะ!”
ฉิวหย่งโช่วได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่าซ่งเจิ้งหยางพอใจในสิ่งที่เขาทำมาก และพร้อมที่จะตอบแทนเขาในวันข้างหน้า ฉิวหย่งโช่วตื่นเต้นอย่างมากมาก และคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่หินแตกๆก้อนเดียว จะทำให้เขาได้เลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นเพื่อนกับซ่งเจิ้งหยางได้
ได้เป็นเพื่อนกับซ่งเจิ้งหยาง อย่าว่าแต่สองพันเลย เป็นหมื่นก็คุ้มค่า!
ฉิวหย่งโช่วได้แต่แอบคิดในใจว่า โชคดีที่เขาไม่ได้ไล่หลิงหยุนออกไปจากร้าน ไม่เช่นนั้นแล้ว อนาคตของเขาคงต้องดับแน่!
ระหว่างที่ยืนมองหลิงหยุนและซ่งเจิ้งหยางเดินออกไปพร้อมกันนั้น เขาก็อดที่จะงุนงงไม่ได้ เพราะไม่เคยได้ยินว่าซ่งเจิ้งหยางมีเพื่อนในวัยนี้ด้วย!
“ตาดี.. ก็ได้ของดี!”
หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ซ่งเจิ้งหยางก็ร้องบอกหลิงหยุนทันที พร้อมกับนึกแปลกใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงสามารถหาหินที่ดีเช่นนี้จากกองขยะนั่นได้!
นี่หลิงหยุนไม่เพียงเป็นหมอเทวดา แต่ยังเป็นนักพนันหินที่เก่งกาจด้วยหรือนี่?!