[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 470 : กลายร่าง (4)
“นี่มันอะไรกัน?”
ร่างของเจ้าขาวปุยยังไม่ทันได้ฟื้นตัวจากความเจ็บปวดทรมานจากอสุนีบาตชุดแรกดีนัก ขาทั้งสี่ข้างของมันสั่นอย่างรุนแรงพร้อมกับยืดคอขึ้นเห่าหอนอย่างโหยหวน!
แม้ว่าเจ้าขาวปุยจะใช้ยันต์บำบัดรักษาอาการบาดแผลที่เกิดจากอสุนีบาตก่อนหน้านี้จนหายอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาการบาดเจ็บของมันก่อนหน้านี้ค่อนข้างสาหัสมาก และตอนนี้มันก็กำลังเผชิญหน้ากับอสุนีบาตที่ใหญ่ และมีอานุภาพรุนแรงยิ่งขึ้น
แม้ว่าเจ้าขาวปุยจะใช้ยันต์เพชร และยันต์เกราะที่หลิงหยุนให้ไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานอานุภาพที่รุนแรงของอสุนีบาตได้!
“นี่มันอะไรกัน?” ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจ้าขาวปุย หลิงหยุนก็รีบหันไปมองทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นพร้อมกับร้องออกมาอย่างสงสัย!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น ครั้งนี้เป็นเพียงอสุนีบาติชุดที่สองเท่านั้น แต่เหตุใดสายฟ้าที่ฟาดลงมาจึงได้มีอานุภาพรุนแรงเช่นนี้?!
หากปล่อยไว้เช่นนี้.. คงยากที่เจ้าขาวปุยจะสามารถต้านทานอสุนีบาตชุดที่สามได้สำเร็จ!
และยังไม่ทันที่จะได้คิดทำอะไร สายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ก็ผ่าลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิด ฟาดใส่ร่างของเจ้าขาวปุยอีกครั้ง..
เปรี้ยง!!
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเจ้าขาวปุยดังขึ้นอีกครั้ง ขาบอบบางทั้งสี่ข้างของมันอ่อนยวบ และฟุบลงไปบนพื้นทันที!
ไม่เพียงอสุนีบาตขนาดใหญ่ และทรงพลังที่โจมตีใส่ร่างสุนัขจิ้งจอก แต่กลุ่มเมฆมหึมาที่อยู่บนหัวของมันก็ค่อยๆลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าผืนดินและสวรรค์กำลังบีบรัดสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อยู่ตรงกลาง..
ความรุนแรงของบททดสอบในครั้งนี้นั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง สายฟ้ายังคงฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เรียกได้ว่าในพื้นที่หนึ่งร้อยตารางเมตรนั้น ไม่มีช่องว่าง หรือมีโอกาสให้สุนัขจิ้งจอกที่น่าสงสารหลบพ้นได้เลยแม้แต่น้อย!
มีเพียงหนทางเดียวคือที่จะรอดได้ นั่นก็คือจะอดทนต้องผ่านพ้นอสุนีบาตไปให้ได้ หาไม่แล้ว.. ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน!
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าไม่ต้องรอจนถึงอสุนีบาตชุดที่สามแล้ว เจ้าใช้ยันต์อสนีในตอนนี้เลย แล้วรีบวิ่งกลับไปที่ค่ายกลแปดทิศ!”
หลิงหยุนสูดลมหายใจลึก และใช้มังกรคำรามร้องบอกเจ้าขาวปุย!
หลิงหยุนเกรงว่าเจ้าขาวปุยจะใจลอยไปอยู่ที่อสุนีบาตจนไม่ได้ยินคำพูดของตนเอง เขาจึงใช้มังกรคำรามดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้นอีก!
เปรี้ยง!
อสุนีบาตชุดที่สามฟาดลงใส่ร่างของเจ้าขาวปุยที่เพิ่งจะกัดฟันลุกขึ้นยืนได้ มันจึงล้มฟุบลงไปบนพื้นอีกครั้ง!
“ลุกขึ้นวิ่งเร็วเข้า! ”
หลิงหยุนมองร่างบอบบางของสุนัขจิ้งจอกขาวที่ตอนนี้เป็นไหม้ดำเป็นตอตะโก ในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด และกรีดร้องอยู่ในใจอย่างกระวนกระวายจนแทบคลั่ง!
“เสร็จข้าล่ะ..”
หนึ่งในยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 ทั้งหกคนนั้น เห็นหลิงหยุนกำลังจดจ่ออยู่กับภาพสุนัขจิ้งจอกที่กำลังล้มลุกคลุกคลาน จึงมั่นใจว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจู่โจมหลิงหยุน เขาจึงรีบกระโดดเข้าไปใกล้ และเงื้อดาบในมือขึ้นหมายฟันเข้ากลางศรีษะของหลิงหยุน
“เจ้าอย่าได้ฝันไป!”
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง มือขวาของเขายื่นกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าทักทายนินจาผู้นั้นทันที!
และดาบกับกระบี่ก็ปะทะกันเสียงดัง.. เคร้ง!
นินจาผู้นั้นรู้สึกว่ามือของตนเองนั้นเจ็บปวดไปหมด ดาบยาวของเขาคล้ายถูกกระตุกอย่างแรง!
ดาบยาวในมือของนินจาผู้นั้นทำจากวัสดุอย่างดี อีกทั้งยังได้เดินพลังชี่ของตนเองไว้ที่คมดาบด้วย แม้ดาบของเขาจะไม่หักเป็นสองท่อน แต่ก็เป็นรอยบิ่นลึกเข้าไปถึงสองเซ็นติเมตร!
หลิงหยุนยังคงไม่หันกลับมา เขาขยับเท้าเล็กน้อย และร่างใหญ่ก็เหาะถอยหลังปะทะเข้ากับร่างของนินจาอย่างรุนแรง!
หลังจากสิ้นเสียงปัง! นินจาผู้นั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และร่างของเขาก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นทันที!
“เตรียมตัวตายได้แล้ว!” หลิงหยุนพลิกข้อมือ และจัดการตัดศรีษะของนินจาผู้นั้นทันที!
“เพราะเจ้าจู่โจมข้า เจ้าจึงต้องตาย!”
สายตาของหลิงหยุนยังคงจ้องมองเจ้าขาวปุยที่กำลังวิ่งไปยังค่ายกลแปดทิศในหุบเขาเล็กๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายของหลิงหยุนจ้องมองไปด้านหน้า และแอบส่งกำลังใจให้กับเจ้าขาวปุยอย่างเงียบๆ
หลังจากที่ถูกอสุนีบาตทั้งสามชุด เจ้าขาวปุยก็แทบจะสลบไสล แต่เพราะเสียงร้องตะโกนของหลิงหยุน ทำให้มันได้สติและฝืนวิ่งต่อไป มันกัดฟันใช้วิชาจิ้งจอกเหิน พร้อมกับใช้ยันต์อสนีของหลิงหยุนในระหว่างที่พุ่งตัวไปยังค่ายกลแปดทิศอย่างรวดเร็ว!
แม้ว่าเจ้าขาวปุยจะกระโจนได้ไกลถึงครั้งละหนึ่งร้อยเมตร แต่สายฟ้าที่ทะลุกลุ่มเมฆดำขนาดมหึมาลงมานั้นก็รวดเร็วมากเช่นกัน มันฟาดลงบนร่างของเจ้าขาวปุยจนถึงกับต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง!
ยันต์อสนีได้ผลดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะช่วยให้เจ้าขาวปุยสามารถรอดพ้นจากสายฟ้าทรงพลังที่ฟาดลงบนตัวมัน ไม่เช่นนั้นมันคงต้องล้มลงไปกับพื้นแล้ว!
เมื่อเห็นว่าเจ้าขาวปุยกำลังเข้าใกล้ค่ายกลแปดทิศของเขาแล้ว หลิงหยุนจึงรู้สึกโล่งอก และค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้ากับศัตรูต่อ
ตอนนี้พละกำลังของหลิงหยุนนั้นลดลงมากแล้ว และเขาเองก็เหนื่อยล้าแทบหมดแรง พลังหยินหยางในร่างกายก็ลดลงไปมาก และเหลือไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นลักษณะภายนอกของเขาก็ยังคงดูแข็งแกร่ง และน่าเกรงขามไม่น้อย..
ตอนนี้อีกฝ่ายมีถึงห้าคน และสองในห้านั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถสังหารได้ง่ายๆ เพราะต่อให้เขายังมีพละกำลังเต็มเปี่ยม ก็ไม่สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ได้ภายในดาบเดียว
โทคุงาวะ ทาเคตากุได้เฝ้ามองสถานการณ์อยู่นานแล้ว เขาคิดว่า.. ตอนนี้เจ้าขาวปุยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกฟ้าผ่า มันจึงไม่มีความหมายอะไรในสายตาของเขา ดังนั้นการกำจัดหลิงหยุนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อน ส่วนสุนัขจิ้งจอกขาวตัวนั้น ก็ปล่อยให้มันถูกฟ้าผ่าตาย!
ถึงแม้ว่าสุนัขจิ้งจอกนั่นจะกลายร่างได้สำเร็จ แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย คงไม่สามารถฟื้นตัวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขายังมีเวลาที่จะจัดการกับมันได้..
“ทุกคน.. บุกเข้าไปพร้อมกัน และใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดจัดการสังหารจอมยุทธชาวจีนผู้นี้ให้ได้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้มันได้มีเวลาฟื้นตัว!” โทคุงาวะ ทาเคตากุจ้องมองขาที่กำลังสั่นของหลิงหยุนในขณะที่ร้องบอกทุกคน
ความสามารถของหลิงหยุนนั้นทำให้โทคุงาวะ ทาเกตากุรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เขาไม่คิดไม่ฝันว่าศัตรูของตัวเองจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
“บุก!”
ชายหนุ่มชาวโยโกฮาม่าที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนรวมทั้งยากิอุ ยูมะ ต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน ทุกคนยกดาบในมือขึ้นประทับไว้ที่หน้าอก และพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนจ้องมองศัตรูที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา และท่าทางของเขาก็ดูเยือกเย็นอย่างที่สุด!
ร่างสูงใหญ่ของหลิงหยุนยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผย และก้าวถอยหลังไปเพียงครึ่งก้าว!
การที่หลิงหยุนเลือกที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง แทนที่จะใช้เท้าทองคำหมื่นลี้ และใช้ภูมิประเทศที่ซับซ้อนบนเกาะแห่งนี้ หลบไปฟื้นกำลังก่อน
แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า.. หลิงหยุนไม่รู้ว่าอสุนีบาตชุดที่สามจะหยุดลงเมื่อใด? และหากอสุนีบาตหยุดลง นินจาทั้งห้าหกคนนี้ก็จะต้องจัดการกับเจ้าขาวปุยที่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกฟ้าผ่า และผลที่ตามมาก็คงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้..
หลิงหยุนได้แต่ต้องอดทนให้ได้มากที่สุด และเมื่อใดที่เจ้าขาวปุยกลายร่างสำเร็จแล้ว พลังของมันก็จะมีอานุภาพที่น่ากลัวมาก!
หลิงหยุนมั่นใจว่า.. หากเขาสู้กับศัตรูอย่างเต็มที่ เขากจะสามารถสังหารพวกมันได้ก่อนที่เจ้าขาวปุยจะกลายร่างสำเร็จ!
และนี่คือความเชื่อมั่นของหลิงหยุน!
โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ พุ่งเข้าไปทางด้านหน้าของหลิงหยุน หลิงหยุนรอให้พวกมันเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร และกำลังนับหนึ่ง.. สอง.. อยู่ในใจ!
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง แสงของมันก็สว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า และแสงสว่างวาบกระทบสายตาของนินจาทุกคนที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีหลิงหยุน
หลิงหยุนหันตัวกลับ และวิ่งไปทางเจ้าขาวปุย เขาอาศัยจังหวะที่แสงสว่างกระทบกับสายตาของเหล่านินจาวูบหนึ่งนี้ ซัดตะปูสิบกว่าดอกออกไปใส่นินจาสองคน แต่ตะปูเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรนินจาขั้นเซียงเทียน-3 ทั้งสองคนได้ พวกเขาได้ยินเสียงอาวุธลับ และใช้ดาบขึ้นปัดป้อง!
หลิงหยุนรู้แต่แรกแล้วว่าอาวุธลับของเขานั้น ไม่สามารถทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บ แต่เขาเพียงแค่ต้องการชะลอความเร็วของพวกมันเท่านั้น และในนาทีที่พวกมันหยุดปัดป้องอาวุธลับของเขา หลิงหยุนก็เริ่มจู่โจม!
เขาโคจรดารกะดายันขั้นสุด แต่เพราะครั้งนี้ทั้งแสงจันทร์ และแสงดาวไม่สามารถส่องทะลุผ่านเมฆดำหนาทึบเข้ามาได้ ร่างของเขาจึงไม่สว่างไสวดังเช่นทุกครั้ง!
แสงแปลบปลาบจากสายฟ้าส่องกระทบร่างของหลิงหยุนที่กำลังพุ่งออกไป!
มังกรพรางร่าง!
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างเข้าจู่โจม ภาพเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ร่างจริงของเขานั้นได้เคลื่อนผ่านโทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ ตรงเข้าหานินจาทั้งสามคน!
“ตาย!”
ร่างของหลิงหยุนปะทะเข้ากับร่างของนินจากคนแรก และกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือขวาของเขาก็ตัดร่างของมันขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย!
หลิงหยุนยังคงใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าใส่นินจาอีกสองคนที่อยู่ด้านซ้ายและขวา แต่ตอนนี้นินจาทั้งคู่รู้ตัวแล้วว่า เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาหลิงหยุนก็มาหยุดอยู่ข้างๆพวกเขาทั้งคู่แล้ว จึงได้แต่อึ้งไปด้วยความหวาดกลัว!
“ทาเคดะ.. ระวังตัว!”
โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ หันกลับไป และร้องตะโกนออกมาพพร้อมกันเมื่อเห็นนินจาทั้งคู่นิ่งเป็นรูปปั้น
“แย่แล้ว..” ทาเคดะนิ่งอึ้งไป และถึงกับขนหัวลุกเมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และต้องตายอย่างแน่นอน ทาเคดะจึงต้องการให้หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เขาหลับตาและใช้วิชาขั้นสูงสุดของตนเอง – ดาบเจ็ดวิญญาณ
นับว่าเป็นวิชาที่ทรงพลังมากวิชาหนึ่ง หลิงหยุนมองเห็นดาบเล่มยาวของทาเคดะแยกออกเป็นเจ็ดด้าม และพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทางด้านซ้าย!
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาที่ทรงพลังแค่ใหน ดาบของทาเคดะก็ไม่สามารถสัมผัสร่างกายของหลิงหยุนได้แม้แต่น้อย เพราะในขณะที่กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้ากับร่างของทาเคดะนั้น..
“เจ้า.. จู่ๆเจ้ามีกระบี่ยาวในมืออีกข้างได้อย่างไร..”
ทาเคดะถึงกับขนหัวลุกเมื่อกระบี่มังกรขาวปรากฏออกมาจากมือซ้ายของหลิงหยุน มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก!
เมื่อดาบเจ็ดวิญญาณของทาเคดะฟันเข้าที่กระบี่มังกรขาวของหลิงหยุน และด้วยใบมีดที่คมกริบของกระบี่มังกรขาว ดาบของทาเคดะจึงขาดเป็นสองท่อนทันที!
และทาเคดะก็สิ้นใจตายในเวลาเดียวกัน!
หลังจากที่หลิงหยุนสังหารนินจาไปอีกสามคน ในที่สุดศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างโทคุงาวะ ทาเกตากุ และยากิอุ ยูมะ ก็เข้าถึงตัวหลิงหยุนเป็นครั้งแรก!