ภายในคลินิกสามัญชน..
เวลานี้บุคลากรของหลิงหยุนทั้งชายและหญิงต่างก็ยืนอยู่ด้านใน และกำลังรอคอยคำสั่งจากหลิงหยุน
มีเพียงถังเทียนห่าว และลูกชายของเขาเท่านั้น ที่ยังคงยืนขวางอยู่ที่หน้าประตู เพื่อกันผู้คนที่พยายามจะเบียดเข้ามาดูการรักษาของหลิงหยุนด้านใน หลิงหยุนจึงสามารถเดินเข้าไปในคลินิกได้เพียงคนเดียว โดยที่คนอื่นๆไม่สามารถตามเข้าไปได้
เหล่ากุ่ยกำลังมองหลิงหยุน ท่านหมอเสี่ยว ซ่งเจิ้งหยาง เหลียงเฟิงอี้ เหยาลู่ และพยาบาลทั้งสามคน ที่ทำความสะอาดแผลให้กับผู้ป่วยทั้งยี่สิบสองคนด้วยความรู้สึกังวลอย่างมาก จนต้องส่งกระแสจิตบอกกับหลิงหยุนว่า
-พ่อหนุ่ม.. ครั้งนี้คงจะหนักหนามากสินะ!-
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของเหล่ากุ่ยดี เขาจึงยิ้มพร้อมกับปลอบกลับไปว่า
-เหล่ากุ่ย.. ท่านอย่าได้กังวลใจไป!-
ที่คลินิกสามัญชนไม่มีทั้งน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่มียาชา และไม่มีแม้แต่น้ำเกลือ การทำความสะอาดแผลจึงต้องใช้เพียงแค่น้ำอุ่น หรือน้ำเย็นเท่านั้น!
ความกลัวและความวิตกกังวลเข้าครอบคลุมจิตใจของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ซ่งเจิ้งหยาง และเหลียงเฟิงอี้ แม้แต่พยาบาลทั้งสามคนรวมทั้งเหยาลู่ หลินเจิ้งกัง หลี่ยี่เฟิง และคนอื่นๆ ต่างก็ตกอกตกใจไม่น้อยเช่นกัน!
และแทบไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่อยู่ด้านนอก!
ผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสหลายคน เมื่อบาดแผลถูกน้ำเข้าก็ถึงกับดิ้นรน และกรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด เสียงร้องของพวกเขาเจ็บปวดจนฟังแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หวาดเสียว และขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย
ชายหนุ่มที่ถูกน้ำกรดสาดจนเหลือแต่ผิวเนื้อสีแดงนั้น สภาพของเขาดูน่าสยดสยองอย่างที่สุด ไม่มีใครสักคนที่กล้าแตะต้องตัวเขา และในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น หลิงหยุนก็เป็นคนแรกที่เดินเข้าไปหา
“ดูสิ.. หลิงหยุนเข้าไปรักษาคนที่โดนน้ำกรดก่อนเลย..”
“ในมือของเขาไม่มีเครื่องมืออะไรสักอย่าง แม้แต่เข็มที่ใช้ในการฝังเข็มแบบหมอแผนจีนก็ยังไม่มี แล้วจะรักษาคนไข้ได้ยังไง?!”
“นี่ถ้าหลิงหยุนรักษาได้จริงๆ เขาก็คงไม่ใช่คนแล้วล่ะ! ไม่อย่างนั้นต่อไปใครที่ต้องการเปลี่ยนใบหน้า ก็คงไม่ต้องไปทำศัลยกรรมแล้ว แค่มาหาหลิงหยุนก็พอ!”
………..
เสียงผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ขาดปากในระหว่างที่หลิงหยุนกค่อยๆ ย่อตัวลงตรงหน้าผู้ป่วยที่โดนน้ำกรด
‘แม้ว่านางมารน้อยนั่นจะบ้าบิ่นมาก! แต่นางก็เลือกเจ้าแล้ว จึงนับว่าเป็นโชคดีของเจ้า..’
หลิงหยุนได้แต่ถอนหายใจก่อนจะแอบเรียกยันต์บำบัดระดับสี่ออกมาไว้ในมือสองแผ่น
ความจริงแล้ว.. ในการรักษาผิวหนังและเนื้อที่ถูกกรดกัดกร่อนจนเสียหายนั้น ใช้ยันต์บำบัดระดับสี่แค่แผ่นเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ในเมื่อหลิงหยุนตั้งใจจะรักษาแล้ว เขาก็ต้องรักษาให้กลับมาหายดียิ่งกว่าเดิม หลิงหยุนจึงเลือกที่จะใช้ยันต์ทั้งหมดสองแผ่นสำหรับการรักษาครั้งนี้
ตอนนี้หลิงหยุนได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของสายตาทุกคู่ และทุกคนต่างก็พุ่งความสนใจมาที่เขาเพียงคนเดียว!
หลิงหยุนเริ่มจดจ่ออยู่กับการรักษาผู้ป่วย คนที่อยู่ในคลินิกและไม่สามารถช่วยอะไรหลิงหยุนได้ ก็เริ่มเดินออกไปช่วยที่ด้านหน้าประตู เพราะตอนนี้ผู้คนกำลังพยายามที่จะเบียดเข้ามาภายในคลินิกเพื่อดูการรักษาของหลิงหยุน
มือของหลิงหยุนนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าอะไร ระหว่างที่เขาปิดยันต์บำบัดระดับสี่ลงบนใบหน้าและคอของผู้ป่วยนั้นจึงไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็นทัน จากนั้นเขาก็ร้องสั่งยันต์ให้ออกฤทธิ์ทันที
และแล้วทุกคนต่างก็ได้เห็นนาทีมหัศจรรย์!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน.. ผู้ป่วยที่โดนน้ำกรดกัดกร่อนจนอาการสาหัสตั้งแต่ใบหน้า ศรีษะ ลำคอ และหน้าอกจนเป็นเนื้อสีแดงสดนั้น จู่ๆบาดแผลต่างๆ ก็หายวับไปอย่างไม่น่าเชื่อ และผิวหนังใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นแทนทันที!
ในเวลาเพียงแค่สิบวินาที แผลที่เกิดจากน้ำกรดกัดกร่อนเหล่านั้น ก็ได้หายวับไปกับตา และทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ตอนนี้ผิวหน้าของชายผู้นั้นกลับมาสดใสนวลเนียนราวกับผิวของเด็กอ่อน!
หลังจากที่ทุกคนเห็นได้ชัดเจน ก็พบว่าที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะอายุราวยี่สิบปี และหน้าตาของเขาก็หล่อเหลาอย่างมากด้วย
ภายในคลินิกตอนนี้เข้าสู่ความเงียบสงัด แม้แต่เข็มตกสักเล่มก็คงได้ยินกันทั้งหมด! ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ด้านในหรือด้านนอกคลินิก ต่างก็พากันตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก.. แต่หากผู้ใดที่ได้พบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็คงมีอาการไม่ต่างไปจากนี้เช่นกัน
สิ่งที่เห็นอยู่นี้ไม่อาจเรียกว่าการรักษาด้วยการแพทย์ได้อีก เพราะนี่คือปาฏิหาริย์ และความมหัศจรรย์! หากจะนิยามการรักษาของหลิงหยุนในครั้งนี้ว่าเป็นการรักษาที่มหัศจรรย์ ก็ยังนับว่าเป็นคำพูดที่เบาเกินไป!
ฉินตงเฉี่วยถึงกับนิ่งอึ้งไป ท่านหมอเสี่ยวเองก็เช่นกัน หลี่ยี่เฟิง หลินเจิ้งกัง เหลียงเฟิงอี้ ซ่งเจิ้งหยาง ซูหลิงเฟย และคนอื่นๆ ต่างก็พากันตกตะลึงและนิ่งเงียบไปตามๆกัน ตอนนี้ทุกคนล้วนอยู่ในสภาพตาโตปากกว้าง!
‘..สิ่งที่หลิงหยุนเคยบอกกับข้าไว้ มันคือความจริงหรือนี่?!’
ก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางไปที่เกาะเตียวหยูนั้น เขาได้มอบยันต์หลายชนิดให้กับฉินตงเฉี่วย แม้สีหน้าของหลิงหยุนจะดูจริงจัง! แต่ฉินตงเฉี่วยก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อนัก นางคิดว่าสิ่งที่หลิงหยุนพูดนั้นออกจะเป็นเรื่องที่ลึกลับ และดูน่าอัศจรรย์จนเกินไป! แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่ายันต์ที่หลิงหยุนมอบให้ในครั้งนั้น ความจริงแล้วเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก!
ท่านหมอเสี่ยวเองก็รู้ถึงประสิทธิภาพของเก้าเข็มปลุกชีพที่หลิงหยุนใช้รักษาเป็นอย่างดีดี และถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของหลิงหยุน แต่เขาก็คิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ ทักษะทางการแพทย์ของหลิงหยุนไม่ได้มีเพียงแค่รักษาชีวิต แต่ยังสามารถสร้างเนื้อเยื่อ และกระดูกขึ้นใหม่ได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอีกด้วย เขาได้เห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง มันเป็นความจริงเสียยิ่งกว่าจริงอีก!
‘หนิงน้อยไม่ได้โกหกฉันจริงๆด้วย เขาทำได้จริงๆ นี่เรียกว่าอะไรนะ.. ดูเหมือนจะชื่อว่ายันต์บำบัดสินะ..!’
หลังจากที่หลี่ยี่เฟิงมอบที่ดินกว่าหนึ่งร้อยไร่ให้กับหลิงหยุน เขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับแล้ว แต่เมื่อรู้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่นี่ เขาก็ถึงกับเหงื่อตก และเกรงว่าจะต้องเสียหน้า แต่ก็ยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่งต่อหน้าสาธารณชน ท้ายที่สุดแล้วกลับคิดไม่ถึงว่า..
‘ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ! ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ! นี่นับว่าเป็นความสำเร็จทางการแพทย์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้.. หลิงหยุนช่างมหัศจรรย์มาจริงๆ…’
หลินเจิ้งกัง เหลียงเฟิงอี้ ซ่งเจิ้งหยาง และคนอื่นๆต่างก็ครุ่นคิดอยู่ในใจเช่นกัน ดวงตาที่พวกเขาจ้องมองไปทางหลิงหยุนนั้น ล้วนเป็นประกายราวกับได้พบเห็นเซียน!
หลังจากที่หายจากอาการตกตะลึง สมองของซูหลิงเฟยก็นึกถึงเรื่องการทำข่าวขั้นมาทันที นี่จะไม่ใช่แค่ข่าวของเมืองจิงฉูเท่านั้น แต่จะต้องเป็นข่าวใหญ่ที่ดังไปทั่วโลก!
แต่โชคร้ายที่วันนี้เธอโทรหาช่างภาพของสถานี แต่รถของเขากลับไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ และตอนนี้ก็ถูกบล็อกอยู่ไกลถึงห้ากิโลเมตร!
ซูหลิงเฟยไม่มีทางเลือก ได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาถ่าย แต่ในเวลานั้นก็ไม่มีใครสังเกตุเห็นสิ่งที่เธอทำเช่นกัน
น่าเสียดายที่สามารถดูได้ แต่ไม่สามารถบันทึกได้! เพราะไป๋เซียนเอ๋อไม่ลืมภารกิจที่หลิงหยุนได้สั่งไว้..
ทางด้านนอกคลินิกนั้น ผู้คนที่ได้เห็นความอัศจรรย์ในการรักษาคนไข้ของหลิงหยุน ต่างก็พากันกรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันที่จะเบียดตัวเข้าไปในคลินิกให้ได้ ถังเมิ่งและถังเทียห่าวแทบจะไม่สามารถต้านทานคลื่นฝูงชนที่กำลังคลุ้มคลั่งนี้ได้ เพราะทุกคนต่างก็พากันกรูเข้ามาพร้อมๆกัน!
“แม่เจ้า! ฉันเห็นผู้ชายที่ถูกน้ำกรดสาดนั่นหายในพริบตา และตอนนี้เขาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว!”
“ปาฏิหารย์! มหัศจรรย์! ไม่ใช่สิ.. นี่น่าจจะเรียกว่ายิ่งกว่าเทพนิยายถึงจะถูก!”
“หลิงหยุนช่างมหัศจรรย์มากจริงๆ! นี่มันหมอเทวดาชัดๆ! อย่างนี้ปู่ของฉันมีสิทธิ์หายแล้ว!”
“นี่.. นี่ถ้าใครกล้าพูดว่าไม่เชื่อนะ.. ฉันจะยิงมันทิ้งทันที..”
ปากของคนนั้นยาวยิ่งกว่าปากสุนัขจริงๆ เมื่อครู่เพิ่งจะเยาะเย้ยว่าจะรอดูหลิงหยุนกลายเป็นตัวตลก แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา.. กลับเปลี่ยนเป็นชื่นชมในความมหัศจรรย์ของหลิงหยุนจนแทบคลุ้มคลั่ง!
“โอ้.. นี่ผมไม่เจ็บปวดอีกแล้ว.. ผมเคลื่อนไหวได้แล้ว..”
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของตนเอง แต่เขาเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ! เขายังคงคิดว่าตัวเองอยู่ในอาการโคม่า จนกระทั่งหลิงหยุนตบไหล่ และสั่งให้เขาลุกขึ้นได้ เขาจึงยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้าพร้อมกับพึมพำออกไปว่า
“นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย?”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “คุณไม่ได้ฝันไปหรอก! ตอนนี้คุณหายดีแล้ว! คุณเห็นคนที่อยู่รอบๆตัวคุณมั๊ย? ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองไปถามพวกเขาดูสิ”
จากนั้น.. เด็กหนุ่มก็หยิกตัวเอง ก่อนจะร้องไห้เสียงดังออกมาอย่างตื่นเต้น เขาไม่ได้ลุกขึ้นยืนทันที แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงหยุน และโขกศรีษะลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมา..
“ขอบคุณ.. ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม.. ขอบคุณมากครับ..”
นอกเหนือจากคำขอบคุณแล้ว เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านั้นอีก..
“ไม่ต้องขอบคุณผมก็ได้.. จากนี้ไปขอให้ใช้ชีวิตที่เหลือของคุณทำแต่สิ่งดีๆ จะได้ไม่มีใครสาดน้ำกรดใส่คุณอีก เข้าใจมั๊ย..?”
หลิงหยุนช่วยพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นพร้อมกับบอกเขาอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า
“ผมผิดไปแล้ว และต่อไปจะไม่ทำแบบเดิมอีก!”
“ตอนนี้คุณไปได้แล้ว.. หากต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้บอกกับสาวสวยตรงนั้น พวกเธอจะช่วยเหลือคุณเอง!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยกมือชี้ไปทางโต๊ะที่มีสาวสวยยืนจ้องมองอยู่
“ผมยังไปใหนไม่ได้.. ผมยังไม่ได้ตอบแทนที่คุณช่วยชีวิตผมไว้เลย!” เด็กหนุ่มเงอะๆงะๆไม่ยอมไป
หลิงหยุนยิ้มและไม่สนใจเด็กหนุ่มอีก เขาหันไปมองผู้ป่วยรายอื่นที่มีบาดแผลตามร่างกายอยู่สิบกว่าแห่ง
‘เอาล่ะ.. นี่ก็ไม่ต่างกัน เจ้าลุกขึ้นไปช่วยจัดระเบียบผู้คนที่หน้าประตูก็แล้วกัน!’
ยันต์บำบัดของหลิงหยุนพร้อมด้วยยันต์ธารานั้น ทำให้บาดแผลของผู้ป่วยสะอาดยิ่งกว่าการล้างแผลเสียอีก
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงไม่ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแม้แต่น้ำเกลือล้างแผล ยันต์บำบัด และยันต์ธาราของเขานั้นสามารถทำความสะอาดบาดแผลได้ไม่ต่างกัน อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือไวรัสด้วย
ยันต์บำบัดของหลิงหยุนนั้นสามารถรักษาบาดแผลให้หายได้ในทันที หลิงหยุนจึงเลือกทำการรักษาผู้ป่วยที่มีบาดแผลฉกรรจ์ก่อน และตอนนี้ผู้คนมากมายก็ดันกันอยู่นอกคลินิกของหลิงหยุนจนแทบจะพัง
ท่ามกลางความสนใจของทุกคน หลิงหยุนรีบทำการรักษาผู้ป่วยที่ถูกแทงมาสิบกว่าแผล ครั้งนี้เขาใช้ยันต์บำบัดระดับสอง เพราะอาการบาดเจ็บในระดับนี้ ยันต์ระดับสองก็นับว่าสิ้นเปลืองมากแล้ว
หลิงหยุนไม่สนใจชายหนุ่มที่กล่าวขอบคุณเขาอีกราย และเริ่มทำการรักษาผู้ป่วยรายที่สาม รายที่สี่ต่อไปทันที..