[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 431 : คืนความเป็นธรรม!
เหยาลู่เดินออกไปส่งหลิงหยุนอย่างมีความสุขจนถึงหน้าประตูโรงแรม และยืนมองจนรถของเขาหายลับตาไป
นักศึกษาสาวจากรั้วมหาวิทยาลัยที่ยังไม่เรียนไม่จบ แต่สามารถมีบ้านเดี่ยว มีเงินในบัญชีสามล้านกว่าบาท และมีคลินิกที่มีมูลค่าอีกนับสิบล้าน เพียงเท่านี้ก็เกินกว่าที่ผู้หญิงธรรมดาบ้านๆคนหนึ่งจะใฝ่ฝันได้แล้ว
แต่ทุกสิ่งเป็นจริงขึ้นมาได้ก็เพราะเธอได้พบกับหลิงหยุน และตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น แล้วมันก็กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองสามวันข้างหน้า
หลายคนทำงานหนักมาทั้งชีวิต แต่กลับไม่สามารถมีอะไรเป็นของตัวเองได้สักอย่าง ในขณะที่เหยาลู่สามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เธอจึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก และรักเด็กผู้ชายคนนี้อย่างที่สุด
เหยาลู่ยืนมองจนกระทั่งรถแลนโรเวอร์ของหลิงหยุนหายลับตาไป แววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ก็มีพึมพำออกมาเบาๆ
“คนใจร้าย.. ไปหาผู้หญิงคนอื่นมา แล้วก็มาขอโทษฉัน!” น้ำเสียงของเธอมีทั้งอิจฉา มีความสุข แล้วก็ขมขื่นปะปนกันไป
ไม่ว่าจะเป็นกงเสี่ยวลู่ หลินเมิ่งหาน หรือแม้แต่เหยาลู่ ทุกคนล้วนแต่ไม่ได้โง่..
………..
ทันทีที่หลิงหยุนไปถึง ก็รีบตรงเข้าไปในห้องเรียนทันที เขาแทรกตัวเข้าไปด้านหลังหลงหวู่เพื่อเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
หลงหวู่ยังคงนั่งดูนิตยสารแฟชั่นอย่างสนอกสนใจ และทุกเล่มล้วนนิตยสารต่างประเทศ ไม่ได้สนใจเรียนแม้แต่น้อย
“นี่.. ใจกล้าไม่เบาเลยนะ! กลางวันแสกๆ คนก็ตั้งเยอะตั้งแยะ นายยังกล้าพาครูประจำชั้นขึ้นไปที่หอพักอีก?”
ทันทีที่หลิงหยุนนั่งลง หลงหวู่ก็ปิดนิตยสารในมือ แล้วก็พูดขึ้นมาทันที..
หลิงหยุนจ้องหน้าหลงหวู่อย่างสนใจ แล้วริมฝีปากแดงของเขาก็แย้มยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า
“ผมน่ะใจกล้าแต่ใหนแต่ไรแล้ว.. คุณอยากจะลองไม๊ล่ะ?”
หลงหวู่หน้าแดงขึ้นมาทันทีพร้อมกับทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ แล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก..
แต่หลิงหยุนไม่จบเท่านั้น เขารีบฉวยโอกาสถาม “นี่คุณทนายความคนสวย ผมมีเรื่องจะปรึกษา?”
หลงหวู่ได้ยินหลิงหยุนจงใจไม่เรียกชื่อเธอ จึงได้แต่กัดริมฝีปากพร้อมกับถามไปว่า “มีอะไรให้ก็ว่ามา!”
หลิงหยุนเล่าเรื่องของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นให้หลงหวู่ฟัง และกำลังรอว่าเธอจะมีคำแนะนำอะไรดีๆให้เขาบ้าง
หลังจากนิ่งฟังอยู่นาน หลงหวู่จึงพูดขึ้นมาว่า “เรื่องแบบนี้หากฟ้องร้องกันไปตามกฏหมาย ต่อให้นายชนะคดีความ พวกเขาก็แค่ชดใช้เงินให้ ไม่ถึงกับต้องยกบริษัทให้นายนี่..”
“อีกอย่าง.. ถ้านายอยากจะเปิดบบริษัทที่ทำเกี่ยวภาพยนตร์หรือว่าทีวี ทำไมต้องไปทำอะไรที่ยุ่งยากขนาดนั้น ก็แค่ลงทุนจดทะเบียนเปิดบริษัทใหม่ก็แค่นั้น!”
หลงหวู่อธิบายได้ค่อนข้างชัดเจนแจ่มแจ้ง..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า “ผมเข้าใจที่คุณพูดทั้งหมด.. แต่จุดประสงค์ของผมไม่ได้ต้องการเงินหรือบริษัทของพวกมัน ผมแค่ต้องการทำให้บริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นสิ้นชื่อ แล้วก็สูญหายไปจากประเทศนี้เลยต่างหาก..”
หลังจากที่หลงหวู่ได้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของหลิงหยุน เธอก็ตอบกลับมาง่ายๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่.. นายก็แค่บุกเข้าไปที่บริษัทนั่น แล้วก็จัดการปิดไม่ให้พวกมันเปิดทำงานได้อีก แค่นี้ก็จบแล้ว!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไป และไม่พูดอะไรอีก หลังจากที่เขาหลงคิดหาวิธีอยู่นาน แต่หลงหวู่กลับให้คำตอบง่ายๆกับเขา หลิงหยุนยกนิ้วโป้งให้หลงหวู่พร้อมกับเอ่ยชม
“เป็นคำแนะนำที่ดีมาก!”
หลงหวู่เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย.. แต่หลังจากนั้น หลงหวู่ก็ถึงกับอึ้งในการกระทำของหลิงหยุนจนพูดอะไรไม่ออก เขาหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาโทรหาตี้เสี่ยวอู๋
“นายพาคนของเตาฉีไปถล่มบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ยิ่งพังยับเยินมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี!”
หลงหวู่หันไปยกนิ้วโป้งให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นายนี่โหดแล้วก็ดุกว่าที่ฉันคิดซะอีก!”
“คุณก็ไม่ได้น้อยไปกว่าผมหรอก..” หลิงหยุนตอบหลงหวู่พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“หลังจากผมเสร็จภารกิจในโรงเรียนบ่ายนี้ คุณช่วยพาผมไปที่บ้านหน่อยจะได้ไม๊? ผมต้องการไปขอบคุณลุงหลงด้วยตัวเอง..”
หลงหวู่ตอบกลับไปยิ้มๆ “ได้สิ! แต่นายต้องจ่ายค่าจ้างให้ฉันด้วย..” พร้อมกันแบมือไปตรงหน้าหลิงหยุน
หลิงหยุนเข้าใจความหมายดี เขารีบผลักฝ่ามือของหลงหวู่ออกอย่างไม่สนใจพร้อมกับตอบไปว่า
“ผมอุตส่าห์ให้เกียรติคุณพาผมไป คุณคิดเหรอว่าถ้าคุณไม่พาผมไป ผมจะไปแก๊งมังกรเขียวไม่ถูก อย่าลืมนะว่าผมยังมีตี้เสี่ยวอู๋อยู่”
หลิงหวู่หัวเราะคิกคักพร้อมกับต่อรอง “ถ้างั้น.. ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน..”
หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า.. การที่เขาขับรถไปส่งหลงหวู่ที่บ้านโดยที่ไม่คิดเงินก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ยังจะกล้ามาเรียกร้องอะไรอีก!
แต่แล้วก็ได้ยินหลงหวู่ถามขึ้นว่า “ฉันได้ยินมาว่านายมีความจำที่น่าอัศจรรย์มาก.. จริงไม๊?”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ใช่.. แล้วยังไง?”
หลงหวู่ยกมือขึ้นชี้ไปที่ Oxford English Dictionary บนโต๊ะของเกาเฉินเฉินแล้วพูดกับหลิงหยุนว่า
“ถ้าให้นายจำคำศัพท์ในนั้นทั้งหมด นายต้องใช้เวลาเท่าไหร่?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า.. ดูเหมือนภารกิจที่เกาเฉินเฉินทำค้างไว้จะถูกส่งต่อให้กับหลงหวู่ แต่หลิงหยุนถามกลับอย่างไม่สนใจ และเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
“ท่องได้หมดแล้วจะมีประโยชน์อะไร..?”
หลงหวู่ยิ้มขึ้นมาทันทีพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าจริงจัง “หลิงหยุน.. เวทีของนายไม่ใช่แค่เมืองจิงฉู ไม่ใช่แค่ประเทศจีน แต่เป็นทั่วโลก!”
“ฉันรู้ว่าความรู้ในระดับมัธยมพวกนี้ไม่มีความหมายอะไรกับนาย แต่นายอย่าลืมว่า ในวันข้างหน้าถ้านายต้องเดินทางไปต่างประเทศ นายก็จะได้ไม่ต้องคอยใช้ล่าม!”
“หลังจากที่นายท่องคำศัพท์ในดิกชันนารีเล่มนี้ได้ทั้งหมด ต่อไปฉันก็จะสอนนายเรื่องสำเนียงการออกเสียง มันจะเป็นประโยชน์กับนายมาก มีแต่ข้อดี ไม่เห็นจะมีข้อเสียตรงใหนเลย..”
หลิงหยุนได้แต่อึกอัก เพราะสิ่งหลงหวู่พูดมานั้นล้วนมีเหตุผล และไม่อาจปฏิเสธได้
หลิงหยุนเข้าใจได้ในทันทีว่า เหตุใดหลงหวู่จึงดูแตกต่างจากคนในวัยเดียวกัน นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่มองเห็นอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น
หลงหวู่ไปเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งได้กรีนการ์ด จึงมีความรู้และความเข้าใจในวัฒนธรรมอเมิกันค่อนข้างดีกว่าคนจีนทั่วไป
หลงหวู่ที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดเต็ม แต่สามารถเรียนจบปริญาโทด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้แล้ว ความจริงเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนกับเด็กมัธยมปลายด้วยซ้ำไป และคนแบบหลงหวู่ก็มีไม่มากนักในประเทศจีน
และแน่นอนว่า.. มหาวิทยาลัยในประเทศจีน ก็คงไม่สามารถเทียบบได้กับมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดในประเทศอเมริกา
หลิงหยุนอดที่จะสะดุดใจกับคำพูดของหลงหวู่ไม่ได้ – หลิงหยุน.. เวทีของนายไม่ใช่แค่เมืองจิงฉู ไม่ใช่แค่ประเทศจีน แต่เป็นทั่วโลก!
นับว่าหลงหวู่มองเรื่องนี้ได้ขาดมาก และเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่พูดเช่นนี้กับหลิงหยุน หลิงหยุนอดที่จะนับถือเธอไม่ได้
หลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงหวู่ ก่อนจะหยิบ Oxford English Dictionary เล่มหนาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วตอบหลงหวู่ไหว่า
“ก็ได้.. ผมขอเวลาหนึ่งอาทิตย์!”
หลงหวู่ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจระคนแปลกใจ “นี่นายล้อเล่นหรือเปล่า? ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนั้นล่ะ?!”
หลิงหยุนถึงกับถอนใจและตอบกลับไปว่า “ถ้าแค่ท่องศัพท์ในนี้ ผมใช้เวลาสองสามวันเท่านั้นล่ะ แต่ผมมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะแอยะ หนึ่งอาทิตย์นี่ล่ะเร็วที่สุดแล้ว!”
สำหรับหลิงหยุนแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการฝึกตน และพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง เรื่องอื่นๆล้วนเป็นเรื่องรองลงมาทั้งสิ้น เพราะหากเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาก็คงจะไปใหนต่อใหนลำบาก..
หลงหวู่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้แล้วก็เงียบไป.. หลิงหยุนเอ่ยถามหลงหวู่ต่อว่า หากเขาต้องการเรียนภาษาอื่นเพิ่มเติม เขาควรจะไปเรียนที่ใหน หลงหวู่จึงแนะนำให้เขาไปเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง
หลิงหยุนทำมือเป็นสัญลักษณ์ Ok จากนั้นก็เริ่มท่องคำศัพท์ในดิกชันนารี่อย่างจริงจัง
หลิงหยุนไม่เพียงแค่จดจำคำศัพท์ได้ แต่ยังจดจำเลขที่หน้าของศัพท์คำนั้นๆไว้ด้วย ตลอดการเรียนสองคาบแรกในตอนบ่ายนั้น หลิงหยุนไม่ได้สนใจเรียนเลยแม้แต่น้อย เพราะเอาแต่ท่องศัพท์จนสามารถจดจำคำศัพท์ได้ทั้งหมดห้าสิบหน้าแล้ว
ตราบใดที่จำได้แล้ว หลิงหยุนก็จะไม่ลืม.. เขาสามารถจดจำคำศัพท์ทุกคำได้จากการอ่านผ่านตาเพียงแค่ครั้งเดียว และภายในสองนาทีหลิงหยุนก็สามารถจดจำคำศัพท์ได้หนึ่งหน้า แต่ยิ่งเขาจดจำคำศัพท์ได้มากเท่าไหร่ ความสามารถในการอ่านของเขาก็คล่องขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถล่นเวลาเหลือเพียงแค่หนึ่งหน้าต่อหนึ่งนาทีเท่านั้น
แต่ Oxford English Dictionary ก็หนามาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอ่านจบภายในสิบกว่าชั่วโมง อีกทั้งตอนนี้หลิงหยุนยังไม่มีจิตหยั่งรู้ เพราะยังอยู่ในขั้นต้นของการฝึกวิชาเนตรหยินหยางเท่านั้น
เมื่อเสียงกริ่งหมดคาบเรียนดังขึ้น หลิงหยุนจึงเรียกดิกชันนารีเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่
หลงหวู่เห็นหลิงหยุนจริงจังกับการท่องศัพท์ในสองคาบบที่ผ่านมา ใบหน้าสวยงามของเธอก็เต็มไปด้วยความสดใส!
หลงหวู่เห็นชัดว่าหลิงหยุนท่องไปได้ทั้งหมดห้าสิบหน้าแล้ว และรู้ดีว่าเขาจะสามารถจดจำทุกอย่างได้ ความทรงจำที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนนั้น ทำให้แม้แต่หลงหวู่ซึ่งเป็นคนมีความจำเป็นเลิศคนหนึ่งถึงกับต้องศิโรราบให้
“เร็วจนเหลือเชื่อ..” หลงหวู่ได้แต่แอบตกใจอยู่เงียบๆ แต่ก็แกล้งพูดชมหลิงหยุนออกไป
“ธรรมดา..” หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“แล้วนี่นายจะไปใหน?” หลงหวู่ลุกขึ้นยืนตามหลิงหยุน
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนบอกเพื่อนๆในห้อง “ทุกคน.. ผมกับครูประจำชั้นถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ผมจะไปพบครูใหญ่กับผู้อำนวยการ มีใครต้องการจะไปกับบผมบ้าง?”
ช่วงเช้าหลิงหยุนขึ้นไปบนหอพักกับกงเสี่ยวลู่สองต่อสองต่อหน้าผู้คนมากมาย และแทบไม่มีใครรู้เลยว่าเขาออกจากห้องของกงเสี่ยวลู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
แต่ตอนบ่ายกลับมานั่งเรียนได้อย่างปกติจนกระทั่งหมดไปสองคาบ และทันทีที่หมดคาบเรียนที่สอง เขาก็ลุกขึ้นประกาศกร้าวว่าจะไปเรียกร้องความยุติธรรมจากครูใหญ่กับผู้อำนวยการ เพื่อนๆในห้องต่างก็พากันปรบมือเสียงดัง!
“หลิงหยุน.. ทุกคนอยู่ข้างนาย พวกเราจะไปกับนาย!”
“ไป.. พวกเราไปกัน! ครูประจำชั้นดีกับพวกเรามาก หลายปีผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย แล้วจู่ๆก่อนพวกเราจะจบ กลับต้องมาเสียชื่อ!”
“เห็นชัดว่ามีคนต้องการจะดิสเครดิตห้องเรา พวกเราไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน..”
“ไปเลยพี่หลิง.. พวกเราจะทำตามคำสั่งของพี่!”
………….
ตลอดสามปีที่กงเสี่ยวลู่ทุ่มเทให้กับการเรียนการสอนมานั้น ทำให้เกิดมิตรภาพที่ดีระหว่างเธอกับนักเรียนมาโดยตลอด และตอนนี้ได้เวลาที่นักเรียนทุกคนจะได้ตอบแทนเธอกลับบ้าง!
อีกทั้งภาพลักษณ์ของหลิงหยุนในเวลานี้ ก็มีอิทธิพลต่อนักเรียนแทบทุกคนในห้อง ใครๆก็อยากจะติดตามเขาไปด้วย
เว้นเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเว่ยเถียนกัง!
ท่ามกลางสายตาที่ตื่นเต้นของเพื่อนนักเรียนในห้อง หลิงหยุนเดินนำหน้าไปที่ประตูอย่างห้าวหาญ
ฉางหลิงยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างฉางตง ไฉฮั่นหลิน กู่หยวนหลง และซาเกาจิ้ง.. ไม่เว้นแม้แต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่ลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าหลงหวู่เองก็ไม่พลาด
แววตาที่คมกริบและเย็นยะเยือกของหลิงหยุนจ้องมองไปทางเว่ยเถียนกัง ก่อนจะพูดยิ้มๆ
“ไปกัน! ไปทวงความยุติธรรมให้กับครูประจำชั้น!”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับโบกมือให้ทุกคนเดินตามเขาออกจากห้องไป นักเรียนในห้องทั้งหมดมีมากกว่าห้าสิบคนเดินลงบันไดไปคล้ายกับผู้ประท้วง และมุ่งหน้าไปที่สำนักงานของโรงเรียน
“เห้ย.. หลิงหยุน.. หลิงหยุนออกไปแล้ว!”
“มีเรื่องอะไรกัน.. ทำไมเขาพานักเรียนในห้องไปด้วยเยอะแยะ นี่เขาจะไปทำอะไรกัน?!”
“ดูท่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้วสิ ดูท่าจะปกันหมดทั้งห้อง!”
“ตามไปดูเร็วเข้าว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หลิงหยุนตั้งใจเปิดตัวใหญ่โตขนาดนี้ ก็เพื่อให้นักเรียนคนอื่นๆในโรงเรียนได้เห็นด้วย!
“ทุกคนตะโกนตามผม!”
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามสั่งทุกคน และถึงแม้เสียงของเขาจะไม่ดังมาก แต่นักเรียนทุกคนก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน!
ระหว่างที่นักเรียนมัธยมปลายห้องหกเดินไปนั้น ทุกคนต่างก็รองตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน “คืนความเป็นธรรม!” จนดังกึกก้องไปทั่วทั้งโรงเรียน
หลิงหยุนหัวเราะ พร้อมกับหันไปถามฉางหลิงถึงทางไปห้องครูใหญ่เพื่อจัดการคิดบัญชี!
“แย่แล้ว.. ดูเหมือนหลิงหยุนจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครูประจำชั้นของเขา!”
“มิน่า.. เมื่อเช้าที่หลิงหยุนไปหอพักกับครูประจำชั้นเมื่อเช้า ก็คงจะไปคุยเรื่องเรียกร้องความเป็นธรรมคืนให้เธอแน่!”
“ดูท่าครูใหญ่จางคงยากที่จะโต้เถียง”
“ตามไปสิ.. นายจะมายืนซื่อบื้ออะไรอยู่ตรงนี้ ตามไปดูเร็วเข้า..”
นักเรียนห้องอื่นๆต่างก็พากันตามลงไปดูจนกลายเป็นจำนวนคนที่มากมาย พวกเขาต่างก็เดินตามขบวนของหลิงหยุนไป นักเรียนมัธยมทั้งหกห้องต่างก็ร้องตะโกนว่า “คืนความเป็นธรรม”
และตอนนี้ภายในโรงเรียนมัธยมจิงฉูก็เต็มไปด้วยความโกลาหล และเต็มไปด้วยผู้ประท้วงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ปัง!
หลิงหยุนเปิดประตูห้องทำงานของครูใหญ่เข้าไป!