[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 483 : บททดสอบที่ยากที่สุด!
เคร้ง.. เคร้ง..
สิ้นเสียงร้องตะโกนของหลิงหยุน กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวที่เคยช่วยหลิงหยุนต้านทานอสุนีบาตชุดที่สาม ก็พุ่งออกมาจากแหวนพื้นที่เกือบจะพร้อมกัน!
“ดูเหมือนกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวจะไม่ใช่ของธรรมดาจริงๆ ด้วยสิ!”
เมื่อหลิงหยุนได้เห็นภาพกระบี่ทั้งสองพุ่งออกมาจากแหวนพื้นที่ ก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ร่างกายของเขาเกร็งไปหมดจนแทบลืมหายใจ!
กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวนั้น ดูดซับเอาพลังสายฟ้าสีทองเข้าไปมากกว่าหลิงหยุนหลายเท่า แต่ในเวลานี้กลับดูราวกับมีชีวิต เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของหลิงหยุน มันก็พุ่งออกมาเกือบจะพร้อมกัน!
หลังจากนั้น.. กระบี่ทั้งสองเล่มของหลิงหยุนก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตามพู่กันจักรพรรดิไป แต่ก็ลอยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าพู่กันจักรพรรดิ คล้ายกับว่าไม่กล้าที่จะผ่านขึ้นไป..
‘นี่เท่ากับตบหน้าสวรรค์เชียวนะ..!’ หลิงหยุนมองและได้แต่เย้ยหยันอยู่ในใจ
‘โลกใบนี้ช่างเยี่ยมยอดจริงๆ!’
และนี่คือความจริงที่หลิงหยุนค้นพบด้วยตัวเอง แม้ว่าพลังชีวิตบนโลกใบนี้จะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง แต่สมบัติล้ำค่าเหล่านี้กลับมีอานุภาพน่าอัศจรรย์ได้อย่างเหลือเชื่อ!
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. หากเขาสามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเหล่านี้เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เขาคงจะสามารถผ่านบททดสอบครั้งสำคัญได้สำเร็จ!
เมื่อได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขาในเวลานี้ หลิงหยุนก็เริ่มมีความหวัง และมั่นใจกับอนาคตของตัวเอง!
“นายท่าน.. ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
ไป๋เซียนเอ๋อโอบกอดร่างของหลิงหยุนไว้แน่น และได้แต่พึมพำออกมา เมื่อเห็นหม้อเสินหนง พู่กันจักรพรรดิ กระบี่โลหิตแดนใต้ กระบี่มังกรขาว และหลิงหยุน รวมทั้งตัวนางเอง ต่างก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเหลืองทอง
หลิงหยุนไม่ตอบ.. แต่เปลี่ยนเป็นลูบไล้แขน และลำตัวของไป๋เซียนเอ๋อแทน จนนางถึงกับหน้าแดง
“นายท่าน.. อย่าทำกริยาไม่งามเช่นนี้.. นี่พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบ!” ไป๋เซียนเอ๋อร้องบอก
หลิงหยุนมองกลุ่มเมฆหลากสีบนท้องฟ้าที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง และสายฟ้าเก้าสีก็ยิ่งสุกสว่างมากขึ้น และเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน!
แสงทั้งเก้าสีกำลังเปลี่ยนไป และแรงบีบคั้นก็ดูเหมือนจะเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กลุ่มเมฆเก้าสีได้รวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นก้อนเมฆหนึ่งก้อนที่มีถึงเก้าสี สายฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นประกายสุกสว่างทำให้ท้องฟ้ายิ่งดูงดงามมากขึ้น!
“โอ้.. นั่นมัน..”
พู่กันจักรพรรดิดูเมือนจะไม่อยู่นิ่งอีกแล้ว และเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีท้องฟ้าที่อยู่เหนือก้อนเมฆขึ้นไป!
น่าแปลกที่กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวกลับหยุดเคลื่อนไหว และไม่พุ่งตามพู่กันจักรพรรดิไปยังก้อนเมฆขนาดใหญ่นั้น!
หลิงหยุนยังคงโอบร่างสมส่วนของไป๋เซียนเอ๋อไว้ ส่วนดวงตาก็จ้องมองไปยังของวิเศษทั้งสี่อย่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในระหว่างที่คิดหาคำตอบ
พู่กันจักรพรรดิพุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของกลุ่มเมฆทดสอบ แล้วจึงหยุดลง.. จากนั้นปลายพู่กันก็ตวัดไปมา แล้วทั้งก้อนเมฆและสายฟ้าต่างก็ถูกพู่กันตัดขาดถึงเก้าท่อน!
ก้อนเมฆเก้าสีเพิ่งจะรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นก้อนเมฆขนาดใหญ่ แต่กลับถูกพู่กันจักรพรรดิตัดออกจากกันเป็นก้อนเล็กลง!
เมื่อหลิงหยุนได้เห็นก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าพู่กันจักรพรรดิจะมีอานุภาพที่น่ากลัวถึงเพียงนี้!
และที่สำคัญ.. พู่กันจักรพรรดิด้ามนี้ทำทุกอย่างโดยไม่มีผู้สั่งการ และหากอานุภาพของมันน่ากลัวเช่นนี้ ในวันข้างหน้าเขาจะควบคุมมันได้อย่างไรกัน?
“โอ้.. นั่นมันลมหายใจมังกร.. เหตุใดที่นี่จึงมีลมหายใจมังกร..”
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึง เพราะระหว่างที่เขากำลังมองพู่กันจักรพรรดิตัดเมฆเก้าสีอย่างไม่ปราณีอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของลมหายใจมังกร..!
ไป๋เซียนเอ๋อซึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ถึงกับรีบยกฝ่ามือปิดปากของตนเองไว้ เมื่อเห็นเงามังกรสองตัวล่องลอยออกมา..
“นั่นมัน.. นั่น..” หลิงหยุนถึงกับตกตะลึง และแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!
หลิงหยุนเห็นเงาของมังกรสีขาวและสีดำ ที่ค่อยๆ ลอยละล่องออกมาจากกระบี่มังกรขาว และกระบี่โลหิตแดนใต้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเงาที่ไม่ชัดเจนนัก แต่รูปร่างของเงานั้นก็บ่งบอกว่าเป็นรูปร่างของมังกร!
ทันทีที่เงามังกรสองตัวซึ่งไม่ใหญ่โตนัก ตัวหนึ่งสีขาว และตัวหนึ่งสีดำพุ่งออกมาจากกระบี่ทั้งสองเล่ม มันก็ปล่อยลมหายใจมังกรออกมาทันที และพลังของลมหายใจมังกรก็มีอานุภาพที่จะทำร้ายเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆได้
“ดูเหมือนกว่ากระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาว จะมีวิญญาณมังกรถูกสะกดอยู่ในกระบี่ทั้งสองเล่ม ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
มังกรนั้นเป็นสัตว์เทพที่ทรงพลัง จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อออกมาจากกระบี่ทั้งสองด้ามแล้ว เงามังกรสีขาวและสีดำจะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศทันที เห็นได้ชัดว่าพวกมันรอจังหวะให้พู่กันจักรพรรดิเปิดเมฆหลากสีให้แยกออกจากกัน หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่รีรอที่จะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศในทันที!
เงามังกรทั้งสองตัวต่างก็พุ่งเข้าหาเมฆที่มีสีเดียวกับตนเอง มังกรขาวพุ่งเข้าหาก้อนเมฆสีขาว มังกรดำพุ่งเข้าหาก้อนเมฆสีดำ และต่างก็บินวนอยู่รอบก้อนเมฆ!
“น่าสนุกจริงๆ..” ภาพที่หลิงหยุนเห็นนั้นช่างน่าตกตะลึง และน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก จนเขาเองก็อดที่จะร้องอุทานออกมาไม่ได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?!”
จู่ๆ หลิงหยุนก็เห็นของสี่อย่างพุ่งออกจากแหวนพื้นที่ของเขา ขึ้นไปเริงระบำอยู่กลางอากาศ!
“นั่นมัน..!”
หลิงหยุนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าเป็นลูกประคำโพธิที่เขาหยิบมาจากร่างของหลวงจีนกายเพชร แล้วก็ตะเกียงน้ำมัน สร้อยประคำ และน้ำเต้าวิเศษ สมบัติทั้งสี่ต่างก็พุ่งตามออกไป!
“นี่มันอะไรกัน..?! ข้างงไปหมดแล้ว!” หลิงหยุนทั้งตกใจและงุนงง..
แม้หลิงหยุนจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่สมองของเขาในเวลานี้กลับมึนงงไปหมด และไม่สามารถสรุปเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สิ่งที่หลิงหยุนทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือ.. การมองดูเฉยๆ และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว!
เมื่อสมบัติพุทธองค์ทั้งสี่ชิ้นพุ่งตามออกไปนั้น หลิงหยุนก็รีบพาไป๋เซียนเอ๋อวิ่งออกไปให้พ้นจากบริเวณที่มีพลังพุทธะ แต่พลังพุทธะก็ช่างทรงพลังมากจนสามารถแทรกซึมผ่านแสงสีเหลืองของสมุดจักรพรรดิที่แข็งแกร่งเข้าไปได้ และเข้าไปห่อหุ้มร่างของหลิงหยุน และไป๋เซียนเอ๋อไว้ทันที!
“โอม มา นี แปะ หมี่ ฮง”
เสียงสวดมนต์ดังเข้าไปในแก้วหูของคนทั้งคู่ แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เขาสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะอันแข็งแกร่งที่กำลังจู่โจมเข้ามา!
ไป๋เซียนเอ๋อซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุนนั้น จู่ๆก็นิ่งไป แววตาของนางกำลังเปล่งประกายแสงแห่งศรัทธา!
“ดูท่าไม่ดีแล้ว..”
หลิงหยุนสังเกตเห็นความผิดปกติของไป๋เซียนเอ๋อ จึงรีบใช้มังกรคำรามขั้นสุดร้องตะโกนใส่ไป๋เซียนเอ๋อ และร่างของนางก็สะดุ้งตกใจ
“นายท่าน.. เกิดอะไรขึ้นกับเซียนเอ๋อ!?” ไป๋เซียนเอ๋อถามขึ้น
หลิงหยุนไม่ตอบ.. เขาขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองสมบัติพุทธองค์ทั้งสี่อย่าง จากนั้นก็จับไป๋เซียนเอ๋อนั่งลงขัดสมาธิ และรีบประกบฝ่ามือของตนเองเข้ากับฝ่ามือทั้งสองข้างของนาง และเริ่มถ่ายเทพลังในร่างกายของตนเองเข้าสู่ร่างของไป๋เซียนเอ๋อทันที!
สำหรับหลิงหยุนแล้ว.. เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ นั่นเพราะจิตใจของเขาตรงข้ามกับการฝึกตนตามแนวทางแห่งพุทธะ
หากหลิงหยุนยอมให้ไป๋เซียนเอ๋อถูกพลังพุทธะครอบงำ นางคงต้องกลายเป็นแม่ชีในวันข้างหน้าแน่!
หลิงหยุนไม่ได้โง่.. อย่าว่าแต่แม่ชีเลย ต่อให้เป็นโพธิสัตว์ก็ไม่ใช่เรื่องดี!
หลิงหยุนกระตุ้นจุดตันเถียนของตนเอง และดูเหมือนสมุดจักรพรรดิจะรับรู้ถึงความไม่พอใจของหลิงหยุน หรืออาจจะเป็นสมุดจักรพรรดิเองที่ไม่พอใจ หลังจากนั้นแสงสีเหลืองทองก็พุ่งเข้าทำลายพลังพุทธะจนต้องพ่ายแพ้ไป!
ฟิ้ว..
เสียงดังคล้ายลมพัด.. ในที่สุดลูกประคำโพธิก็พุ่งนำขึ้นไป และจัดการดูดเอาพลังพุทธะกลับเข้าไป ก่อนจะพุ่งเข้าหากลุ่มเมฆทดสอบที่อยู่บนท้องฟ้า!
ตะเกียง สร้อยประคำ และน้ำเต้าวิเศษที่บรรจุน้ำลายมังกร ก็พุ่งตามขึ้นไปติดๆ และเริ่มโจมตีเข้าใส่กลุ่มเมฆหลากสี
“เจ้าอย่าทำน้ำลายมังกรของข้าหกล่ะ..” หลิงหยุนร้องบอกไปเพราะยังคงเป็นห่วงน้ำลายมังกรของเขา
สมบัติพุทธะทั้งสี่ชิ้นนั้นพุ่งเป้าโจมตีไปที่กลุ่มเมฆเจ็ดสี โดยไม่สนใจใยดีกับเมฆสีขาวและสีดำ
เปรี้ยง!
และสายฟ้าเส้นแรกที่ผ่าลงมาก็คือ.. สายฟ้าสีฟ้า!
เสียงแห่งเต๋าดังกังวานใสราวกับเสียงระฆังดังออกมาจากหม้อเสินหนง แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจากตะเกียงครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า และทั้งหม้อเสินหนง และตะเกียงก็พุ่งขึ้นไปรับสายฟ้าสีฟ้าไว้ทันที!
“ยอดเยี่ยม..”
แม้หลิงหยุนจะรู้ว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้จะช่วยเขาต้านทานเมฆเก้าสีนี้ได้ แต่เมื่อได้เห็นสายฟ้าสีฟ้าที่ผ่าลงมา เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
เขาคิดไม่ถึงว่าตะเกียง และหม้อเสินหนงจะสามารถช่วยต้านทานสายฟ้าสีฟ้าที่มีอานุภาพรุนแรงถึงขั้นดับโลกไว้ได้!
ตะเกียงยังคงไม่ดับ หม้อเสินหนงยังคงลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อสมบัติล้ำค่าทั้งสองไม่ยอมถอย สสายฟ้าสีฟ้าก็ยากที่จะผ่าลงมาได้..
หลิงหยุนจ้องมองด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าสมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้ไม่เพียงช่วยเหลือเขาต้านทานกับอสุนีบาตครั้งนี้ แต่ยังดูดเอาพลังสายฟ้าสีฟ้าเข้าไปจนหมด!
“นั่น.. กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาว..”
เมื่อมองไปยังก้อนเมฆสีดำและสีขาวบนท้องฟ้า หลิงหยุนก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเห็นก้อนเมฆทั้งสองก้อนกำลังถูกเงามังกรสีขาว และสีดำกลืนเข้าไป
“ยอดเยี่ยม..”
หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออก สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเขาต้านทานเมฆทดสอบเหล่านี้ แต่ยังดูดเอาพลังสายฟ้าเข้าไปจนหมดสิ้น!
มีเพียงสมุดและพู่กันจักรพรรดิที่รังเกียจเดียดฉันท์พลังของเมฆหลากสีเหล่านั้น มันเพียงพุ่งออกจากจุดตันเถียนของหลิงหยุน และช่วยปกป้องเขาจากแรงบีบคั้นที่รุนแรงระหว่างสวรรค์กับโลกไว้เท่านั้น..
และในเวลานี้ก็เหลือเพียงเมฆหกสีเท่านั้น เพราะเมฆสีดำและขาวถูกมังกรกลืนกินเข้าไป ส่วนเมฆสีฟ้าก็ถูกตะเกียงและหม้อเสินหนงดูดสายฟ้าเข้าไป
เมฆทั้งหกสีที่เหลือก็ไม่ได้เหนือไปกว่าสีอื่นๆนัก ลูกประคำโพธิ สร้อยประคำ และน้ำเต้าวิเศษที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ก็ได้แสดงอานุภาพของมันให้ปรากฏขึ้น และครั้งนี้ลูกประคำโพธิได้ส่องแสงสว่างเป็นรูปสัญลักษณ์ 卍 อยู่เหนือเมฆหลากสีบนท้องฟ้า..
จากนั้นเมฆหลากสีก็ได้มลายหายไป และเมื่อได้เห็นเมฆหายไป หลิงหยุนก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก!
ครั้งนี้ดูเหมือนเมฆหลากสีจะถูกลงทัณฑ์เสียเอง และนี่น่าจะเป็นการลงทัณฑ์ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา!
“โอ้.. ช่างน่าสงสารนัก!”
หลิงหยุนทำเสียงสงสารจับใจ แต่กลับทำหน้าเย้ยหยัน!