[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 569 : โมโหแทบคลั่ง!
หลิงหยุนอธิบายหลักการของวิชาเก้าเข็มปลุกชีพให้เสี่ยวเม่ยหนิงฟัง และใส่ใจในการทำความเข้าใจให้กับเธออยู่จนดึก หลิงหยุนจึงได้ขอตัวกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของเธอ
หลังจากกลับไปที่ห้องนอนแล้ว หลิงหยุนก็นั่งทำสมาธิแทนการนอนหลับพักผ่อน และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งรุ่งสางของเช้าวันใหม่
วันนี้เป็นวันเปิดคลีนิคของหลิงหยุน..
หลิงหยุนตื่นนอนก่อนใครๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการพักผ่อนของหนิงน้อยที่กำลังนอนหลับฝันดี หลิงหยุนจึงกระโดดลงจากหน้าต่างห้องนอนชั้นสองไปยังลานบ้านเพื่อฝึกวิชาต่อทันที
หลิงหยุนมีเวลาไม่มากนัก เขาจึงรีบดูดซับเอาพลังสุริยะ และพลังดวงดาวเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง.. หลังจากที่ฝึกเสร็จแล้ว และกำลังจะเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลิงหยุนก็เห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแต่งตัวเรียบร้อยคล้ายเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาใส่ชุดกระโปรงสีขาวเผยให้เห็นท่อนขาที่เรียวยาว และเสื้อเอวลอยของเธอก็เผยให้เห็นผิวที่ขาวใสราวกับคริสตัลเช่นกัน ผมยาวของเธอดำขลับตัดกับสีผิว และแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบร่างของเธอ ก็ยิ่งเน้นให้รอบตัวของเธอเปล่งประกายน่าดูยิ่งนัก
“สวยงามน่าดูเลยทีเดียว!” หลิงหยุนถึงกับจ้องมองด้วยความงุนงง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
ทันทีที่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น อารมณ์ของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่งทันที!
และเพียงแค่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเดินออกมา หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงแหลมดังขึ้นอยู่ที่มุมในสวนหน้าบ้าน เขาจ้องมองด้วยแววตาที่โกรธเคือง
เจ้าดักแด้ทองคำตัวอ้วนกลมบินออกมาจากต้นสมุนไพรชีฉียู่ และมาเกาะอยู่บนไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา!
เจ้าทองอ้วนน่าจะกินมากจนเกินไป ท้องของมันจึงขยายจนกลมดิ๊ก แม้แต่ในขณะที่เกาะลงบนไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้น มันก็ยังขี้เกียจที่จะขยับปีกที่แสนจะบางเบา
“แย่แล้ว!”
หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบเดินตรงไปที่ต้นสมุนไพรชีฉียู่ และก้มลงสำรวจทันที แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่ผิด เจ้าดักแด้ตัวอ้วนกลมนั้นได้กินใบของต้นสมุนไพรชีฉียู่หมดไปเกือบครึ่งต้น!
“แกตายแน่!”
หลิงหยุนกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห และรีบโคจรดาราคุ้มกายก่อนจะเอื้อมมือไปจัดการกับเจ้าทองอ้วนที่อยู่บนไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันที!
แต่เพราะเจ้าทองอ้วนเพิ่งได้รับพลังชีวิตเข้าไปจำนวนมาก มันจึงสามารถบินหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว และความเร็วของมันตอนนี้ก็เร็วขึ้นกว่าก่อนถึงสองเท่า จากนั้นร่างอ้วนกลมก็บินหายลับขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
“หลิงหยุน.. นี่นายจะทำอะไร?” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นหลิงหยุนยื่นฝ่ามือตรงมาที่ไหล่ของเธอ จึงร้องถามออกไปด้วยความโมโห
“เจ้ามานี่..” หลิงหยุนร้องตะโกนใส่เจ้าทองอ้วนอย่างไม่พอใจ
เขาไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา หลิงหยุนใช้มือซ้ายซัดเข็มเล่มใหญ่เข้าใส่เจ้าทองอ้วนที่กำลังบินอยู่กลางอากาศ!
เจ้าทองอ้วนที่กำลังขยับปีกอยู่กลางอากาศนั้น หลังจากที่หลบเข็มซัดของหลิงหยุนได้แล้ว มันก็รีบบินหนีการโจมตีของหลิงหยุนออกไปไกลหลายสิบเมตร
“หลิงหยุน.. นี่นายกล้ารังแกเจ้าทองอ้วนของฉันเหรอ?! ฉันจะสู้กับนายเอง!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นหลิงหยุนที่เอาแต่จะทำร้ายเจ้าทองอ้วนของเธอ จึงรีบพุ่งเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างเดือดดาล
“พี่ใหญ่.. พี่หลิงหยุน.. ยังเช้าอยู่เลย พวกพี่สองคนกำลังทำอะไรกันอยู่คะ?”
หลิงหยุนได้ยินเสียงของเสี่ยวเม่ยหนิงที่ร้องตะโกนถามออกมาจากหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง แต่กลับไม่สนใจ..
“นี่.. เอาดักแด้บ้าบอของคุณไปด้วย นอกจากไม่มีประโยชน์กับผมแล้วยังสร้างแต่ปัญหา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนร้องตะโกนใส่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับชี้หน้าเธออย่างเดือดดาล
“อย่าให้มันมากินสมุนไพรของผมอีกล่ะ! ถ้ามากินอีกล่ะก็.. คงไม่ต้องบอกนะว่าผมจะจัดการกับมันยังไง?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาชายหางตาไปทางต้นสมุนไพรชีฉียู่ และหันกลับมามองหลิงหยุนอย่างเหยียดหยัน
“โธ่เอ๊ย! นึกว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรง! ที่แท้ก็แค่หญ้ายื่อปันฉ่าวนี่เอง นายนี่ขี้เหนียวชะมัด!”
‘อะไรนะ?! หญ้ายื่อปันฉ่าวงั้นรึ? คนบนโลกนี้เรียกสมุนไพรชีฉียู่ว่าหญ้ายื่อปันฉ่าวงั้นรึ?’
หลิงหยุนตอบกลับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยความโมโห “ดูนี่.. คุณไม่เห็นหรือไงว่าเจ้าทองอ้วนของคุณกินหญ้ายื่อปันฉ่าวของผมเกือบหมดต้น?!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่คิดในใจว่า หลิงหยุนช่างไร้สาระเสียจริงๆ หญ้ายื่อปันฉ่าวมีค่ามากกว่าเจ้าทองอ้วนของเธองั้นหรือ?!
หญ้าชนิดนี้หาพบได้ง่ายมากในพื้นที่เขาของชนเผ่าเหมี่ยว เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็เห็นมามากมาย เพราะหญ้าชนิดนี้พบเห็นได้มากมายตามหุบเขาในเขตพื้นที่ของชนเผ่าเหมี่ยว
แต่ถึงกระนั้น.. สมุนไพรชีฉียู่ต้นนี้นั้น หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังอมตะลงไปที่รากของมัน ซึ่งเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่รู้
หากไม่ได้พลังอมตะที่ถ่ายเทให้นี้ ด้วยขั้นการบ่มเพาะของหลิงหยุนในเวลานี้ มีหรือที่สมุนไพรชีฉียู่จะมีพลังชีวิตเพียงพอสำหรับเขา แต่เพราะพลังอมตะที่เขาได้ถ่ายเทลงไปนั้น สมุนไพรชีฉียู่ต้นนี้จึงแตกต่างจากต้นอื่นๆ และจะมีประโยชน์ต่อหลิงหยุนมากในขั้นพลังชี่
หลิงหยุนนั้นทั้งเศร้าโศกและโมโหอย่างมาก “คุณก็เห็นว่าเจ้าทองอ้วนขโมยกินสมุนไพรของผม แต่คุณกลับไม่ห้ามปราม! อย่างนี้เท่ากับเป็นหัวขโมยชัดๆ จ่ายค่าเสียหายมาให้ผมด้วย!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่ใส่ใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหลิงหยุนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ เธอจึงได้แต่แอบยิ้ม และตอบไปว่า
“ไว้นายไปที่เผ่าเหมี่ยวเมื่อไหร่ ฉันจะพานายไปเก็บเอง นายอยากได้กี่ต้นก็ขนไปได้เลย!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า ที่เผ่าเหมี่ยวมีสมุนไพรชีฉียู่มากขนาดนั้นเชียวหรือ?!
แต่หลิงหยุนกลับยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ต้นสมุนไพรชีฉียู่พร้อมกับพูดเสียงเย็นว่า “ไม่.. ผมต้องการให้คุณจ่ายค่าเสียหายสำหรับสมุนไพรต้นนั้น เพราะสมุนไพรของผมไม่เหมือนใคร ผมได้ถ่ายเทพลังชีวิตลงไปที่รากของมัน มันจึงพิเศษกว่าต้นอื่นๆ!”
หลิงหยุนไม่ได้บอกไปว่าเขาได้ถ่ายเทพลังอมตะลงไป เพราะพลังอมตะเป็นความลับที่เขาไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้!
“ห๊ะ?!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมารู้ดีว่าเจ้าทองอ้วนชอบกินหญ้ายื่อปันฉ่าวมาก อีกทั้งมันก็ไม่ได้กินมานานมากแล้ว เมื่อมาพบหญ้าชนิดนี้ที่บ้านของหลิงหยุน มันจึงกินเข้าไปมากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะถ่ายเทพลังชีวิตลงไปในสมุนไพรต้นนี้
เหมี่ยวเหมาเข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงต้องเศร้า และขุ่นเคืองใจมากถึงเพียงนี้ เธอเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป จึงยิ้มหวานหยดย้อยให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่หลิงหยุน.. เจ้าทองอ้วนกินใบของมันไปนิดเดียวเอง เดี๋ยวมันก็ขึ้นเหมือนเดิมแล้ว..”
นับว่ายิ้มหวานของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ผลเกินคาด หลิงหยุนได้แต่มองด้วยความตกตะลึง แต่เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังโดนหลอกล่อก็รีบตอบกลับไปด้วยความโมโหว่า
“ไม่ได้..! เจ้าทองอ้วนกินใบไม้ของผมไปเกือบครึ่งต้น คุณจะรับผิดชอบยังไง?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นว่าหลิงหยุนโกรธจริง เธอเองก็ได้แต่รู้สึกผิด และตอบกลับไปเสียงเบาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่า.. ไว้นายไปที่เผ่าเหมี่ยวของฉันเมื่อไหร่ นายอยากได้กี่ต้นก็ขนไปได้เลย!”
หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับครุ่นคิด ความจริงแล้วถึงแม้ใบของหญ้าสมุนไพรชีฉียู่จะหายไปจำนวนมาก แต่ก็ยังสามารถถ่ายเทพลังชีวิตออกมาได้อย่างมากมาย แต่เขาเพียงแค่ต้องการเอาชนะเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเท่านั้น เขาจึงตอบกลับไปว่า
“หญ้ายื่อปันฉ่าวไม่เป็นไร.. แต่คุณต้องรับผิดชอบด้วยการช่วยผมหาสมุนไพราชนิดอื่นๆ!”
ท่ามกลางภูเขาหลายลูกในพื้นที่ของชนเผ่าเหมี่ยวนั้น ในเมื่อมีสมุนไพรชีฉียู่อยู่ ก็ต้องมีสมุนไพรที่ให้พลังชีวิตชนิดอื่นด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นประโยชน์กับหลิงหยุนอย่างมาก
“นายนี่โลภมากจริงๆ! ก็ได้! ที่เผ่าของเรามีภูเขามากมาย ถ้านายมีเวลามากพอ แล้วก็ไม่กลัวที่จะต้องปีนเขา บุกป่าฝ่าดง และไม่กลัวแมลงมีพิษมากมาย ฉันก็จะไปเป็นเพื่อนนายเอง!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่ลังเลที่จะตอบตกลง แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตือนหลิงหยุนถึงภัยอันตรายที่เขาอาจจะได้รับ
หลิงหยุนตอบกลับมายิ้มๆ “ไม่ต้องห่วง! แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่กล้าไป ผมรอคอยโอกาสแบบนี้มานานแล้ว!”
หลังจากที่ทั้งคู่ทำความตกลงกันเบื้องต้นแล้ว หลิงหยุนก็กำชับต่อว่า “แต่คุณต้องคอยระวังไม่ให้เจ้าทองอ้วนไปกินหญ้ายื่อปันฉ่าวของผมอีกนะ ผมจำเป็นต้องใช้มันสำหรับปรุงยา นี่คุณได้ยินที่ผมพูดใช่มั๊ย?”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาคิดในใจว่าเจ้าทองอ้วนคงจะอิ่มไปได้อีกนาน และมันจะไม่ยุ่งกับหญ้ายื่อปันฉ่าวไปอีกนานถึงสองเดือนเลยทีเดียว เธอจึงพยักหน้าตกลง
“พี่หลิงหยุน.. พี่ใหญ่.. นี่พี่สองคนทะเลาะกันเรื่องแค่นี้เองเหรอ?” เสี่ยวเม่ยหนิงทั้งขำและโกรธเมื่อได้รู้ความจริง
“พี่หลิงหยุน.. วันนี้ท่านปู่จะให้สมุนไพรมากมายกับพี่ มีทั้งบัวหิมะเทียนซาน ใหนจะหญ้าชีหยางอีก มันเป็นหญ้าที่หายากมากเลยนะ!”
“ห๊ะ..”
หลิงหยุนยังคงไม่รู้ว่าในวันเปิดคลินิคนี้ จะมีเรื่องรอให้เขาประหลาดใจอยู่อีกมากมาย!
เสี่ยวเม่ยหนิงยิ้มและพูดต่อว่า “เอาล่ะ.. ไว้พี่ไปถึงที่คลีนิคพี่ก็จะรู้เอง ไปกินข้าวเช้าไปได้แล้ว ฉันหิวแล้ว!”
หลิงหยุนยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่เจ้าดักแด้ทองคำที่บินหนีออกไปไกลจนเห็นเป็นเพียงแค่จุดสีทองๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่.. อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ก็แล้วกัน! ถ้าจับได้ข้าเอาเจ้ามาทำดักแด้ทองคำย่างกิน!”
“ถ้านายกล้าจับเจ้าทองอ้วนกิน ฉันฆ่านายแน่!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นหลิงหยุนขู่เจ้าทองอ้วน จึงร้องขู่เขาเช่นกัน
แต่เมื่อนึกถึงฝ่ามือของหลิงหยุนที่สัมผัสบนไหล่ของเธอเมื่อครู่ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้แต่นึกในใจว่า กำลังภายในของหลิงหยุนช่างก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ หากเจ้าทองอ้วนหลบไม่ทัน มันคงต้องได้รับบาดเจ็บไปแล้วอย่างแน่นอน!
“คนขี้เหนียว! ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนใหนขี้เหนียวเหมือนนายมาก่อนเลย!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาแสร้งพูดปกปิดความรู้สึกจริงๆของตนเอง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลิงหยุนกระโจนเข้าไปใกล้ต้นสมุนไพรชีฉียู่ เขาสำรวจความเสียหายอยู่ครู่หนี่ง และกำลังประเมินว่ายังเหลือพอที่จะให้เขานำไปปรุงโอสถได้มากเท่าไหร่?
ครั้งนี้นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของหลิงหยุน!
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากเทียบกับผลประโยชน์ที่หลิงหยุนจะได้รับจากเผ่าเหมี่ยวแล้ว นี่นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็ได้แต่แสยะยิ้มด้วยความยินดี!