“เพราะตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไป ผมก็จะต้องไปโรงเรียนทุกวัน และจะไม่ขาดเรียนเลยจนกว่าจนสอบเอนทรานซ์เสร็จ!”
หลิงหยุนประกาศด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มต่อหน้าหลงหวู่ และสาวงามคนอื่นๆ!
หญิงสาวทั้งหกคนถึงกับตกใจ เพราะพวกเธอแทบจะไม่เคยได้ยินคำพูดทำนองนี้ออกจากปากของหลิงหยุนเลย..
จากนั้นหลิงหยุนก็ส่งกระแสจิตบอกกับหลงหวู่ว่า..
-หลงหวู่.. ที่ผมกำลังพูดกับคุณอยู่นี้คนอื่นๆจะไม่ได้ยิน ตอนนี้คุณกับผมก็เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และยังนั่งโต๊ะข้างกันอีกด้วย ตอนเย็นผมก็ไปส่งคุณกลับบ้านตามลำพังได้ แบบนี้คุณยังอยากจะอยู่ที่นี่อีกจริงๆน่ะเหรอ?!-
หลงหวู่ได้ฟังหลิงหยุนพูดเช่นนั้น จึงรีบโพล่งออกไปทันที “ไม่.. ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว..”
ไป๋เซียนเอ๋อ เสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาต่างก็ถึงกับงุนงง ที่จู่ๆหลงหวู่ก็เปลี่ยนใจกะทันหันเช่นนี้!
ที่นี่มีทั้งฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่อยู่ด้วย ต่อให้หลงหวู่ดื้อดึงจะอยู่จริงๆ ก็คงยากที่จะเป็นไปได้!
และยิ่งได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน เธอจึงรีบปฏิเสธเสียงดังทันที!
ในเมื่อหลิงหยุนจะกลับไปเรียน เธอยังจะดื้อดึงอยู่ที่นี่ให้ถูกตำหนิทำไมกัน? เธอยังอยากจะอยู่ที่บ้านหลิงหยุนเพื่ออะไรอีก? เพราะหากหลิงหยุนไปโรงเรียน คนที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลิงหยุนเกือบจะตลอดเวลาก็คงไม่พ้นต้องเป็นเธออย่างแน่นอน!
ในหนึ่งวันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่ม.. ก็เป็นเวลาที่เพียงพอแล้วสำหรับการที่เธอจะได้อยู่ใกล้ชิดกับหลิงหยุน อีกทั้งเขายังรับปากจะไปส่งเธอที่บ้านอีก ดังนั้นระหว่างทางกลับบ้าน.. เธอกลับหลิงหยุนก็ยังสามารถ.. ได้หากต้องการ!
อีกอย่าง.. ต่อให้หลงหวู่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ เมื่อหลิงหยุนกลับมาจากโรงเรียน สาวๆ ก็คงต้องแย่งชิงตัวหลิงหยุนกันให้จ้าละหวั่น มีหรือที่หลิงหยุนจะมีเวลาให้กับเธอ คิดได้เช่นนี้เธอจึงไม่นึกอิจฉาหญิงสาวคนอื่นที่ได้อยู่ที่นี่อีก
และด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจของหลงหวู่ หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก เพียงคำพูดแค่ไม่กี่คำของหลิงหยุน หลงหวู่ก็สามารถเข้าใจความหมายได้ในทันที
ได้ฟังเช่นนี้แล้ว.. คงจะมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ยังต้องการจะอยู่ที่นี่อีก!
หลังจากรับประทานอาหารเข้าไปจนอิ่มแปล้ หลิงหยุนก็จัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดช่วงบ่ายนี้ได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ หากเป็นคนอื่น.. คงต้องกุมขมับปวดหัว และไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร?!
ไม่เพียงหลิงหยุนจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในเวลาสั้นๆ แต่เขายังสามารถทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจได้อีกด้วย..
“หมดเรื่องแล้วงั้นรึ?!”
ฉินตงเฉี่วย หนิงหลิงยู่ และเสี่ยวเม่ยหนิง ต่างก็หันไปมองหน้ากันอย่างงุนงง
“นี่.. พวกคุณทำไมถึงไม่เชื่อฟังคำพูดของน้าหญิง! ยังไม่รีบขอโทษน้าหญิงอีก..”
“น้าหญิง.. ฉันผิดไปแล้วค่ะ..”
“ฉันก็ผิดไปแล้วค่ะ อภัยให้ด้วยนะคะ..”
หลินเมิ่งหานและหลงหวู่ที่ยืนเขินอายอยู่ ต่างก็รีบเอ่ยขอโทษฉินตงเฉี่วยในทันที
ความขุ่นเคืองในจิตใจของฉินตงเฉี่วยสลายเบาบางลง และรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เธอได้แต่หัวเราะแก้เก้อก่อนจะรีบตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไร.. ทุกคนล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน!”
หลังจากนั้น ฉินตงเฉี่วยก็แอบส่งกระแสจิตบอกกับหลิงหยุน..
-เจ้าเด็กดื้อ.. เจ้าเอาตัวรอดอีกจนได้สินะ! มิน่ารอบตัวเจ้าถึงได้มีหญิงงามรายล้อมเช่นนี้ หญิงสาวสองคนนี้ทะเลาะกันตลอดทั้งบ่าย แต่เจ้ากลับพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้พวกนางเชื่อฟังได้แล้ว!-
หลิงหยุนตอบบกลับไปทันที พร้อมกับแสร้งนั่งก้มหน้าก้มตาทำตัวเป็นแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง
-น้าหญิง.. ท่านก็เห็นนี่ว่าหญิงสาวพวกนี้น่าเบื่อแค่ใหน? ข้ากลับมาบ้านพักผ่อน พวกนางก็ยังตามมา ดูท่าพวกนางวันๆคงจะไม่มีอะไรทำ..-
ฉินตงเฉีวยยิ้มพร้อมกับตอบบกลับว่า -เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้าคงตำหนิข้าด้วยสินะ?! เพราะข้าเองก็ตามเจ้ามาที่นี่เหมือนกัน!-
หลิงหยุนรีบแก้ตัว -น้าหญิง.. ท่านคิดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านเป็นน้าหญิงของข้านะ! ท่านเป็นญาติของข้า และตามมาที่นี่ก็เพื่อดูแลข้า ข้าจะกล้าคิดเช่นนั้นกับท่านได้อย่างไรกัน..?-
ฉินตงเฉี่วยได้แต่คิดในใจเงียบๆว่า ‘เจ้าเด็กโง่.. หากข้าไม่ได้เป็นน้าหญิงของเจ้าก็คงจะดี..’
และทั้งฉินตงเฉี่วยกับหนิงหลิงยู่ต่างก็กำลังเป็นเจ็บปวดกับความเป็นเครือญาตินี้!
แต่จะตำหนิหญิงสาวมากมายที่มาหลงรักหลิงหยุนก็ไม่ถูก แต่ควรตำหนิหลิงหยุนเสียมากกว่าที่เก่งกาจจนเกินไป ในโลกธรรมดาๆใบนี้ คนที่เก่งราวกับเซียนเช่นหลิงหยุน จึงสามารถกุมหัวใจหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย
และก็ต้องยอมรับว่า.. ชายหนุ่มเช่นหลิงหยุนนั้น ที่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือความสามารถ หากหญิงสาวคนใดไม่เหลียวมอง ก็นับว่าตาบอดแล้ว!
แต่ก็อาจมีบ้างสำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้รักและชื่นชอบผู้ชาย..
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการแก้ปัญหาจบแล้ว หลินเมิ่งหานและหลงหวู่ก็หันไปพูดจากันอย่างเก้อเขิน และไม่ทะเลาะกันอีก จากนั้นหญิงสาวทั้งหกคนต่างกันนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ทั้งหมดพูดคุยกันด้วยดี และต่างก็ถามไถ่ถึงสุขภาพของหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วง..
ระหว่างที่หญิงสาวพูดคุยกันอยู่นั้น หลิงหยุนก็แอบส่งกระแสจิตพูดคุยกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่ยังคงอยู่ในห้องนอนชั้นสอง
-เจ้าทองอ้วนได้ตามคนขับรถสองคนนั่นไปมั๊ย?-
-ไปสิ! ตอนนี้พวกมันอยู่ที่บ้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในชานเมืองด้านทิศใต้ แต่พวกมันไม่ได้มีเพียงแค่สองคน แต่มีเป็นสิบ แล้วแต่ละคนก็ล้วนป็นยอดฝีมือทั้งนั้น..-
“พบหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำบ้างมั๊ย?”
-ไม่.. มีแต่ผู้ชาย!-
-บอกเส้นทางผมด้วย!-
หลังจากผ่านการฝึกฝนไปร่วมหกชั่วโมง ตอนนี้พลังชีวิตในร่างกายของหลิงหยุนกลับมาอยู่ในระดับเต็มเปี่ยม และคืนนี้ก็เหมาะแก่การเป็นคืนสังหารยิ่งนัก!
และหลังจากสังหารนักฆ่าเหล่านั้นแล้ว หลิงหยุนก็วางแผนที่จะไปเข้าหอกับเหยาลู่..
‘แม้แต่คนขับรบก็ยังเป็นถึงยอดฝีมือ ดูเหมือนว่านักฆ่าเหล่านี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่มือสังหารขององค์กรนักฆ่า แต่พวกมันคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองได้กลายเป็นคนของพรรคมารไปแล้ว..’
หลิงหยุนได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ
หลังจากพูดคุยกันได้พักใหญ่ หนิงหลิงยู่ก็จะเข้าครัวไปทำอาหารให้กับหญิงสาวคนอื่นๆทาน แต่หลิงหยุนรีบห้ามไว้
“หนิงน้อย.. คุณช่วยโทรไปสั่งอาหารที่ภัตตาคารจิงฉู และให้ทางภัตตาคารจัดส่งอาหารมาที่นี่ก่อนสองทุ่ม!”
หนิงหลิงยู่สามารถทำอาหารให้กับหลิงหยุนและฉินตงเฉี่วยทานได้ แต่จะให้เธอไปทำอาหารให้หญิงสาวคนอื่นๆทานน่ะหรือ? เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
ยังไม่ทันที่จะสองทุ่มดี ภัตตาคารจิงฉูก็จัดส่งอาหารชั้นเลิศของทางร้านมาให้..
ฝีมือการทำอาหารของหนิงหลิงยู่นั้น ได้รับการถ่ายทอดจากฉินจิวยื่อ ดังนั้นฝีมือการทำอาหารของเธอจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าฝีมือของเชฟทางภัตตาคารเลย
หลิงหยุนไม่ได้สนใจอาหารที่ทางภัตตาคารจัดส่งมาเลนแม้แต่น้อย เพราะเขาได้กินจนอิ่มก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่หลิงหยุนสนใจกับเป็นหนึ่งในห้าคนที่นำอาหารเข้ามาส่งที่บ้านต่างหาก – ผู้จัดการภัตตาคารหนึ่งคนกับพนักงานเสิรฟอีกสี่คน และหนึ่งในพนักงานเสริฟก็คือฉางซิน..
ฉางซินและพนักงานเสริฟชายอีกสามคน ต่างก็ช่วยกันยกอาหารเข้าไปในบ้านแต่เมื่อเห็นหลิงหยุนนั่งอยู่บนโซฟา เธอเองก็ถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจ!
“คุณ.. คุณ.. คุณ.. ช่างบังเอิญจริงๆ” ฉางซินร้องออกมาอยู่นาน แต่ก็พูดได้เพียงเท่านั้น
หลิงหยุนนั่งอยู่บนโซฟายิ้มให้กับฉางซินที่กำลังตื่นเต้นอย่างมาก..
“พี่หลิงหยุน.. พี่มองอะไร?!”
เสี่ยวเม่ยหนิงเหลือบมองฉางซินด้วยความหึงหวง และรีบกัดฟันพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ทำไม?! คุณเองก็รู้จักไม่ใช่เหรอ?”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มให้พนักงานเสริฟสาวสวย แต่ไม่ได้พูดอะไร
“นี่เป็นอาหารจากภัตตาคารจิงฉูที่สั่งไว้ค่ะ..”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่ได้มองมาที่เธออีก ฉางซินก็เริ่มพูดจาได้ตามปกติ
หลิงหยุนเหลือบมองอาหารที่นำมาวางเต็มโต๊ะ และกำลังจะหยิบเงินสดออกมาจ่าย
“สวัสดีครับ.. นี่เป็นบัตร VIP ของทางภัตตาคาร และต่อไปหากนำบัตรนี้ไปรับประทานที่ภัตตาคาร ก็จะได้รับส่วนลด50% และยอดเงินในบัตรยังเหลืออยู่อีกหนึ่งล้านหยวน..”
ผู้จัดการหนุ่มถือบัตร VIP สีทองของทางภัตตาคารไว้ในมือ พร้อมกับยื่นให้หลิงหยุน
คงเหลือหนึ่งล้าน?! และยังสามารถใช้ลดค่าอาหารได้อีก 50% หมายความว่าบัตรใบนี้มีมูลค่าถึงสองล้านเลยน่ะสิ?!
ซึ่งหมายความว่าหลิงหยุนจะสามารถรับประทานอาหารที่ภัตตาคารจิงฉูได้ฟรีเกือบหนึ่งปีสินะ!
“เดี๋ยว.. บัตรนี่เป็นของใคร?”
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปที่บัตรพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เป็นของผู้อำนวยการเขตจิงฉี – คุณหลิวครับ ท่านสั่งให้นำมามอบให้กับคุณ..”
หลิวจินไล๋!
“กลับไปบอกเขาด้วยว่า ผมจะรับบัตรนี่ไว้!”
หลังจากที่พนักงานทั้งห้าคนของทางภัตตาคารกลับไป หลิงหยุนก็พูดกับทุกคนว่า..
“ต่อไปก็ได้กินข้าวที่ภัตตาคารฟรี ฮ่า.. ฮ่า..!”
ฉินตงเฉี่วยยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าผากของหลิงหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าทำงามหน้านัก!”