“ดูนั่นสิ.. ดูแถวเอวของหลิงหยุนสิ! ฉันเห็นบริเวณรอบเอวของเขามีกระแสไฟฟ้ากระพริบๆอยู่”
บางคนถึงกับยกมือขยี้ตาตัวเองอย่างไม่เชื่อ เพราะคิดว่าตัวเองตาฝาดก็มี..
“จริงด้วย! ที่เอวของหลิงหยุนดูเหมือนจะมีกระแสไฟฟ้าอยู่จริงๆ แต่รอบๆตัวเขาไม่มีสายไฟฟ้าเลยนะ..”
บางคนก็คิดว่าตนเองตาฝาด แต่บางคนก็เชื่อมั่นในสายตาของตนเองอย่างมาก..
ไป๋เซียนเอ๋อ ฉินตงเฉี่วย ท่านหมอเสี่ยว เหล่ากุ่ย และคนอื่นๆ ต่างก็เห็นกันชัดเจนว่าที่บริเวณท้องน้อยของหลิงหยุนนั้น ด้านในคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายงูกำลังเปล่งประกายอยู่!
กระแสไฟฟ้าที่มีรูปร่างคล้ายงูนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนถึงขนาดไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะหากสายตาของคนธรรมดามองไม่เห็นแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นคงต้องตาบอดอย่างแน่นอน
แต่ทั้งฉินตงเฉี่วยและยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนคนอื่นๆ หรือยอดฝีมือที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนนั้น สายตาของพวกเขาจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าคนธรรมดามาก!
ภายในคลินิกของหลิงหยุนนั้น บรรดายอดฝีมือต่างก็พากันตกอกตกใจไปตามๆกันเมื่อได้พบเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า! เพราะตอนนี้บริเวณลำตัวของหลิงหยุนล้วนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งวนอยู่รอบๆ
ท่านหมอเสี่ยวรีบมองไปที่ผมบนศรีษะของหลิงหยุนทันที เพราะร่างกายของมนุษย์ปกติทั่วไปนั้น หากมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ร่างกาย ผมบนศรีษะก็คงต้องไหม้ไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ท่านหมอเสี่ยวกลับพบว่า ผมบนศรีษะของหลิงหยุนยังคงอยู่ในสภาพปกติ
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ไม่เพียงแค่คนปกติธรรมดาจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ แม้แต่ยอดฝีมือที่ได้เห็นภาพของหลิงหยุน ก็ยังตื่นเต้นตกใจไม่ต่างกัน!
กระแสไฟฟ้าเหล่านั้นมาจากใหน?
มีเพียงไป๋เซียนเอ๋อเท่านั้นที่พอจะคาดเดาได้บ้าง แววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของนาง เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น และตื่นเต้นอย่างที่สุด!
หลิงหยุนตั้งใจไปที่เกาะเตียวหยูเพื่อช่วยให้ไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างได้อย่างปลอดภัย แต่ผลปรากฏว่า.. เขาเองที่โดนอสุนีบาตที่น่าสยดสยองผ่าเข้าหลายครั้งที่กลางร่าง และในที่สุดก็ราวกับได้ร่างใหม่กลับมา!
หลิงหยุนต้องรับอสุนีบาตที่น่าสยดสยองนี้ถึงสามรอบใหญ่ๆ จนสามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ได้ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์อื่นๆตามมาด้วยอย่างมากมากมายมหาศาล
แต่หลิงหยุนเองกลับไม่รู้ตัวว่าตนเองได้รับประโยชน์มากมายเช่นนี้! เขาไม่รู้ว่าที่พื้นผนังรอบๆจุดตันเถียน และเส้นลมปราณของตนเองนั้น มีสายฟ้ารูปร่างคล้ายงูทั้งสีเงิน และสีทองอยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และตอนนี้ทั้งภายใน และภายนอกจุดตันเถียนของหลิงหยุน ก็กำลังเปล่งประกายสว่างไสว!
เวลานี้หลิงหยุนมัวแต่จดจ่ออยู่กับการผนึกพลังของจิตหยั่งรู้เข้ากับพลังชีวิตที่ถ่ายเทลงไป มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้ป่วยวิกลจริตรายนี้ เพราะหลิงหยุนเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และเก่งกาจในเรื่องนี้ เขาจึงต้องใช้จิตหยั่งรู้ระดับสูงสุดเท่าที่เขามีในเวลานี้!
ภายในสมองของมนุษย์นั้น จะมีพื้นที่เล็กๆบริเวณหนึ่งทำหน้าที่บ่งบอกถึงไอคิว หรือความเป็นอัจฉริยะของมนุษย์ และตอนนี้หลิงหยุนก็กำลังใช้จิตหยั่งรู้ขั้นสุดผผนึกเข้ากับพลังชีวิตเข้าทำหน้าที่ตรวจสอบสมองของผู้ป่วย
แน่นอนว่า.. มันเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง และอันตรายอย่างยิ่งด้วย!
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังเริ่มจะไม่ไหวนั้น จู่ๆ จุดตันเถียนของเขาก็ขยับตัว และกระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายงูจำนวนมาก ก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าที่กำลังหมุนวนอยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนราวกับทะเลคลั่ง และในเวลาเดียวกันนั้นเอง กระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายงูจำนวนนับไม่ถ้วน ก็พุ่งไปตามเส้นลมปราณของหลิงหยุน!
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ กระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายงูจำนวนนับไม่ถ้วนที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ที่ผนังจุดตันเถียน และเส้นลมปราณของหลิงหยุนนั้น กลับมาเคลื่อนไหวและมีชีวิตอีกครั้ง!
กระแสไฟฟ้ารูปร่างคล้ายงูจำนวนมากได้เข้าไปแทนที่พลังของจิตหยั่งรู้ และรวมตัวเข้ากับพลังชีวิต พุ่งตรงเข้าที่สมองของผู้ป่วยวิกลจริตทันที!
และผู้ป่วยที่เอาแต่นั่งยิ้มและหัวเราะได้รับผลกระทบจากกระแสไฟฟ้าจำนวนมาก เขาก็ถึงกับกรีดร้องออกมาทันที และเป็นครั้งแรกที่ชายวิกลจริตหยุดยิ้มหยุดหัวเราะ!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง.. แม้แต่หลิงหยุนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ในครั้งนี้ เขารู้สึกว่ากระแสไฟฟ้าเหล่านั้นได้ทำหน้าที่แทนมือ แทนตา และแทนจิตหยั่งรู้ของเขา พุ่งเข้าสู่สมองของชายวิกลจริตทันที
ภายในสมองของมนุษย์ทุกคนนั้น ล้วนมีคลื่นไฟฟ้าซึ่งเรียกกันว่าคลื่นสมองอยู่ภายใน ดังนั้นคลื่นสมองเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นกระแสไฟฟ้าทั้งสิ้น กระแสไฟฟ้าที่พุ่งออกจากฝ่ามือของหลิงหยุนนั้น ได้ไหลรวมเข้ากับคลื่นไฟฟ้าภายในสมองของชายวิกลจริตเป็นหนึ่งเดียว!
ฝ่ามือของหลิงหยุนทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ทำให้หลิงหยุนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ภายในสมองของชายวิกลจริตนั้น มีคลื่นไฟฟ้าอยู่มากมาย!
และหลิงหยุนก็สามารถค้นพบสาเหตุการป่วยทางจิตของชายวิกลจริตได้!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบถอนฝ่ามือออกจากศรีษะของชายวิกลจริตทันที หลังจากที่หลิงหยุนถอนจิตหยั่งรู้กลับออกมา ภาพภายในสมองของชายผู้นั้นก็หายวับไปทันทีเช่นกัน
กระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น เกิดภายในระยะเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เรียกได้ว่าไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำไป!
‘ต้องขอบคุณอสุนีบาตจากสวรรค์!’
หลิงหยุนนั้นไม่สามารถมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในร่างกายของตนเองบ้าง เขารู้เพียงแค่ว่าร่างกายของเขาได้ดูดซับเอาพลังสายฟ้าจำนวนมากมายมหาศาลเข้าไป แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพลังสายฟ้าเหล่านี้จะมีอานุภาพที่น่าทึ่งเช่นนี้ และจะสามารถช่วยหลิงหยุนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้ทันเวลาพอดี!
แต่ช่างน่าเสียดายที่แม้ว่าร่างกายของหลิงหยุนจะมีพลังสายฟ้าอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการรักษาครั้งนี้ได้ และหากมีมากกว่านี้ หลิงหยุนอาจต้องกลายเป็นมนุษย์สายฟ้าไปแล้วก็เป็นได้
‘ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลังสายฟ้ามากมายเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์เช่นใดกับข้าบ้างในวันข้างหน้า.. คงต้องรอดูต่อไป!’
หลิงหยุนได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจเงียบๆ พร้อมกับยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มบบุ๋มแก้มซ้าย โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตามากมายหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่
‘น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถมองเห็นภายในร่างกายของตนเองได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะรู้ว่าสายฟ้าพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’ หลิงหยุนยังคงครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
หลังจากค้นพบสาเหตุของอาการวิกลจริตแล้ว หลิงหยุนก็เรียกกล่องเข็มทองที่ท่านหมอเสี่ยวเพิ่งมอบให้เป็นของขวัญออกมา
“เข็มทองที่เขาเพิ่งได้รับเมื่อครู่นี่! ในที่สุดหลิงหยุนก็นำมันออกมาใช้1”
“ดูสิ..! หลิงหยุนกำลังจะทำการฝังเข็มรักษาให้กับเขาแล้ว..”
“เมื่อครู่เขาทำอะไร? ทำไมถึงได้มีกระแสไฟฟ้าอยู่ในร่างกายของเขาแบบนั้น? ฉันเห็นกับตาตัวเองเลย มันเป็นกระแสไฟฟ้าจริงๆ ถึงแม้จะเห็นแค่แว้ปเดียวก็เถอะ.. แต่ฉันก็มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด!”
“คุณถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใคร?!”
เมื่อหลิงหยุนหยิบเข็มทองออกมา ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้น และพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
หลิงหยุนถือเข็มทองทั้งหมดเก้าเล่มไว้ในมือขวา และไม่วายกำชับไป๋เซียนเอ๋ออีกครั้งก่อนจะเรียกศิลากลั่นวิญญาณออกมา
มือซ้ายของหลิงหยุนถือศิลากลั่นวิญญาณไว้ ส่วนมือขวาก็ใช้ทำการฝังเก้าเข็มปลุกชีพลงบนศรีษะของชายวิกลจริตด้วยความชำนาญและรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยๆถ่ายเทพลังชีวิตในร่างกายของตนเองผ่านเข็มทองทั้งเก้าเล่ม
การฝังเก้าเข็มปลุกชีพสำหรับหลิงหยุนนั้น เรียกได้ว่าเป็นทักษะที่เขามีความชำนาญอย่างมาก และสามารถทำได้อย่างง่ายดายเมื่อพบสาเหตุของโรคแล้ว
หลิงหยุนจัดการส่งกระแสพลังชีวิตเข้าไปซ่อมแซมเส้นประสาทส่วนที่เสียหายภายในสมองของผู้ป่วย และสมองของชายวิกลจริตก็ได้รับการฟื้นฟู
แต่เพราะชายวิกลจริตผู้นี้ป่วยทางจิตมาเป็นเวลาที่นานเกินไป หลิงหยุนจึงไม่สามารแก้ไขปัญหาที่ส่วนสมองของเขาได้ในทันที แต่ต้องช่วยให้เขามีสภาพจิตใจที่สงบมั่นคงก่อน
และเรื่องนี้คงไม่พ้นต้องยกให้เป็นหน้าที่ของศิลากลั่นวิญญาณที่หลิงหยุนถือไว้ในมือ!
หลิงหยุนจัดการใช้มุมที่คมของศิลากลั่นวิญญาณที่อยู่ในมือ เจาะเข้าไปที่ท้ายทอยของชายวิกลจริต และค้างอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง
ผ่านไปราวสองสามนาที..
ทุกคนที่อยู่ในคลินิกต่างก็พากันประหลาดใจปนดีใจที่เห็นดวงตาทั้งสองข้างของชายวิกลจริตเปลี่ยนไป ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนจากเหม่อลอย มาเป็นตกตะลึง และคล้ายกำลังครุ่นคิดในที่สุด
ทันทีที่ความทรงจำมากมายปรากฏขึ้น ดวงตาของชายวิกลจริตก็กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวแทน..
หลิงหยุนรีบใช้มังกรคำรามร้องตะโกนใส่ชายวิกลจริต “ฟื้นคืนสติได้แล้ว!”
ทันใดนั้นเอง ชายวิกลจริตก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน แล้วหันไปมองรอบๆตัว ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพึมพำว่า
“ท่านเป็นใคร? ที่นี่ที่ใหน? แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
จากนั้นดูเหมือนว่าชายวิกลจริตจะเริ่มจำเรื่องราวเก่าๆในชีวิตของตนเองได้แล้ว แต่จู่ๆ เขาก็ดิ้นรนไปมา แต่โชคร้ายที่ร่างของเขาถูกมัดไว้ จึงทำได้เพียงแค่สะบัดศรีษะไปมาอย่างรุนแรงพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก
ช่วงเวลานั้นเองที่ทุกคนต่างก็รู้ว่า หลิงหยุนได้ทำการรักษาชายวิกลจริตจนหายบ้าแล้ว และเพราะความทรงจำกลับมา เขาจึงรู้สึกเจ็บปวด..
ไม่มีใครตอบชายวิกลจริตเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็นิ่งอึ้งและตกตะลึงอยู่กับความมหัศจรรย์ทางการแพทย์ของหลิงหยุน!
“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อจริงๆ! แม้แต่คนบ้าเขาก็รักษาให้หายได้!”
“ทำไมถึงรักษาหายได้เร็วแบบนี้? ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย ไม่สิ.. ยังไม่ถึงหกนาทีด้วยซ้ำไป!”
“คลินิกสามัญชนนี่ไม่ธรรมดาเลย..”
“ฉันอยากจะมาเรียนกับหลิงหยุนจริงๆ! นี่เขาเป็นเซียนหรือยังไง?!”
“หลิงหยุนต้องเป็นเซียนแน่ๆ!”
“ฉันอยากจะยกลูกสาวให้กับเขาจริงๆ..”
“ถ้างั้นเธอก็คงต้องหาสินสอดหลายพันล้านให้ได้ก่อนนะ..”
หลิงหยุนยังคงให้ชายวิกลจริตได้รับพลังจากศิลากลั่นวิญญาณต่ออีกสักครู่ ระหว่างนั้นก็ได้ปลอบโยนเขาไปด้วย..
“จงยอมรับความเจ็บปวด และพยายามลืมมันเสีย! ไม่เช่นนั้นหากเจ้าต้องไปเกิดใหม่ เจ้าก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดเช่นนี้อีก การหลีกหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่การเลือกที่จะเผชิญกับมันต่างหากจึงจะแก้ปัญหาได้!”
หลิงหยุนพูดกับชายวิกลจริตด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ และเลือกที่จะไม่รักษาบาดแผลที่ท้ายทอยให้กับชายผู้นี้ เพราะเขาอยู่อย่างไร้ความรู้สึกมานาน หากได้รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดบ้างก็น่าจะดีกว่า..
“เจ้าอยู่นิ่งๆสงบสติอารมณ์ไปก่อน แล้วข้าจะกลับมาถอนเข็มออกให้” หลิงหยุนพูดจบก็หันไปหาคนไข้รายต่อไป
เสียงปรบมือดังไปทั่วทั้งภายในและภายนอกคลินิก!
ผู้คนไม่เพียงประทับใจในวิธีการรักษาที่มหัศจรรย์ของหลิงหยุน แต่ยังซาบซึ้งใจ และกินใจกับคำพูดที่เป็นความจริง และตรงไปตรงมาไม่กี่คำของเขา
ผู้ป่วยวิกลจริตได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ที่เหลือก็คือคนไข้อาการโคม่าอีกสี่คน ซึ่งรวมถึงชายชราสองคนที่ยังคงไม่รู้สึกตัว
ตอนนี้หลิงหยุนเองก็ไม่ได้มีเข็มทองเพียงแค่เก้าเล่ม แต่เขามีอยู่มากมาย จึงไม่จำเป็นต้องรอรักษาทีละคน หลิงหยุนหยิบเข็มทองชุดใหม่ออกมาทันที
หลิงหยุนจัดการรักษาคนไข้ที่เหลือ และอาการเจ็บป่วยของคนไข้เหล่านั้น ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการรักษาด้วยพลังชีวิตของหลิงหยุน ที่นอกจากจะรักษแล้ว ยังช่วยฟื้นพลังของพวกเขาอีกด้วย
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องกลัวว่าพลังชีวิตของเขาจะหมดไปอีก เพราะตอนนี้เขามีอย่างมากมาย และยังมีพลังหยินหยางที่สามารถทดแทนได้ตลอดเวลา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนจึงลุกขึ้น และจัดการถอนเข็มออกจากศรีษะของชายวิกลจริต จากนั้นจึงช่วยแก้เชือกที่มัดไว้ให้กับเขาโดยที่ชายวิกลจริตไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย
“ข้าน้อย.. หวังต้าจวงขอขอบคุณท่านมาก!”