[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 421: พอใจในตัวเอง!
-เหยาลู่.. ผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่สามารถกลับไปอยู่กับคุณได้ ไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนเยอะๆล่ะ-
ที่ชั้นยี่สิบเจ็ดของโรงแรมแชงกรีล่า เหยาลู่ซึ่งมีผ้าเช็ดตัวสีขาวพันตัวเพียงผืนเดียว กำลังนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์เก่าๆของตัวเองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เด็กผู้ชายที่บอกกับเธอว่าจะรีบกลับมาหาเธอ แต่แล้วก็ไม่กลับมา เธอได้แต่คอยแล้วคอยเล่า และได้รับเพียงข้อความสั้นๆจากเขาเท่านั้น
คืนนี้.. เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นฝ่ายที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น และโรแมนติค เขาพาเธอมาพักโรงแรมที่ดีที่สุดในจิงฉู แล้วยังเปิดห้องสูทที่หรูหราให้เธอ และบอกกับเธอว่าเขาต้องการเข้าหอกับเธอในคืนนี้
เธออาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดหอมฟุ้ง และกำลังรอคอยให้เด็กผู้ชายมีเสน่ห์คนนั้นป็นผู้ที่มาพาเธอเข้านอน
เหยาลู่ทำแม้กระทั่งไปศึกษาเรื่องพวกนี้จากอินเทอร์เน็ต เธอคิดเพียงว่าหากทำให้หลิงหยุนมีความสุขได้ เธอก็มีความสุขแล้ว! เธอรู้สึกเสียดายที่ตนเองไม่ได้เอาชุดนางพยาบาลที่เซ็กซี่พร้อมถุงน่องมาด้วย เพราะหลิงหยุนดูจะชอบมากเมื่อเธอสวมชุดนี้
แต่หลิงหยุนก็ไม่กลับมา หลังจากที่ได้รับข้อความจากเขา เธอก็ได้แต่นั่งลงบนเตียงภายในห้องสูทที่หรูหราด้วยความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย และค่อยๆใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมา ความหรูหราฟุ่มเฟือยรอบตัวเธอในเวลานี้ ไม่มีความหมายอะไรเลยหากไม่มีหลิงหยุน!
เหยาลู่เป็นหญิงสาวที่เชื่อฟัง และว่านอนสอนง่าย เธอไม่แม้แต่จะโทรกลับไปหาหลิงหยุน และไม่แม้แต่จะส่งข้อความตอบกลับ แต่เพียงแค่นั่งเหม่อมองไปที่ประตูสลับกับมองข้อความในโทรศัพท์มือถือด้วยความรู้สึกเศร้าใจ!
ที่ผ่านมา.. ทุกครั้งที่หลิงหยุนมาพบเธอนั้น เขาก็จะรีบร้อนจากไป แล้วก็หายหน้าหายตาไปอีกสองสามวัน และด้วยสัญชาติญาณ เหยาลู่รู้สึกได้ว่าเธอคงจะต้องสูญเสียสิ่งที่ควรต้องเป็นของเธอในคืนนี้ไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เพราะมันเป็นสัญชาติญาณเฉพาะของผู้หญิง เธอจึงได้แต่รู้สึกกระกวนกระวาย เจ็บปวด และเศร้าใจจนไม่สามารถข่มตาหลับได้
“อาจจะคิดมากไปเอง.. คงจะเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เขาถึงได้ส่งข้อความมาบอก”
เหยาลู่พึมพำพร้อมกับยิ้มหวาน แต่ใบหน้ากลับเปื้อนไปด้วยน้ำตา..
……..
เวลาหกโมงเช้า.. หลิงหยุนเดินลมปราณในร่างกายเสร็จพอดี เขาจัดแจงห่มผ้าบางๆให้กับหลินเมิ่งหาน จากนั้นจึงเรียกเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากแหวนพื้นที่ หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนจึงเดินออกไปนอกบ้านเพื่อฝึกดารกะดายันร่วมยี่สิบนาที
หลังจากที่ฝึกเสร็จแล้ว หลิงหยุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้กับเหยาลู่ สั่งให้เธอพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม และไม่ต้องไปดูแลการตกแต่งที่คลินิกอีก จากนั้นก็กลับเขาไปในบ้าน และเดินขึ้นไปชั้นบน
วันนี้เป็นวันอังคาร หากหลิงหยุนยังคงไม่ไปเรียนอีก ครูประจำชั้น – กงเสี่ยวลู่ คงต้องไปหาเขาที่บ้านอย่างแน่นอน วันนี้เขาคงโดดเรียนไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนหลินเมิ่งหานนั้น ด้วยความเคยชินที่เป็นลูกนายทหาร นาฬิกาในร่างกายเธอจึงปลุกให้เธอตื่นตอนหกโมงเช้าของทุกวัน
หลินเมิ่งหานลืมตาขึ้นมา และจิตใต้สำนึกได้สั่งให้เธอควานหาคนข้างๆ แต่กลับพบว่าที่รักของเธอนั้นไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว เธอถึงกับตกใจจนต้องลุกขึ้นนั่ง
“นี่เขา..”
และเพียงแค่ขยับตัว หลินเมิ่งหานก็รู้สึกเจ็บปวดร่างกายช่วงล่างอย่างที่สุดจนถึงกับต้องขมวดคิ้วแน่น
หลินเมิ่งหานค่อยๆดึงผ้าห่มผืนบางที่หลิงหยุนห่มให้นั้นออก และเมื่อก้มหน้าลงไปมองเธอก็เห็นรอยเลือดวงใหญ่อยู่บนที่นอน นั่นคือสัญญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และบ่งบอกว่าตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้หญิงของหลิงหยุนโดยสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้ว่าจะได้อยู่กับเขาเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่เพียงเท่านี้เธอก็พอใจมากแล้ว
“สามี.. ฉันรักคุณนะคะ!”
คิ้วของหลินเมิ่งหานขมวดเข้าหากันแน่น และค่อยๆใช้มือนวดร่างกายส่วนล่างที่เจ็บปวดอย่างเบามือ แม้จะเจ็บปวดแต่สีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลิงหยุนที่กำลังกระโจนเข้าไปในห้องนอน เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของหลินเมิ่งหานก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“คุณภรรยาคนสวย.. เราสองคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ?”
หลินเมิ่งหานยักไหล่พร้อมกับตำหนิหลิงหยุน “นี่นายทำให้ฉันเจ็บปวดจนขยับเขยื้อนไม่ได้เลย แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?”
และแน่นอนว่า.. นี่คือความภาคภูมิใจที่สุดของบุรุษ หลิงหยุนตอบอย่างไร้กังวล “ไม่ต้องห่วง.. สามีของคุณเป็นถึงหมอเทวดา ผมจะทำให้คุณหายเจ็บปวดเอง!”
แต่หลินเมิ่งหานกลับตอบอย่างภาคภูมิใจ “ความเจ็บปวดอื่นๆอาจให้นายรักษาได้ แต่ความเจ็บปวดนี้ฉันต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้เอง และจะได้จดจำไว้ว่านายเป็นคนรังแกฉัน!”
หลิงหยุนได้ฟังกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุด จึงเก็บเข็มทองกลับเข้าไปที่เดิม แล้วแนบริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากของหลินเมิ่งหานอย่างอ่อนโยน และนุ่มนวล..
หลินเมิ่งหานเองก็จูบตอบอย่างอบอุ่นเช่นกัน และร่างกายของเธอก็ถูกกระตุ้นอีกครั้ง แต่เธอรีบผลักร่างของหลิงหยุนออกห่างอย่างรวดเร็ว
“สามี.. ร่างกายฉันรับไม่ไหวแล้ว ขอเวลาหน่อย!?” หลินเมิ่งหานทำเสียงอ้อนวอน
หลิงหยุนต้องรีบกลับไปที่บ้านในอ่าวจิงฉูเพื่อรับหนิงหลิงยู่ไปโรงเรียน เขาจึงหยุดแกล้งหลินเมิ่งหานและรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
“สามี.. อย่าบอกนะว่า..” หลินเมิ่งหานถามขึ้นอย่างตกใจเพราะเข้าใจผิดว่าหลิงหยุนต้องการจะทำอะไรเธอ..
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปที่คราบเลือดบนเตียง และร่างกายส่วนล่างของเขาเองพร้อมกับตอบยิ้มๆ
“ผมต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้ว?”
“อืมม.. ”
หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “ถ้างั้นคุณก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านไปก่อน แล้วผมจะกลับมาทานข้าวเที่ยงด้วย..”
“มาแน่นะ?” หลิงเมิ่งหานทำหน้าจริงจัง
“แน่นอน.. ผมไม่ปล่อยให้ภรรยาคนสวยของผมต้องหิวตายหรอกน่า ไม่อย่างนั้น.. ต่อไปผมจะรังแกใครได้อีก?”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็เดินเข้าไปในห้องน้ำจัดการทำความสะอาดเนื้อตัวอยู่ราวห้านาที แล้วจึงรีบออกจากบ้านไป..
หลินเมิ่งหานอดทนต่อความเจ็บปวด และค่อยๆเดินไปยืนที่หน้าต่าง เธอมองหลิงหยุนที่กำลังขับรถออกไป และน้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มทั้งสองข้างพร้อมกับพึมพำเบาๆ
“ถ้าหลงเทียนเจียวไม่ได้มาพูดจาสู่ขอฉันกับพ่อแม่ การพบกันของเราครั้งนี้คงจะเป็นเรื่องที่ดีมาก..”
………….
หลิงหยุนขับรถขึ้นทางด่วนมุ่นหน้าไปยังหมู่บ้านในอ่าวจิงฉูอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่สิบห้านาทีเขาก็ไปถึงบานเลขที่-9 แล้ว
จากเด็กผู้ชายได้กลายเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัวแล้ว อีกทั้งยังเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 เรียบร้อยแล้ว และความแข็งแกร่งยังเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า หลิงหยุนในเวลานี้จึงสดชื่นอย่างที่สุด เขาขับรถแลนด์โรเวอร์ไปจอดที่หน้าบ้าน และรีบลงจากรถโดยที่ไม่ได้ดับเครื่อง
แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “เจ้าเด็กดื้อ! ข้าสั่งให้เจ้ากลับมานอนที่บ้านไม่ใช่รึไง?”
ฉินตงเฉี่วยได้ยินเสียงหลิงหยุนกลับมาบ้าน ร่างและใบหน้าที่เรียบเฉยของนางก็โผล่ออกมาจากในบ้านพร้อมกับส่งเสียงดุหลิงหยุน
หลิงหยุนรู้ตัวว่าผิดจึงได้แต่ยิ้มและรีบแก้ตัวไปว่า “น้าหญิง.. พอดีเหล่ากุ่ยมีปัญหามาก และเกือบต้องกลายเป็นมารไปแล้ว ข้าทนเห็นเขากลายเป็นมารไม่ได้จริงๆ!”
“ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่ได้พูดโกหก?”
ฉินตงเฉี่วยจ้องหน้าหลิงหยุนนาน แต่จู่ๆก็พูดจาแปลกๆ “เอ๊ะ.. แต่ข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าดูแตกต่างจากเมื่อวาน?”
เมื่อวานหลิงหยุนยังเป็นเด็กชายที่บริสุทธิ์อยู่ แต่วันนี้เขาได้กลายเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัวแล้ว ทำไมจะดูไม่แตกต่างไปล่ะ?
“พี่ใหญ่.. กลับมาแล้วเหรอคะ?”
หนิงหลิงยู่วิ่งออกมาจากห้องนั่งเล่น และหลิงหยุนก็เห็นว่าวันนี้หนิงหลิงยู่ดูสดใสกว่าเมื่อวานมาก แน่นอนว่าฉินตงเฉี่วยคงต้องทำอะไรบางอย่างกับเธออย่างแน่นอน
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ “พอดีเมื่อคืนพี่ยุ่งแล้วก็เหนื่อยมาก แต่เดี๋ยวคงจะดีขึ้น เอาล่ะ.. ไปโรงเรียนกันได้แล้ว!”
แม้แต่หนิงหลิงยู่เองก็ยังมองหน้าหลิงหยุนด้วยความรู้สึกงุนงงจนถึงกับต้องถามออกมา “พี่ใหญ่.. ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าพี่ดูแตกต่างไปจากเมื่อวาน? มันดูเหมือน.. ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก”
หลิงหยุนเองก็ถึงกับตกใจไม่น้อย และได้แต่คิดในใจว่าเหตุใดน้าหญิงกับน้องสาวของเขาถึงได้มีสัมผัสที่ว่องไวเช่นนี้? หลิงหยุนไม่กล้าอยู่นานกว่านี้ และรีบเร่งรัดให้หนิงหลิงยู่ขึ้นไปบนรถ
หนิงหลิงยู่ที่ยังดูงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น หลังจากนี่หนิงหลิงยู่ขึ้นไปนั่งในรถแล้ว หลิงหยุนก็เปิดประตูขึ้นไปนั่ง และรีบเหยียบคันเร่งพุ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ฉินตงเฉี่วยกลับบส่งกระแสจิตบอกกับหลิงหยุนว่า “เจ้าเด็กดื้อ.. เย็นนี้ห้ามเจ้าไปที่ใหนอีก หลังเลิกเรียนแล้ว เจ้าต้องพาหลิงยู่กลับมาหาข้าทันที เจ้าได้ยินที่ข้าบอกแล้วใช่ไม๊?”
“ข้าทราบแล้ว!”
ระหว่างทางไปโรงเรียน หลิงหยุนก็ถามหนิงหลิงยู่ขึ้นมาว่า “หลิงยู่.. เมื่อคืนนี้น้าหญิงได้เล่าเรื่องแม่ให้เธอฟังหรือเปล่า?”
หนิงหลิงยู่ตอบกลับไปยิ้มๆ “เล่าสิ.. น้าหญิงบอกว่าแม่กลับไปที่ตระกูลฉินเพื่อทำธุระ เสร็จเมื่อไหร่ก็จะกลับมาเอง พี่ใหญ่คะ.. รู้ไม๊ว่าความจริงแล้วแม่เป็นคนตระกูลฉิน แล้วน้าหญิงยังบอกอีกว่าแม่เป็นคนที่เก่งมาก และน้าหญิงเองก็เหมือนกัน ต่อไปพวกเราไม่ต้องกังวลว่าใครจะมารังแกเราอีกแล้ว..”
หลิงหยุนคิดในใจว่า.. ก็แม่ของเขาแซ่ฉิน ก็ต้องเป็นคนตระกูลฉินสิ! แต่เขาก็เพียงแค่ตอบกลับไปยิ้มๆ
“หลิงยู่.. เธอสบายใจได้เลย พี่ใหญ่ก็เก่งและแข็งแรงมากเหมือนกัน แล้วก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอได้แน่!”
หนิงหลิงยู่หันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตาไร้เดียงสาชวนฝัน ในใจก็กรีดร้องด้วยความดีใจ
สิบห้านาทีต่อมา รถของหลิงหยุนก็แล่นผ่านประตูโรงเรียนเข้าไปจอดด้านใน
“ถึงแล้ว.. เธอไปที่ห้องเรียนได้แล้ว!”