[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 492 : มนุษย์กับปีศาจ!
หลิงหยุนประคองร่างของหลงหวู่ไว้ และรีบพาไป๋เซียนเอ๋อขึ้นลิฟท์ไปที่ห้อง 1758 อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เข้าไปในห้องได้ หลิงหยุนก็รีบปิดประตู และจัดการคลายจุดให้กับหลงหวู่พร้อมกับประคองร่างของเธอไปที่เตียง
หลิงหยุนเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และตื่นตระหนกของหลงหวู่ เขารู้ดีว่าหลงหวู่นั้นหวาดกลัวมากเพียงใด เพราะเขาเป็นคนประคองร่างของเธอขึ้นมาเอง เพียงแค่เดี๋ยวเดียว.. ร่างของหลงหวู่ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น และเปียกชื้นเต็มเสื้อยืดไปหมด!
ทันทีที่หลิงหยุนคลายจุดให้.. ด้วยสัญชาติญาณหลงหวู่กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของหลิงหยุนทันที มือทั้งสองข้างของเธอกอดหลิงหยุนไว้แน่น และไม่ยอมปล่อยอีกเลย!
ดูเหมือนเธอจะหวาดกลัวมากจริงๆ!
หลิงหยุนรู้ดีว่านี่เป็นปัญหาใหญ่.. ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะเตียวหยูนั้น หลิงหยุนเองก็ต้องใช้เวลาในการอธิบายเรื่องนี้ให้ถังเมิ่ง และเสี่ยวเม่ยหนิงฟังอยู่นาน จนเขาเองก็เหน็ดเหนื่อย และเมื่อยปากมากกว่าที่จะทำให้ทั้งสองคนยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้!
แต่สำหรับคนอื่นๆ รวมทั้งหนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยนั้น หลิงหยุนตั้งใจที่จะบอกอย่างคลุมเครือ และอธิบายให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางก่อนออกเดินทาง
หลงหวู่เองก็เคยถามหลิงหยุนเช่นกันว่า เขาจะไปที่นั่นทำอะไร? และหลิงหยุนก็ตอบกลับไปเพียงแค่ว่าเขาจะไปฆ่าคน และไม่ได้พูดถึงเรื่องการกลายร่างของไป๋เซียนเอ๋อให้เธอรู้แม้แต่น้อย
เขาออกเดินทางไปพร้อมกับสุนัขจิ้งจอกสีขาว แต่เมื่อกลับมาสุนัขจิ้งจอกกลับกลายร่างเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว หลงหวู่เองก็พอที่จะคาดเดาได้ เธอจึงได้มีอาการหวาดกลัวมากถึงเพียงนี้..
หลิงหยุนคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว และคงต้องค่อยๆอธิบายให้เธอเข้าใจอย่างช้าๆ!
หลิงหยุนโอบร่างของหลงหวู่ไว้พร้อมกับพูดยิ้มๆ “หลงหวู่.. ปกติคุณเป็นคนใจกล้านี่นา.. ทำไมตอนนี้ถึงได้กลัวขนาดนี้ล่ะ? นางดูไม่เหมือนคุณตรงใหน?”
หลิงหยุนค่อยๆตะล่อมหลงหวู่ให้เข้าเรื่อง..
หลงหวู่ยังคงซุกอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน ตอนนี้ใบหน้าสวยงามของเธอก็ซีดจนขาว และไม่กล้าแม้แต่จะมองไป๋เซียนเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลิงหยุน สายตาของหลงหวู่จับจ้องอยู่เพียงแค่ลำตัวของหลิงหยุนเท่านั้น และตอบกลับไปว่า
“แต่.. เธอ.. เธอไม่ใช่..”
หลงหวู่อยากจะพูดออกมาว่าไป๋เซียนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์! แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาเช่นนั้น เพราะตำนานเรื่องเล่าสุนัขจิ้งจอกนั้นเป็นเรื่องที่นี่ขัน!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าหลงหวู่กอดเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และเหงื่อเย็นก็ไหลโชกจนเขาเองยังรู้สึกได้ เขานึกเสียดายที่ไม่มียันต์ปรับจิต ไม่เช่นนั้นรับรองว่าสภาพจิตใจของหลงหวู่จะสามารถกลับสู่สภาพปกติทันที
ยันต์ปรับจิตเป็นยันต์ระดับห้า ระดับกำลังภายในของหลิงหยุนยังไม่สามารถปลุกเสกได้ คงต้องรอให้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-9 เสียก่อน
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจใช้วิธีอื่นในการอธิบาย..
เขาโอบกอดหลงหวู่ไว้ จากนั้นจึงค่อยๆพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “นี่คุณคงรู้เดาว่าไป๋เซียนเอ๋อก็คือสุนัขจิ้งจอกที่ผมพาไปที่เกาะด้วยใช่ไม๊? คุณเดาได้ถูกต้องแล้วล่ะ!”
“เอ่อ..” หลงหวู่ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนด้วยความหวาดกลัว และมีอาการคล้ายว่าแทบจะทนไม่ได้นั้น
เมื่อได้ยินหลิงหยุนยืนยันว่าไป๋เซียนเอ๋อก็คือเจ้าขาวปุยจริงๆ อีกทั้งความหวาดกลัวของหลงหวู่ก็ได้พุ่งขึ้นไปถึงขีดสุดแล้ว จึงไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนกับครั้งแรก..
คนเราก็เป็นเช่นนี้.. แทบจะทุกคน ล้วนหวาดกลัวในสิ่งที่ตนเองคาดเดา แต่เมื่อรู้ความจริง กลับจะสามารถยอมรับได้ง่ายๆ
นั่นเพราะไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่..? ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ!
เมื่อพบว่าร่างกายของหลงหวู่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว หลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกว่าหนทางของเขาเปิดแล้ว เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลงหวู่.. คุณยังไม่รู้ว่าเจ้าขาวปุยไม่ใช่สุนัขจิ้งจอกธรรมดา นางคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางซึ่งเป็นสัตว์เทพที่อาศัยอยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ ก่อนที่ผมจะออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลนั้น หางที่สามของนางก็ได้งอกออกมาแล้ว..”
“จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางนั้น เมื่อหางที่สามงอก มันจะสามารถกลายร่างเป็นคนได้ และที่ผมพาไปที่เกาะกลางทะเล ก็เพื่อให้นางกลายร่าง..”
“อย่าคิดว่านี่เป็นแค่ตำนาน หรือนิยายปรัมปราเท่านั้น คุณก็เห็นกับตาแล้วว่าเซียนเอ๋อกลับมาพร้อมกับผมจริงๆ?”
ความจริงมักเสียงดังเสมอ..! หลิงหยุนพูดเพียงไม่กี่คำ แต่กลับสามารถทำให้หลงหวู่รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างมาก และแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนด้วย
ระหว่างที่หลิงหยุนประคองร่างของหลงหวู่ขึ้นมาบนห้องนั้น ฝ่ามือของเขาแนบติดอยู่กับแผ่นหลังของหลงหวู่อยู่ตลอดเวลา ตอนนี้พลังในร่างกายของหลิงหยุนนั้นมีอานุภาพมาก ระหว่างนั้นเขาจึงได้ถ่ายเทลมปราณลงไปในร่างของหลงหวู่เพื่อทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลง..
อีกทั้งในระหว่างที่อธิบายให้หลงหวู่ฟังนั้น หลิงหยุนก็ได้ใช้มังกรคำรามที่มีผลโดยตรงต่อจิตใจของผู้ฟัง แม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ดังนัก แต่ก็มีพลังทำให้จิตใจของหลงหวู่สงบลง และค่อยๆผ่อนคลายอย่างช้าๆ
แม้หลงหวู่จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ยังคงมีอาการหวาดกลัวอยู่ จึงได้แต่รำพึงรำพันออกไปว่า
“นางไปใหนแล้ว.. นางไม่ใช่ปีศาจใช่ไม๊?”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า “ทุกชีวิตมีเส้นทางชีวิตในแบบของตนเอง ในสายตาของมนุษย์อย่างพวกเรา สิ่งมีชีวิตอื่นล้วนต้องเป็นปีศาจอย่างนั้นเหรอ?”
หลิงหยุนตอบหลงหวู่กลับไป และเธอก็ถึงกับอึ้งไปกับคำตอบของหลิงหยุน หลงหวู่เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็เป็นถึงบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และชื่นชอบภาพยนตร์แนวไซ-ไฟเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Resident Evil หรือ Zombie Wars ล้วนเป็นภาพยนตร์ที่เธอชื่นชอบ
หากเรื่องเหล่านั้นเธอยังยอมรับได้ แล้วเพราะเหตุใดเธอจึงจะต้องกลัวไป๋เซียนเอ๋อด้วยเล่า?
จิตใจของหลงหวู่ผ่อนคลายมากขึ้นและมากขึ้น มือที่จับหลิงหยุนไว้แน่นนั้นค่อยๆคลายออก และเริ่มเงยหน้าขึ้นมองไป๋เซียนเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลิงหยุน
ความงามของไป๋เซียนเอ๋อนั้นชวนหลงใหลยิ่งนัก มีเสน่ห์งดงามไปเสียทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากได้เห็นความงดงามของไป๋เซียนเอ๋อ ก็สามารถทำให้คนผู้นั้นลืมเนื้อลืมตัวได้..
หลังจากที่หายหวาดกลัว.. หลงหวู่ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้!
“นางสวยงามจริงๆ..”
หลงหวู่ได้แต่พึมพำออกมา ในใจรู้สึกอธิบายไม่ถูก และความรู้สึกหวาดกลัวต่างๆ ก็เริ่มมลายหายไป
“เธอ.. เธอ.. นี่เธอคือขาวปุยจริงๆเหรอ?”
หลงหวู่ที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุนเริ่มกล้าขึ้นมา และถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไป๋เซียนเอ๋อไม่สนใจว่าหญิงสาวผู้นี้จะหวาดกลัวนางหรือไม่? แต่เมือเห็นหลงหวู่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนไม่ไปใหน นางจึงเริ่มมีโมโหขึ้นบ้างแล้ว..
อย่าลืมว่าหลายวันที่ผ่านมา อ้อมแขนของหลิงหยุนนั้น นางได้เป็นฝ่ายครอบครองแต่เพียงผู้เดียว!
“ข้าชื่อไป๋เซียนเอ๋อ!”
นี่เป็นชื่อที่หลิงหยุนเป็นผู้ตั้งให้ และเมื่อพูดชื่อไป๋เซียนเอ๋อเมื่อใด นางจะรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้ง
การเป็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางนับว่าน่าภูมิใจมากก็จริง แต่ตอนนี้ไป๋เซียนเอ๋อต้องการเป็นมนุษย์จริงๆ และไม่ต้องการพูดถึงเรื่องสุนัขจิ้งจอกอีก เพราะหลิงหยุนเป็นมนุษย์ นางจึงต้องการเป็นมนุษย์ติดตามหลิงหยุนไปตลอดชีวิต!
“เธอ..เธอไม่กินคนใช่ไม๊?” หลงหวู่ยังคงกลัวอยู่บ้าง จึงได้แต่ถามเสียงเบาเพื่อให้มั่นใจ
ไป๋เซียนเอ๋อต้องการจะหยอกล้อหลงหวู่ ดวงตามีเสน่ห์ของนางจ้องมองไปทางหลงหวู่ พร้อมกับตอบไปว่า
“ข้าเป็นสุนัขจิ้งจอก.. เจ้าคิดว่าข้ากินคนหรือไม่ล่ะ? ระวังตัวไว้ให้ดี ข้าจะควักหัวใจของเจ้าออกมากินซะ!”
ไป๋เซียนเอ๋อเป็นคนที่เชื่อฟังก็จริง แต่นางก็จะฟังเฉพาะคนที่นางควรเชื่อฟังเท่านั้น และนางก็จะเชื่อฟังคำสั่งของหลิงหยุนเพียงคนเดียวเช่นกัน!
หลิงหยุนที่อยู่ข้างๆหลงหวู่ถึงกับขมวดคิ้ว พร้อมกับหันไปทางไป๋เซียนเอ๋อ “เซียนเอ๋อ.. หลงหวู่เพิ่งจะรู้จักฐานะของเจ้า นางยังกลัวเจ้าอยู่ ระมัดระวังกิริยา อย่าทำให้นางหวาดกลัวอีกล่ะ!”
ไป๋เซียนเอ๋อแลบลิ้นพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุน จากนั้นร่างสวยงามก็เคลื่อนตัวไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาแสนสบาย
หลงหวู่หวาดกลัวไป๋เซียนเอ๋อขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงแล้ว ความหวาดกลัวครั้งที่สองนั้นหลงหวู่สืบเนื่องมาจากเธอยังไม่ต้องกรผละออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุนเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลงหวู่ก็ยอมรับไป๋เซียนเอ๋อได้แล้ว หลิงหยุนถึงกับสูดลมหายใจยาว และค่อยๆวางร่างของหลงหวู่ลง ส่วนเขาก็ขยับมานั่งอยู่ปลายเตียง
หากหลงหวู่กลัวมากจริงๆ หลิงหยุนคงต้องมีปัญหาใหญ่แน่ เพราะหลิงหยุนเองก็คงไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้นาน เขาจึงเลือกที่จะเล่าชะตากรรมของไป๋เซียนเอ๋อให้หลงหวู่ฟัง และครั้งแรกที่เขาได้พบกับนาง รวมถึงเหตุการณ์ที่ไป๋เซียนเอ๋อช่วยเขาต่อสู้ในคืนวันเชงเม้งอีกด้วย
เมื่อฟังจนจบ.. หลงหวู่ก็กระโดดลงจากเตียงทันที และรีบเดินเข้าไปหาไป๋เซียนเอ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟา แววตาของหลงหวู่เป็นประกาย และพูดกับไป๋เซียนเอ๋อด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ..
“เซียนเอ๋อ.. น้องเซียนเอ๋อ.. ขอบคุณที่ช่วยหลิงหยุน แล้วก็ขอโทษด้วยนะ..”
ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองหลงหวู่ นางสัมผัสได้ถึงความจริงใจ และคำขอโทษที่ออกมาจากใจของหลงหวู่
ไป๋เซียนเอ๋อเป็นสัตว์เทพ จึงมีไอคิวที่สูงกว่าคนปกติ แต่เพราะนางเพิ่งจะกลายร่างเป็นมนุษย์ จึงมีร่างกายที่ดูเหมือนเด็กสาวอายุเพียง 16 หรือ 17 ปีเท่านั้น
หลงหวู่ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับนาง นางจึงไม่ควรทำให้หลงหวู่กลัวอีก
แน่นอนว่าหลิงหยุนเองก็ได้ส่งกระแสจิตบอกไป๋เซียนเอ๋อว่า หากนางกล้าทำให้หลงหวู่หวาดกลัวอีก เขาจะไม่พอใจ!
“ไม่ต้องขอบคุณข้าก็ได้.. เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องพี่หลิงหยุน ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาขอบคุณ!”
น้ำเสียงของไป๋เซียนเอ๋อนั้นทั้งไพเราะและมีเสน่ห์ น้ำเสียงของนางกังวานสดใส และค่อนข้างถือดี นางและหลิงหยุนนั้นผ่านความเป็นความตายด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน..
หลิงหยุนที่นั่งอยู่บนขอบเตียงได้แต่หัวเราะ..
หลงหวู่เดินกลับไปที่เตียงพร้อมกับตำหนิหลิงหยุนว่า “ใหนนายบอกว่าไปไม่นานไงล่ะ? ปล่อยให้คนอื่นเป็นห่วงแทบแย่!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย.. ทำไมต้องเป็นห่วงผมมากขนาดนี้? ผมกลับมาปลอดภัยแล้ว.. ไม่ดีหรือไง?”
หลงหวู่พยักหน้าเล็กน้อย.. เมื่อพบว่าเสื้อผ้าของตนนั้นเปียกโชกไปหมดจนรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัว และเหงื่อก็โชกจนสามารถมองเห็นเสื้อชั้นในได้ชัดเจน จึงบอกกับหลิงหยุนว่า
“นี่นายคอยฉันเดี๋ยวเดียว.. ฉันขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาคุยกันต่อ..”
หลงหวู่ไม่ต้องการให้หลิงหยุนเห็นเธอในสภาพน่าเกลียด เธอจึงตัดสินใจที่จะอาบน้ำให้ดูสดชื่นเสียก่อน