ตอนที่ 2560 : ความสงบก่อนพายุ
เทียนเหยาคือชื่อของนายน้อยประกายดาว
คนไม่มากที่รู้จักชื่อนี้ นอกจากใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าแล้ว โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะเรียกเทียนเหยาว่านายน้อยประกายดาว
เมื่อเขาได้ยินข้อความนี้ นายน้อยประกายดาวก็สีหน้าแข็งทื่อไปในทันที เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขาได้แสดงท่าทีเคารพและกลัวออกมา
นายน้อยประกายดาวที่ถูกเอาใจมาโดยตลอดถึงกับหลงคิดว่าตัวเองดี ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตามในโลกเซียน เขาก็จะมีผู้ติดตามและผู้ชื่นชมรายล้อม ยอดฝีมือทั้งหมดปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีสุภาพ ดังนั้นเขาจึงไม่หวั่นเกรงผู้ใด เขารู้สึกกลัวเมื่อเขาเผชิญหน้ากับพ่อของเขา ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้า เท่านั้น
นายน้อยประกายดาวไม่ลังเลเมื่อถูกใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าเรียกตัว เขารีบผลักสองสาวข้างกายออกและรีบพุ่งไปยังยอดเขาโดยไม่ลังเล
ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้านั่งอยู่บนเก้าอี้ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา พลังของเขาถูกปกปิดเอาไว้ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป แต่สายตาของเขากลับดูลึกซึ้งราวกับจักรวาล สายตานั้นมองออกไปราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
“คำนับท่านพ่อ ! ” นายน้อยประกายดาวมาถึงก็ได้คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที
เสียงของเขาทำให้ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าได้สติกลับมา สายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่นายน้อยด้านล่างด้วยสายตาที่ไม่อาจจะอธิบายได้ เขายังคงเงียบอยู่นาน
เมื่อเห็นว่าพ่อตัวเองไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน นายน้อยประกายดาวก็เริ่มสงสัยขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพ่อตัวเองแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาในรอบพันปีที่เขามีชีวิตอยู่
แต่นายน้อยประกายดาวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจว่าพ่อของเขานั้นสูงส่งจนเย่อหยิ่ง หากพ่อของเขาไม่ได้พูด เขากล้าจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน
“เทียนเหยา เจ้าบ่มเพาะมากี่ปีแล้ว ? ” จากนั้นไม่นาน ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าก็ถามขึ้นมาช้า ๆ
“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งบ่มเพาะได้พันปี” นายน้อยตอบกลับมาอย่างเคารพ
“แค่พันปี …” ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าพึมพำ “พันปีนั้นสั้นแค่ไหนกัน ? มันอาจจะแค่พริบตาเดียว แต่เจ้ากลับขึ้นมาเป็นราชาเทพช่วงปลายได้ แม้แต่ทั่วโลกเซียนก็มีคนแค่หยิบมือที่มีพรสวรรค์มากมายเช่นเจ้า มันไม่ได้แย่หากเทียบกับข้าในอดีต หากข้าสร้างมิติใหม่เพื่อให้เจ้าเติบโต อนาคตของเจ้าก็จะไร้ขีดจำกัด”
ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าพูดถูก คนที่ขึ้นมาเป็นราชาเทพช่วงปลายได้ในเวลาพันปีนั้นมีแต่ตัวตนสูงส่งในโลกเซียน คนส่วนมากใช้เวลาหลายหมื่นปี, แสนปีรึอาจจะหลายล้านปีกว่าจะมาถึงระดับนี้ได้
การขึ้นมาเป็นราชาเทพได้ในเวลาสองรึสามร้อยปีแบบเจี้ยนเฉินนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แน่นอนว่าพวกยอดฝีมือที่กลับมาเกิดใหม่นั้นคือข้อยกเว้น
ผลก็คือใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าพอใจกับความสำเร็จของนายน้อยอย่างมาก เขาถึงกับภูมิใจในเรื่องนี้
“มันเพราะท่านพ่อให้การสนับสนุน” นายน้อยประกายดาวถ่อมตัว แต่อันที่จริงแล้วเขาเองก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน
“ดี” ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เขามองไปที่นายน้อยด้วยความรู้สึกซับซ้อนและพูดขึ้น “เทียนเหยา การบ่มเพาะไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงได้ ดังนั้นมันจึงได้เวลาที่เจ้าจะออกไปฝึกฝนภายนอก เจ้าไม่อาจจะกลับมาได้จนกว่าเจ้าจะขึ้นไปถึงขอบเขตตั้งต้น เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ”
“ตามที่ท่านพ่อต้องการ..”
“เจ้าห้ามเอาคนไปกับเจ้าด้วย ข้าจะให้เจ้าเอายอดฝีมืออสงไขยไปด้วยได้แค่คนเดียว จำไว้ให้ขึ้นใจ…”
…
หลังจากที่นายน้อยกลับออกมาแล้ว ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าก็มองออกไปภายนอกด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาพึมพำกับตัวเอง “เพื่อแผนการที่ยิ่งใหญ่ ข้าได้แต่สละเจ้า เทียนเหยา…”
จู่ ๆ ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าเหมือนจะมองเห็นบางอย่าง เขามองเข้าไปในอนาคตของนายน้อยประกายดาวเพื่อวางแผนชีวิตและการจัดการต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเส้นทางในอนาคตของนายน้อยนั้นเป็นไปตามที่เขาวางแผนเอาไว้
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจอมปราชญ์สูงสุดอนัตตา ข้าไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับมันได้มากนัก ข้าไม่อาจจะทำมันชัดเจนเกินไปได้ด้วย ข้าต้องระวังกับทุกอย่าง..”
นายน้อยประกายดาวได้กลับมาหาเหล่าสตรี เขามองไปที่อิสตรีรอบตัวและรู้สึกเริ่มไม่เต็มใจ
เขาเข้าใจว่าเขาไม่อาจจะนำผู้หญิงไปกับเขาได้เพราะคำสั่งของพ่อเขา เขาไม่อาจจะทนรับความโกรธจากพ่อเขาได้
นายน้อยประกายดาวรู้สึกกลัวใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าอย่างมาก
ยังไงซะ ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าก็เป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 คนที่เป็นรองแค่จอมปราชญ์สูงสุด เขาอยู่คนละระดับกับพ่อของเขา พ่อของเขาแข็งแกร่งพอที่จะบดขยี้ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอกว่า
“ข้ากำลังจะออกไปฝึกฝนด้านนอก ดังนั้นข้าอาจจะอยู่กับพวกเจ้าไม่ได้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” นายน้อยพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจ เขามองไปที่สาวงามรอบตัวด้วยสายตาหื่นกระหาย
“ฮิฮิ นายน้อยประกายดาว ให้ข้าดูแลท่านในคืนนี้เพื่อเป็นของขวัญการจากลา….” ทันใดนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา
ในหมู่ผู้คน เต๋ากงหมิงดูดีใจขึ้นมาทันที เขารีบพูดขึ้น “นายน้อย ที่ราบเมฆานั้นมีที่เหมาะสมให้ท่านไปฝึกฝน”
“ดี ข้าจะไปที่ราบเมฆในวันพรุ่งนี้…”
….
“อาจารย์จากไปแล้ว ! ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวรายล้อมไปด้วยแสงสว่าจ้าลอยอยู่ในมิติส่วนนอกในโลกเซียน นางมาพร้อมกับทะเลดวงดาวและกฎที่สั่นพ้องไปพร้อมกับนางราวกับว่านางหลอมรวมกับมิติโดยรอบ
นางคือองค์หญิงใหญ่ของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง
เศษดาวเคราะห์มากมายลอยอยู่ในทะเลดวงดาวที่ซึ่งอี้ซินยืนอยู่ มิติที่นั่นเองก็เพิ่งสงบลงเช่นกัน
“แล้วเจ้ายังไม่คิดอยากจะกลับไปรึ ? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าอีกต่อไปแล้ว ! ” ทันใดนั้นเอง อี้ซินก็พึมพำออกมาและยื่นมือเข้าไปในมิติ แขนของนางได้หายไปทั้งแขน
ในเวลาเดียวกันก็มีพลังงานอันน่ากลัวเพียงพอที่จะทำให้สิ้นหวังได้ปะทุขึ้นมาในเขตใต้ของที่ราบเมฆา มันทำให้ทั้งเขตสั่นไหวอย่างรุนแรง มันถึงกับทำให้ที่ราบเมฆาทั้งหมดสั่นไหวไปด้วย
ท้องฟ้าเหนือจักรวรรดิปิงเทียนแตกสลายออกและมีมือหนึ่งที่อัดแน่นขึ้นจากพลังงานได้พุ่งลงมามุ่งหน้าสู่ตระกูลเทียนหยวน
ปัง ปัง ปัง !
ค่ายกลรอบตระกูลเทียนหยวนไร้ค่าต่อหน้ามือนี่ ค่ายกลทุกอันต่างก็พังลงเมื่อปะทะกับมือนี้
ตูม !
สุดท้ายมือพลังงานก็ได้เข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์ภายในตระกูลเทียนหยวนแล้วจับตัวหมิงตงไปจากที่นั่น
“องค์หญิงใหญ่ ! ” อีกด้านผู้คุ้มกันของหมิงตงอย่างหมิงเซียได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขามองไปที่มือที่โผล่มาจากท้องฟ้าและแสดงท่าทีเคารพออกมา เขารีบโค้งให้และไม่กล้าที่จะห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย