[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 489 : เพิกเฉยต่อกฎระเบียบ!
“….”
เฉินเจี้ยนโหยวกรีดร้องออกมา เสียงของนางดังฝ่าท้องฟ้าที่มืดมิดออกไปเป็นวงกว้าง
ตูม!
ในท้องทะเลห่างจากเรือออกไปสามสิบเมตร คลื่นลูกใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และน้ำทะเลก็กลืนร่างของเฉินเจี้ยนโหยวลงไปทันที
บนพื้นเรือบริเวณที่เฉินเจี้ยนโหยวยืนอยู่เมื่อครู่นั้น มีหยดเลือดสี่ห้าหยดติดอยู่ที่พื้น
“นี่..” “เจ้า..” “นี่..”
หลงเทียนเจียว จางหยุนเทียน รวมทั้งหลิงซวี่สาวน้อยจากตระกูลหลิง และตำรวจน้ำอีกหลายนายที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น..
ทุกคนต่างก็ยืนอ้าปากค้างและอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก!
ไม่มีใครคิดว่าหลิงหยุนจะกล้าทำร้ายคนของกลุ่มเทพอินทรี อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นถึงคุณหนูเฉินของหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงอีกด้วย!
น้อยครั้งมากที่หลิงหยุนจะทำร้ายผู้หญิง แต่ถึงแม้จะน้อยครั้ง หากเขาต้องการจะลงมือ ก็ไม่เคยรีรอเช่นกัน!
หลิงหยุนไม่เคยให้ความสำคัญ หรือใส่ใจกับกฎระเบียบ และหลักการอะไรทั้งสิ้น เขาไม่เคยปล่อยให้กฏเกณฑ์ใดๆ มาตีกรอบตัวเขาเองได้!
หัวใจของเขาต่างหากคือกฏเกณฑ์ทั้งปวง.. หัวใจของเขาต่างหากคือหลักการ!
หลงเทียนเจียวซึ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 และเป็นคนของตระกูลหลงนั้น เป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ครั้งนี้..
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และรีบพุ่งไปหาบรรดาตำรวจน้ำหลายนายที่ยืนอยู่ พร้อมกับตะโกนสั่งเสียงดัง
“พวกเจ้ายืนนิ่งทำไมกัน? รีบไปช่วยคนสิ!”
“เอ่อ..” “ครับผม..”
เมื่อได้ยินเสียงร้องเตือนสติของหลงเทียนเจียว ตำรวจน้ำต่างก็หายจากอาการตกตะลึง และรีบหันไปมองหลิงหยุนอย่างระมัดระวังตัว และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอะไร ทั้งหมดจึงรีบลงไปช่วยเฉินเจี้ยนโหยว
หลงเทียนเจียวเหลือบมองไปยังร่างของเฉินเจี้ยนโหยวที่ลอยตกลงไปในน้ำทะเล และเมื่อเห็นนางโผล่หน้าขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วก็รู้สึกโล่งใจ
สมาชิกของกลุ่มเทพอินทรีนั้น ยอดฝีมือตั้งแต่ขั้นโฮ่วเทียน-4 ขึ้นไป จะต้องว่ายน้ำได้เก่งเช่นเดียวกับกองกำลังพิเศษ และก็เป็นทักษะพิเศษที่ทุกคนต้องมี
สรุปง่ายๆก็คือว่า พวกเขาเป็นหน่วยรบพิเศษของจีน แต่เป็นหน่วยรบพิเศษที่รวมเฉพาะบุคคลที่มีวรยุทธเท่านั้น แต่ละคนจึงมีภูมิหลังที่ค่อนข้างลึกซึ้ง และไม่ธรรมดา
แม้ว่าหลิงหยุนจะลงมือกับเฉินเจี้ยนโหยว แต่กลับลงมือต่อหน้าหลงเทียนหวู่ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าของการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ จึงไม่ต่างจากการหักหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย..
สีหน้าของหลงเทียนเจียวบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขาหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “สหาย.. เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังเล่นกับใคร?”
หลิงหยุนมองหน้าหลงเทียนเจียวที่ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธแล้วก็ได้แต่นึกขัน ในแววตาของหลิงหยุนมีรอยยิ้มซ่อนอยู่แม้สีหน้าจะนิ่งเรียบ เขาพยักหน้าพร้อมกับเช็ดมือขวาของตนเอง
เพราะใบหน้าของเฉินเจี้ยนโหยวนั้นลงเครื่องสำอางค์ไว้หนาเตอะ เมื่อหลิงหยุนตบหน้านาง มือของเขาจึงติดความมันของเครื่องสำอางมาด้วย
หลงเทียนเจียวเห็นว่าหลิงหยุนไม่สนใจที่จะตอบคำถามของตนเอง ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก จึงพูดต่ออย่างโมโหว่า
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกเราเป็นคนของกลุ่มเทพอินทรี คงรู้ผลที่จะตามมาแล้วสินะ?”
หลิงหยุนเริ่มหมดความอดทน เขาส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ข้าไม่รู้.. แล้วก็ไม่อยากรู้.. ข้ารู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น..”
“อะไร..?” หลงเทียนเจียวร้องถามขึ้นทันที
หลิงหยุนสำรวจหลงเทียนเจียวก่อนจะพูดด้วยท่าทางสบายๆ “ข้ารู้เพียงว่า.. หากเจ้าพูดมากกว่านี้ เจ้าจะต้องลอยตกทะเลไปไกลกว่านาง แล้วก็ลอยสูงกว่านางเสียอีก!”
ผลที่จะตามมางั้นรึ?! หลิงหยุนคร้านที่จะเสียเวลาครุ่นคิด!
เหลยเชิ่งซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มเทพอินทรี ยังไม่กล้าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหยุน และฉินตงเฉี่วย แม้กระทั่งหลัวจ้งซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง คนหนึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ส่วนอีกคนก็มีความแข็งแกร่ง แต่ทั้งคู่ยังต้องคุกเข่าให้กับหลิงหยุน!
“นี่เจ้า..!”
หลงเทียนเจียวพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ คล้ายกับมีอะไรติดคอจนพูดไม่ออก ใบหน้าของเขาทั้งแดงและซีดสลับกันไปมา
“เจ้าจะทำไม? ขืนเจ้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว.. อย่าหาว่าข้าไม่เตือน?”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมกับมองหลงเทียนเจียวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่สายตากลับแสดงออกซึ่งการคุกคามอย่างเปิดเผย
และแน่นอนว่า.. หลงเทียนเจียวไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาไม่สามารถมองเห็นระดับกำลังภายในของหลิงหยุนได้ ผู้ที่ฝึกวรยุทธย่อมรู้ดีว่า หากตนไม่สามารถมองเห็นระดับกำลังภายในของอีกฝ่ายได้ ย่อมมีความหมายได้สองอย่างคือ.. หนึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ฝึกวรยุทธ หรือสอง.. อีกฝ่ายมีวรยุทธที่เหนือกว่าตนนั่นเอง!
หลิงหยุนตบหน้ายอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-9 จนกระเด็นลอยไปไกลถึงสามสิบเมตร และเฉินเจี้ยนโหยวไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ เห็นได้ชัดว่าฝีมือของเขานั้นไม่ธรรมดา
ตระกูลเฉินนั้นเป็นที่รู้กันว่ามีอำนาจมากมาย ตระกูลหลงเองก็เช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ต่อให้พวกเขามีอำนาจอยู่ในมือ แต่ก็ไม่ต่างจากน้ำไกลที่ไม่สามารถดับไฟได้ทันเวลา!
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร? หรือมีอำนาจอิทธิพลมากเพียงใดก็ตาม หากอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า และเป็นผู้ที่ไม่ใส่ใจกับอำนาจอิทธิพลของคุณ หากคุณยังดึงดันที่จะใช้อำนาจอิทธิพลที่หนุนหลังอยู่ เพื่อหวังที่จะสร้างความตระหนกตกใจให้แก่คนประเภทนี้ นั่นหมายความว่าคุณกำลังรนหาที่ตาย!
เฉินเจี้ยนโหยวกระเด็นตกทะเลไป ส่วนหลงเทียนเจียวก็กำลังโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา!
มีเพียงหลิงซวี่.. เมื่อได้เห็นความสามารถที่แข็งแกร่งของหลิงหยุน ดวงตาคู่สวยกลมโตสดใสของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!
หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมาก.. แม้แต่ภูมิหลังของตระกูล และชื่อของกลุ่มเทพอินทรี ยังไม่มีผลใดๆต่อเขาเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนเพิ่งจะตบหน้าเฉินเจี้ยนโหยว จนทำให้คนทั้งเรือถึงกับตกอกตกใจ และตอนนี้ก็ยังแสดงท่าทางไม่ใส่ใจกับหลงเทียนเจียวที่กำลังโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขา แต่กลับหันไปทางหลิงซวี่และพูดกับนางอย่างอ่อนโยน
“น้องหลิงซวี่.. แล้วพบกันใหม่!”
หลังจากพูดจบ.. หลิงหยุนก็เตรียมตัวจะกระโดดออกจากเรือ
“เจ้ายังไปใหนไม่ได้!” เฉินเจี้ยนโหยวไอแค้กๆ ร่างของเธอเปียกปอน และใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำทะเล
เมื่อเฉินเจี้ยนโหยวเห็นหลิงหยุนทำท่าจะกระโดดออกจากเรือหลังจากที่เพิ่งทำร้ายตนเอง ในใจทั้งรู้สึกโกรธและกระวนกระวายอย่างมากจนต้องร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนไว้
หลิงหยุนหันกลับไปมองพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อะไรกัน? นี่เจ้าคงจะดื่มน้ำทะเลเข้าไปยังไม่อิ่มสินะ? ได้.. ข้าจะสงเคราะห์เจ้าอีกสักครั้ง..”
การกระทำของหลิงหยุนนั้นทำให้จางหยุนเทียนตกอกตกใจอย่างมาก ทั้งตัวเขาและตำรวจน้ำอีกหลายนายล้วนเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆมาตลอดชีวิต สิ่งที่หลิงหยุนทำนั้นนับว่าเป็นการตั้งใจที่จะละเมิดกฏ..
และนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นหลิงหยุน ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะไปในที่แห่งใด ท้องฟ้า ผืนดิน และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น ผู้คนที่ได้พบเจอต่างก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่เขา และทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคำพูดของเขาเท่านั้น!
ไม่ว่าหลิงหยุนจะไปในที่แห่งใด.. เขาก็ดูไม่ต่างจากราชา!
สำหรับเหล่าตำรวจน้ำซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดา เพียงแค่กลุ่มเทพอินรีก็นับว่าเป็นบบุคคลที่ลึกลับ และเข้าถึงได้ยากในสายตาของพวกเขาแล้ว ตลอดระยะเวลาหลายวันที่พวกเขาอยู่ร่วมกับสมาชิกของกลุ่มเทพอินทรีมานั้น พวกเขาต่างก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คนพวกนั้นเลย
แต่เพียงแค่หลิงหยุนปรากฏตัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สมาชิกของกลุ่มเทพอินทรีที่เคยดูสูงส่งก่อนหน้านี้ คนหนึ่งกลับถูกตบหน้าจนลอยตกทะเลไป ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าก็กำลังโกรธและกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่ยืนมองหลิงหยุนทำร้ายคนของตัวเองแล้วก็จากไป
กลุ่มเทพอินทรีแล้วยังไง? ตระกูลเฉินแล้วยังไง? ตระกูลหลงแล้วยังไง? หลิงหยุนยิ้มเย้มมุมปาก ก่อนจะกระโดดกลับไปยังเรือของตนเอง!
เมื่อเฉินเจี้ยนโหยวเห็นหลิงหยุนกระโดดออกจากเรือลาดตระเวนไปแล้ว นางก็วิ่งตามไปราวกับคนคลุ้มคลั่งพร้อมกับร้องตะโกนใส่หลิงหยุนไม่ต่างจากคนบ้า
“เจ้ากล้าทำร้ายข้า.. แล้วทำไมไม่กล้าเปิดเผยชื่อของตัวเอง?”
หลิงหยุนกำลังจะเดินเข้าไปในห้องบังคับเรือ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเจี้ยนโหยว เขาก็ถึงกับชะงัก!
หลิงหยุนยืดตัวตรง มองไปยังท้องฟ้าด้านหน้า ในสมองครุ่นคิดถึงแผนร้ายของตนเองพร้อมกับร้องตอบไปว่า..
“ข้าต้องกล้าอยู่แล้ว! เจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อองค์กรนักฆ่าสินะ? ข้าก็คือบุตรสวรรค์!”
“หากใครกล้าตามข้ามา.. มันผู้นั้นจะต้องถูกสังหาร!”
หลังจากพูดไปแล้ว หลิงหยุนก็เดินกลับเข้าไปในห้องบังคับเรือ และรีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที
“นี่.. หมอนั่นไม่เคารพกฏหมายเลยแม้แต่น้อย.. ช่างน่าโมโหจริงๆ!”
หลงเทียนเจียวรอจนกระทั่งเรือของหลิงหยุนแล่นหายลับตาไป จึงได้ร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห และกระทืบเท้าอย่างแรงจนพื้นหัวเรือแทบจะเป็นรู
องค์กรนักฆ่า? บุตรสวรรค์?
หลงเทียนเจียวรู้จักองค์กรนักฆ่าเป็นอย่างดี และรู้จักนักฆ่าระดับสูงที่เรียกขานกันว่าบบุตรสวรรค์ด้วย! แทบจะไม่ต้องไตร่ตรองเขาก็รู้ว่าหลิงหยุนพูดโกหก..
“หลิงซวี่.. เจ้ายืนอยู่ที่นี่ทำไมกัน? ยังไม่รีบกลับเข้าไปในห้องโดยสารรายงานเรื่องนี้กลับไปอีก?!”
หลงเทียนเจียวตะโกนดุหลิงซวี่ที่ยืนนิ่งอยู่..
สมาชิกทั้งสามคนของกลุ่มเทพอินทรีนั้น มีเพียงหลิงซวี่คนเดียวที่หลิงหยุนไม่ทำให้ได้รับความอับอาย หลงเทียนเจียวจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
“เอ่อ.. ค่ะ!” หลิงซวี่รู้สึกตัว และรีบกลับเข้าไปในห้องโดยสารทันที
เมื่อพี่ชายและน้องสาวได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก หลิงหยุนก็ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ลงบนจิตใจของหลิงซวี่ เขาได้สอนหลิงซวี่ด้วยการกระทำว่า.. อะไรเรียกว่าเข้มแข็ง และอะไรเรียกว่าแข็งแกร่ง!
หลังจากที่หลิงซวี่กลับเข้าไปในห้องโดยสาร หลงเทียนเจียวก็เดินเข้าไปปลอบโยนเฉินเจี้ยนโหยว
“น้องเจี้ยนโหยว เลือดยังไหลจากปากของเจ้าไม่หยุด เจ้าต้องการจะ..”
เฉินเจี้ยนโหยวกำลังโกรธเกรี้ยวจนแทบคลั่ง ยังไม่ทันที่หลงเทียนเจียวจะพูดจบประโยค นางก็สวนกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และเหยียดหยัน
“ในฐานะทีท่านเป็นหัวหน้ากลุ่มเทพอินทรีในครั้งนี้ ท่านทำอะไรได้บ้าง?!”
จากนั้นเฉินเจี้ยนโหยวก็กลับเข้าไปในห้องโดยสารโดยไม่สนใจใครอีก!
“เชอะ.. อย่าคิดว่าข้าจะจำเจ้าไม่ได้นะ ต่อให้เจ้าปิดหน้าปิดตา ข้าก็จำเจ้าได้แม่นยำ เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าต้องหาเจ้าให้พบแน่!”
เฉินเจี้ยนโหยวจำรูปร่างของหลิงหยุนได้ฝังใจ และพูดรอดไรฟันออกมาด้วยความรู้สึกเกลียดชัง
เฉินเจี้ยนโหยวยังไม่รู้ตัวว่า.. หากไม่ใช่เพราะนางเป็นผู้หญิง ป่านนี้คงต้องกลายเป็นศพดังเช่นคนอื่นๆไปแล้วอย่างแน่นอน
หลิงหยุนขับเรือมุ่งหน้าไปยังเมืองเหวินโจวด้วยความเร็วเต็มกำลัง!