CLS ตอนที่ 536: สยบ
หนางกงหมิงก้าวออกมา พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่ลึกลับตั้งแต่หัวจรดเท้า มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าระดับที่แท้จริงของหนานกงหมิงคืออะไร และมีน้อยยิ่งกว่าที่รู้ว่าเขาใช้วิชาแบบไหน
คนรอบๆ พากันคิดว่าหนานกงหมิงจะสามารถจัดการกับอี้เทียนหยุนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะความลึกลับนั้นของเขา ที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้วิชาอะไร และมีพลังแบบไหน
“ใช่ ข้าคิดว่าเจ้านั้นจัดการง่ายมาก” อี้เทียนหยุนตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายและเถรตรง
นัยน์ตาทั้งสองข้างของหนานกงหมิงผุดเปลวเพลิงที่เย็นเยือกขึ้น ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเปลวเพลิงใต้พิภพอีกด้วย! เขาก็ใช้เปลวเพลิงใต้พิภพได้เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเปลวเพลิงใต้พิภพที่ไม่อ่อนแอด้วย
เขาตามติดอยู่ข้างกายหมิงเฉิน ไม่แปลกที่ใช้เปลวเพลิงใต้พิภพได้ แต่จะใช้ได้ถึงระดับไหนนั้น อันนี้ต้องมาดูกันอีกที
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเขาทำอะไรได้ แต่อี้เทียนหยุนนั้นรู้ดี เพราะเขานั้นเหมือนกับหมิงเฉินมาก กระทั่งวิชาที่ใช้ยังไม่แตกต่าง อย่างเช่นฝ่ามือเทพใต้พิภพงี้ ซึ่งถือเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง สามารถแสดงพลังของตนออกมาได้ถึงขีดสุด ดังนั้นการที่อีกฝ่ายฝึกวิชานี้ เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
“บางคนคิดว่าข้านั้นถ่อมตน แต่ไม่ใช่ว่าข้านั้นจะอ่อนแอ…. เจ้าหนู การที่เจ้าเลือกข้า ถือเป็นเกียรติของเจ้า แต่ก็แสดงถึงความกลัวของเจ้าด้วย” น้ำเสียงของหนานกงหมิงแหบอย่างมาก ฟังแล้วให้ความรู้สึกแสลงหูอย่างสุดๆ แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขา
สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขาไม่ได้ดูกันที่หน้าตา น้ำเสียง หรือร่างกาย แต่ดูกันที่ความแข็งแกร่ง ต่อให้จะขาขาดทั้งสองข้าง แต่หากว่ามีพลังที่แข็งแกร่ง ก็ไม่มีใครที่จะกล้าดูถูก จะมีก็แต่ความเคารพเท่านั้น!
“พรึบ!”
เปลวเพลิงใต้พิภพผุดขึ้นมาจากฝ่ามือของเขา ซึ่งจัดว่าเป็นเปลวเพลิงระดับปฐพีขั้นกลางแต่ก็ยังถือว่าห่างกันขั้นหนึ่ง หากว่าเทียบกับอี้เทียนหยุน ของสิ่งนี้เป็นเรื่องยากที่เพิ่มระดับ แต่ดีที่อี้เทียนหยุนสามารถดูดกลืนเปลวเพลิงเทียนหยินมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กันตนได้ ดังนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว เปลวเพลิงของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นหนึ่ง
“ข้าอยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าเปลวเพลิงใต้พิภพของเจ้าที่แข็งแกร่ง หรือว่าเป็นเปลวเพลิงใต้พิภพของข้าที่แข็งแกร่งกันแน่!” สายตาของหนานกงหมิงเย็นชา อึดใจต่อมาก็ปลดปล่อยร่างเงาขนาดมหึมาขึ้นข้างหลัง ร่างเงานี้ไม่ใช่มังกรมืด แต่เป็นดอกนรกภูมิ ที่กำลังเบ่งบานอยู่ด้านหลังของเขา
เมื่อดอกไม้บาน 1 กลีบ ก็ได้ปรากฏเปลวเพลิงขึ้น 1 ชั้น จนเมื่อดอกไม้บานจนหมด ร่างของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงในพริบตา ทำให้ดูเหมือนกับว่าเทพแห่งไฟได้มาเยือนอย่างไงอย่างงั้น หากว่ารอบๆ มีอะไรอยู่ เขาก็จะสามารถจุดไฟขึ้นได้ในพริบตา
หนานกงหมิงไม่คิดดูถูกศัตรู พร้อมกับปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาตั้งแต่เริ่ม แสดงความแข็งแกร่งของร่างเงาออกมา ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 650 ล้านในทันที บดขยี้หนิวทวนเทียนในพริบตา!
ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะระดับของเขาหากเทียบกับหนิวทวนเทียนแล้วแข็งแกร่งกว่า ทั้งยังมีเปลวเพลิงใต้พิภพอีก ภายใต้ของเหล่านี้ เป็นไปไม่ได้ที่พลังรบของเขาจะอ่อนแอ
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง?” อี้เทียนหยุนเห็นเปลวเพลิงนี้ก็รู้สึกเหมือนกับอยู่ในงานเลี้ยง หากสามารถดูดกลืนมาได้ ก็จะช่วยเพิ่มค่าความชำนาญให้กับตน
“ข้าว่าเจ้าอย่าได้เคลื่อนไหวอย่างส่งเดชจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น เกิดข้ายั้งมือไม่ทัน เจ้าอาจจะกลายเป็นขี้เถ้าเอาได้ ซึ่งข้าไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบนี้” หนางกงหมิงเดินเข้าหาอี้เทียนหยุนทีละก้าว แต่ละก้าวที่เดินก็ได้ทิ้งเปลวเพลิงเป็นรูปรอยเท้าไว้ด้านหลัง ราวกับดอกไม้บานอยู่บนพื้นก็ไม่ปาน
แต่ดีที่พื้นนั้นแข็งมาก ไม่อย่างนั้นคงถูกเผาเป็นโพลงขนาดใหญ่อย่างแน่นอน
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่เคลื่อนไหวอย่างส่งเดช” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าจะอยู่เฉยๆ รอเจ้าตรงนี้ เจ้าเข้ามาได้เลย”
เขากระทั่งยื่นมือออกไปวาดวงกลม เป็นความหมายว่าตนจะไม่ออกไปจากวงกลมวงนี้
“ดี ดีมาก…..”
“ดอกนรกภูมิสิงสู่!”
อึดใจต่อมา หนานกงหมิงก็ได้ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง พร้อมกับดอกนรกภูมิที่ด้านหลัง ก็ได้รวมเข้าไปในร่างของเขาในพริบตา ทำให้เปลวเพลิงบนร่างของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด พร้อมกันนั้น เขาก็ทำการถีบเท้าเข้าที่พื้น ยื่นมือเข้าคว้าตัวอี้เทียนหยุน
เปลวเพลิงในมือของเขาควบรวมเป็นกลีบดอกนรกภูมินับไม่ถ้วน พร้อมกับโปรยลงมาจากกลางอากาศ ปิดทางหนีทุกทางของอี้เทียนหยุน แม้ว่าอี้เทียนหยุนบอกว่าจะไม่ออกไปจากวงกลมนี้แม้แต่น้อย แต่ก็ไม่มีใครที่จะคิดเชื่อใจในคำพูดของศัตรู
“นี่คือดอกนรกภูมิ! วิชาลับของหนานกงหมิงต้าเหริน ข้าเคยเห็นมันมาก่อน หากว่ามีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย กลีบดอกทั้งหมดก็จะเข้ามารวมตัว พร้อมกับลุกไหม้บนตัวเขาในทันที!”
“น่ากลัวมาก จะหลบก็หลบไม่ได้ หากลงมือก็มีแต่ตายลูกเดียว!”
“ไม่แปลกที่หนานกงหมิงต้าเหรินจะกล่าวว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดช ไม่อย่างนั้นอาจถูกเผาเป็นจุล! ดูเหมือนว่าคราวนี้ หนางกงหมิงต้าเหรินจะเป็นฝ่ายชนะแน่นอนแล้ว”
เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ ในใจก็ให้ตื่นเต้นขึ้นมา ความร้ายกาจของหนานกงหมิง หากเทียบกับหนิวทวนเทียนแล้วร้ายกาจกว่า ทั้งยังเป็นผู้ลงมือแบบผู้มีแผนการ ปล่อยกลีบดอกนรกภูมิโปรยปรายอยู่ทุกที่ ปิดทางหนีของอีกฝ่ายทุกทาง
เมื่อเข้ามาใกล้ หนานกงหมิงก็ได้ยื่นมือออกมา จากนั้นเปลวเพลิงบนมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นเถาวัลย์หนาม ฟาดเข้าใส่อี้เทียนหยุนด้วยความเร็วที่เร็วมาก พร้อมกับรัดร่างของอี้เทียนหยุนไว้ในทันที จากนั้นก็เพิ่มจำนวนขึ้นนับไม่ถ้วน รัดร่างของเขาไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้มีแรงก็ทำลายไม่ได้ พันธนาการเขาไว้อย่างง่ายดาย
“ดีมาก จงมาหาข้าซะ!” หนานกงหมิงตาเป็นประกาย จากนั้นก็กระชากเถาวัลย์ในมือกลับมา แต่อี้เทียนหยุนกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
“เป็นอะไรไป ไม่ได้กินข้าวมาหรือไง? ดึงต่อสิ!” อี้เทียนหยุนกระตุกไหล่ พร้อมกับมองไปยังหนานกงหมิงอย่างเฉยชา
หนานกงหมิงสีหน้าจมลง ตัวเขาออกแรงจนสุดแล้ว แต่กลับไม่คิดว่าจะดึงอีกฝ่ายมาไม่ได้!
อี้เทียนหยุนใช้งานสายเลือดเทพมังกรออกมา หลังจากที่ยกระดับขึ้น พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นมา ใครจะเทียบด้านกำลังกับเขาได้? เขาสามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ
“ในเมื่อเจ้าไม่มีแรง งั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง” อี้เทียนหยุนจับเถาวัลย์ที่แปลงมาจากเปลวเพลิงใต้พิภพนี้เอาไว้ จากนั้นก็ออกแรงดึงเบาๆ แต่ว่าหนานกงหมิงก็ไม่สามารถต้านทานได้ พริบตาก็ถูกกระชากเข้ามา
หนานกงหมิงหน้าถอดสี พร้อมกับทำการสลายเปลวเพลิงนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้น มือทั้งสองข้างของเขาก็ทำท่ามุทรา พร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายอย่างเย็นชา “ตาย!”
พริบตา กลีบดอกไม้รอบๆ ก็โถมเข้าใส่อี้เทียนหยุนอย่างบ้าคลั่ง และในขณะที่กำลังจะเข้าปะทะนั้น ก็ได้เปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง ปกคลุมอี้เทียนหยุนไว้ด้านใน จนไม่สามารถมองเห็นร่างของเขาได้
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน!” ป้าหลงรีบร้องออกมา
พวกเขาไม่คิดจะให้อี้เทียนหยุนตาย แบบนี้จะเป็นเรื่องที่ขาดทุนเกินไป เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้คำตอบจากปากเขา
“วางใจได้ ก็แค่บาดเจ็บหนัก ข้าไม่เอาถึงตายหรอก….” หนานกงหมิงยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็มีแส้เหวี่ยงออกมาจากด้านใน รัดร่างเขาไว้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้ตอบสนอง ตัวเขาก็ถูกกระชากเข้าไปยังกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในทันที
ความเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใดนั้น ทำให้ในใจของหลายคนรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อึดใจต่อมา เปลวเพลิงใต้พิภพที่ล้อมรอบอี้เทียนหยุนไว้ ก็ได้กลายเป็นพายุหมุน ถูกเขาดูดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง พริบตาก็หายไปไม่มีเหลือ
และตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างสองร่างปรากฏขึ้น อี้เทียนหยุนยังคงไร้บาดแผล เปลวเพลิงทั้งหมดได้ถูกสูบเข้าไปในร่างกายของเขา โดยที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับกำลังยืนเหยียบร่างของหนานกงหมิงไว้ใต้เท้า โดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยสมบูรณ์
หลายคนพากันมองด้วยความตกใจ คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องตายแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะไม่เป็นอะไรเลย มิหนำซ้ำ หนานกงหมิงยังตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกันกับหนิวทวนเทียน ถูกสยบไว้ใต้ฝ่าเท้า โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้!