ตอนที่ 2558 : การเปิดตัวของมิติบรรพกาล
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า เหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้ช่วยเจ้าก็เพราะเขา ไม่งั้นแล้วเจ้าจะไม่อาจจะมีชีวิตรอดได้เมื่อบุกรุกเข้ามาในที่ซึ่งข้าบ่มเพาะเพียงลำพัง” หัวหน้าพิรุณพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางไม่ได้สนใจคำขอบคุณของ เจี้ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไรอีก เขาบอกได้จากท่าทีของหัวหน้าพิรุณว่าเหตุผลเดียวว่าทำไมเขาถึงได้มีชีวิตรอดก็เพราะคนลึกลับ ไม่งั้นแล้ว หัวหน้าพิรุณคงไม่มีทางไว้ชีวิตเขาแน่ แม้ว่านางจะรู้ว่าวิญญาณของเขาจะพิเศษและได้หลอมรวมกับพลังบรรพกาลแล้วก็ตาม
แต่เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าคนลึกลับที่ว่านั้นคือใคร ผลก็คือเขาไม่คิดจะคิดเกี่ยวกับตัวตนลึกลับนั้นอีกต่อไป
“สำหรับลัทธิปิศาจชั้นฟ้าแล้ว ฮึ่ม พวกมันได้ขโมยกล้วยไม้ห้าธาตุของข้าไปพร้อมกับโคลนวิญญาณและน้ำวิญญาณจำนวนมาก ทั้งหมดมันมาจากโลกจิ๋วหยานหวง พวกมันมีค่าไม่อาจจะวัดได้ หากพวกมันไม่ให้คำอธิบายที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่” เสียงของหัวหน้าพิรุณนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและแค้นเคืองเมื่อพูดถึงลัทธิปิศาจชั้นฟ้า
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ถูกสั่งให้ออกมาจากที่นั่น
เจี้ยนเฉินได้ออกมาจากที่ซึ่งหัวหน้าพิรุณบ่มเพาะอยู่ เมื่อนางมาถึงตรงหน้าค่ายกลป้องกันรอบเขตหวงห้าม ค่ายกลก็ฉีกออกเอง เผยให้เห็นอุโมงค์กว้างกว่า 3 เมตรซึ่งนำไปสู่โลกภายนอก
เจี้ยนเฉินผ่านค่ายกลมาได้อย่างง่ายดายและปรากฏตัวในพระราชวัง
ชายวัยกลางคนดูสูงส่งเหมือนจะรอเขาอยู่นานแล้ว ชายคนนั้นสวมชุดมังกรรออยู่ตรงหน้าเขา
เขาคือจักรพรรดิของจักรวรรดิเมฆทวี เย่อี้หาน
ราวกับว่าเขามารอเจี้ยนเฉินโดยเฉพาะ ตาเขาเป็นประกายขึ้นมาและมองมาที่เจี้ยนเฉิน ก่อนจะพูดขึ้น “หัวหน้าได้สั่งการให้ข้าพาเจ้าออกไปจากที่ราบสำราญอย่างปลอดภัย มากับข้า”
แต่ทันทีที่เจี้ยนเฉินออกมาจากเขตหวงห้ามมา ด้านหลังเย่อี้หานก็เกิดการสั่นไหวของมิติพร้อมกับยอดฝีมือหลายสิบคนซึ่งอายุแตกต่างกันไปปรากฏตัวขึ้นมาล้อมรอบตัวเจี้ยนเฉินเอาไว้
พวกนั้นต่างก็แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา ทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้น พวกนั้นมีทั้งยอดฝีมืออสงไขยและยอดฝีมือบรรพกาล
“ทำไมต้องเป็นเขา ? ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ ? ”
“จักรพรรดิ ชายคนนี้ร่วมมือกับลัทธิปิศาจชั้นฟ้า ตอนนี้ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าได้กลายเป็นศัตรูกับจักรวรรดิของเราแล้ว เราไม่อาจจะปล่อยเขาออกไปได้ เราต้องกำจัดเขาเดี๋ยวนี้”
“จักรพรรดิ โปรดกำจัดชายคนนี้เสียเดี๋ยวนี้”
….
ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเย็นชาและอาฆาต
สีหน้าของเย่อี้หานหม่นลง เขาแสดงอำนาจในฐานะผู้ปกครองออกมาและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ข้ารับคำสั่งจากหัวหน้าให้พาเขาออกจากที่ราบสำราญอย่างปลอดภัย ทำไมพวกเจ้าถึงต้องมาขวางข้าด้วย ?”
“อะไรนะ ? หัวหน้างั้นรึ ? ”
สีหน้าของยอดฝีมือต่างก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินแบบนั้น คำพูดนี้ราวกับมีเวทย์มนต์ที่ทำให้พวกเขาตะลึง “เขาบุกรุกเข้าเขตหวงห้าม แต่หัวหน้ากลับไม่ฆ่าเขารึ ? นะ นี่มันไม่มีเหตุผลเลย…”
“ชายคนนี้ร่วมมือกับลัทธิปิศาจชั้นฟ้า ลัทธิปิศาจชั้นฟ้าได้สร้างความเสียหายให้กับจักรวรรดิของเราอย่างมาก...”
ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นหลายพคนพึมพำออกมาโดยที่จิตสังหารที่พวกเขาแผ่ออกมาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับยอมรับความจริงเรื่องนี้
“หากเจ้าต้องการฆ่าข้าก็ไปหาข้าที่ที่ราบเมฆา แต่ยอดฝีมืออสงไขยนั้นอาจจะฆ่าข้าไม่ได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นอย่างใจเย็นโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เมื่อกฎมิติของเขาขึ้นไปถึงขอบเขตตั้นต้นแล้ว ความมั่นใจเขาก็เพิ่มขึ้นไปด้วย ด้วยกฎมิติและกฎแห่งกระบี่รวมกับทักษะต่าง ๆ ที่เขามีแล้ว เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการกับเหล่ายอดฝีมืออสงไขยได้ทุกคน
หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือขอบเขตตั้งต้น เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“กฎมิติ ! ” สายตาของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นรอบตัวเจี้ยนเฉินต่างก็พากันหรี่ลง
“ไม่ ทำไมกฎมิติของเขาถึงได้ต่างจากกฎมิติที่ข้าเคยเห็นในอดีต ? เขาไม่ได้สร้างพลังงานใด ๆ ออกมาเลย” ยอดฝีมือบรรพกาลคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด สีหน้าของเขาค่อนข้างแปลกใจ
“เขาไปถึงเมืองที่ห่างไปกว่าสิบล้านกิโลเมตรแล้ว แปลก ทำไมเขาถึงไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เมื่อใช้กฎมิติ ? มันถึงกับไม่มีพลังของกฎมิติหลงเหลืออยู่ด้วยซ้ำ..”
แม้แต่เย่อี้หานก็แปลกใจ เขามองไปยังจุดที่เจี้ยนเฉินหายตัวไปและเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมา “นะ นี่มันเหมือนกับความสามารถของจักรพรรดิแมลงมิติ มีแค่จักรพรรดิแมลงมิติที่เกิดมาโดยเข้าใจมิติได้ที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบงันโดยไม่อาจจะมีใครรับรู้ได้….”
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็พบค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลและได้ทำการออกจากที่ราบสำราญทันที
ด้วยการที่มีเฮยหยาอยู่ข้างกาย เขาก็ได้ยืนยันได้ว่าไม่มีใครอื่นที่เขารู้จักอยู่ในที่ราบสำราญ ไม่ว่าจะเป็นซูหรานหรือผู้พิทักษ์จากตระกูลเทียนหยวนต่างก็ออกจากที่ราบสำราญไปพร้อมกับลัทธิปิศาจชั้นฟ้าแล้ว ชัดแล้วว่าเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ยอดฝีมือของจักรวรรดิเมฆทวีไม่ได้หยุดเจี้ยนเฉินเอาไว้ ซึ่งทำให้เขากลับที่ราบเมฆาได้อย่างราบรื่น
ทันทีที่เขากลับมา ซูหราน, นูบิส, หมิงตง, ซีหยู และคนอื่น ๆ ต่างก็พากันแห่เข้ามาหาเขา พวกนั้นรีบเข้ามาหาเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ซูหราน, นูบิส และผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ได้กลับมาเมื่อสามวันก่อน
“เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกขังไว้ในจักรวรรดิเมฆทวีของที่ราบสำราญ หากเจ้ายังไม่กลับมา ข้าคิดจะกลับไปที่นั่นและเรียกกำลังเสริมเพื่อที่เราจะได้ฝ่าเข้าไปในจักรวรรดิเมฆทวี” หมิงตงพูดขึ้นมา เขาเองก็โล่งอกที่เจี้ยนเฉินกลับมาได้อย่างปลอดภัย
หากไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจากซูหราน หมิงตงคงไม่รอจนถึงตอนนี้ เขาจะกลับไปที่พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงเพื่อขอกำลังเสริมไปนานแล้ว
“น้องชาย เจ้าทำให้ข้ากังวล โชคดีที่หัวหน้าผู้อาวุโสไม่ได้หลอกเรา หัวหน้าพิรุณของจักรวรรดิเมฆทวีนั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้า” นูบิสถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินเข้ามาข้างกายเจี้ยนเฉิน เขาแอบกระซิบออกมา “ใช่สิ เจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับหัวหน้าพิรุณ ? ทำไมคนที่แข็งแกร่งอย่างหัวหน้าพิรุณถึงไม่ได้ทำอะไรเจ้า ? ”
เจี้ยนเฉินไม่ได้เล่ารายละเอียดในสิ่งที่เขาเจอมา เขาแค่ตอบกลับง่าย ๆ ก่อนที่จะขอตัวออกไปบ่มเพาะ
เขาก้าวหน้าอย่างมากในด้านกฎมิติ แต่เขายังไม่อาจจะดูดซับวิญญาณของจักรพรรดิแมลงมิติได้ทั้งหมด วิญญาณส่วนมากยังคงหลงเหลืออยู่ในทะเลสติ เขาต้องตรวจสอบสถานการณ์ทันทีเพื่อดูว่าพลังงานที่เหลือนั้นจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่
…..
บนที่ราบรุ่งโรจน์ไกลออกไป ใจกลางที่นั่นมีพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงตั้งอยู่ มีร่างอันพร่ามัวถูกบดบังด้วยแสงนั่งอยู่บนชั้นสูงสุด
ร่างนี้คือหนึ่งในเจ็ดอัครสูงสุดของโลกเซียน อัครสูงสุดอนัตตา !
ทันใดนั้นเอง อัครสูงสุดอนัตตาก็ลืมตาขึ้น นางมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสายตาเย็นชา สายตาของนางเหมือนกับมองทะลุทุกอย่างได้ซึ่งนางมองจุดกำเนิดของโลกออก
“ในที่สุดมิติบรรพกาลก็เปิดออก” อัครสูงสุดอนัตตาพูดขึ้นเบา ๆ เสียงของนางราวกับมีทุกเสียงในโลกแฝงอยู่ซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกได้ว่าเป็นเสียงอะไรบ้าง
พลังได้ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของนาง มันสามารถมองดูทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้
“ไป่หรง ไปยังที่ราบเมฆาและไปรับศิษย์น้องของเจ้ามา”
“เจ้าค่ะ อาจารย์ ! ”