ตอนที่ 2552 : เผชิญหน้ากับหัวหน้า
“ฮึ่ม เจ้ากล้าดีจริง ๆ ที่หมายตาวิญญาณของ จักรพรรดิแมลงมิติ” หัวหน้าพิรุณยืนอยู่ด้านนอกเขตหวงห้ามพร้อมกับพลังเมฆและฝนวนรอบตัวพร้อมกับสายฟ้าที่สั่นไหว นางได้ยื่นมือออกมาพร้อมกับเจี้ยนเฉินที่ลอยออกมาจากมิติแช่แข็ง ก่อนที่ร่างของเขาจะเข้ามาในมือของนาง
“เย่อี้หาน ! ” หัวหน้าพิรุณตะโกนออกมา เสียงของนางดังตรงเข้าไปในหัวของเย่อี้หานทันที
เย่อี้หานในชุดมังกรได้ปรากฎตัวตรงหน้าหัวหน้าพิรุณ เขาเป็นจักรพรรดิที่ควรจะมีฐานะสูงส่ง แต่เขากลับไม่กล้าจะเงยหน้าแม้แต่น้อยในตอนนี้ เขาถึงกลับกลัวว่าจะหายใจแรงเกินไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดออกมาด้วยท่าทีสุภาพ “คำนับหัวหน้า ! ”
“ข้าให้เจ้าจัดการกับคนผู้นี้ ! ” หัวหน้าพิรุณพูดขึ้น นางไม่ได้มองไปที่เย่อี้หานเลยแม้แต่น้อยและโยนเจี้ยนเฉิน ให้กับเขา
ตอนนี้ตาของเจี้ยนเฉินยังปิดอยู่ เลือดไหลออกมาจากตาของเขา วิญญาณของเขาบาดเจ็บและสมาธิทั้งหมดก็เพ่งไปที่ทะเลสติ เขากำลังเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแมลงมิติ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะสนใจโลกภายนอกได้
แต่เดิมแล้ว จักรพรรดิแมลงมิติน่าจะหลับไปเพราะยาวิญญาณด้านชา แต่ตอนนั้นมันกลับได้ความฉลาดกลับมาและต่อต้านผลของยานี้ได้ มันไม่ได้หมดสติไปในทันที ซึ่งเป็นปัญหาต่อเจี้ยนเฉินอย่างมาก
สุดท้ายเมื่อจักรพรรดิแมลงมิติเงียบไปเพราะผลของยา พลังวิญญาณของเจี้ยนเฉินเองก็หมดไปเช่นกัน จนทำให้เขาหมดสติไป
“วิญญาณของจักรพรรดิแมลงมิตินั้นแข็งแกร่ง ไม่นานมันจะกินพลังวิญญาณของข้าหมด” นี่คือความคิดสุดท้ายของเจี้ยนเฉิน ด้วยการที่พลังวิญญาณของเขาหมดไปและการที่วิญญาณเขาบาดเจ็บ แรงต้านทานที่มีต่อยานั้นก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน
สุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะทานทนได้และหมดสติไป เขาไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงโลกภายนอก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตกอยู่ในกำมือของหัวหน้าพิรุณ
เย่อี้หานมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาอาฆาต การโจมตีจากลัทธิปิศาจชั้นฟ้าทำให้จักรวรรดินั้นเสียหายอย่างมาก พวกเขาต้องเสียพวกระดับสูงไปหลายคนและถึงกับมียอดฝีมือบรรพกาลด้วย เป็นธรรมดาที่เขาจะเกลียดลัทธิปิศาจชั้นฟ้าเข้ากระดูกดำ ดังนั้นเขาจึงแผ่แรงอาฆาตมากมายออกมาจากตัว
“หัวหน้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการกับเขาอย่างเหมาะสม เรามีหลาทางที่จะจัดการกับเชลยศึก” เย่อี้หานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถึงเขาจะแค้นเคืองและหงุดหงิดมากแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้าจะแสดงมันออกมาต่อหน้าหัวหน้าพิรุณ
เย่อี้หานมองไปที่เจี้ยนเฉิน หลังจากที่มองไปที่อีกฝ่ายสักพัก เขาก็มองออกว่าเจี้ยนเฉินสวมหน้ากาก เขาได้ถอดหน้ากากออกทันที
ทันทีที่ถอดหน้ากากออก พลังของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป เขาได้แผ่พลังแบบเดิมออกมา
“หืม ? ” เย่อี้หานแปลกใจขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจเจี้ยนเฉิน แต่กลับทำการศึกษาหน้ากากในมือ ในฐานะผู้ปกครองจักรวรรดิแล้ว เย่อี้หานนั้นรอบรู้อย่างมาก เขาบอกได้ว่าหน้ากากนี้โดดเด่นในทันที มันคือของที่ล้ำค่า
หลังจากนั้นเขาก็ส่งหน้ากากให้กับหัวหน้าพิรุณและพูดขึ้นมา “หัวหน้า หน้ากากนี้มันค่อนข้างพิเศษ”
หน้ากากลอยเข้าในมือของหัวหน้าพิรุณ หลังจากที่ตรวจสอบหน้ากากดูแล้ว นางก็พูดขึ้นมา “หน้ากากนี้พิเศษจริง ๆ มันสามารถปกปิดพลังของคนที่ใส่มันได้ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะมองออกได้” หัวหน้าพิรุณหันกลับมาและมองไปที่เจี้ยนเฉินที่หมดสติอยู่ด้วยสายตาเย็นชาที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาที่พร่ามัวของนาง
นางแค่มองผ่าน ๆ แต่นั่นไม่ใช่เพราะนางสนใจเจี้ยนเฉิน อันที่จริงด้วยระดับการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาไม่ได้ต่างจากมดในสายตาของยอดฝีมือแบบนาง หากไม่ใช่เพราะหน้ากากที่โดดเด่นนี่ เขาคงไม่อาจจะได้รับความสนใจจากนางได้
แต่เมื่อหัวหน้าพิรุณเห็นใบหน้าของ เจี้ยนเฉิน สายตาอันเย็นชาของนางจู่ ๆ ก็หรี่ลง
“ทำไมถึงเป็นเจ้าไปได้ ? ” หัวหน้าพิรุณพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความแปลกใจ เย่อี้หานสับสน เขาทำได้แค่มองไปที่เจี้ยนเฉินและตรวจสอบอีกฝ่าย เขาไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาสับสนอย่างมาก
คำพูดของหัวหน้าพิรุณทำให้เย่อี้หานคิดถึงหลาย ๆ อย่าง หัวหน้าพิรุณรู้จักชายคนนี้งั้นหรือ ?
แต่ถึงเขาจะสงสัยแต่เขาก็ไม่กล้าจะถามออกอะไรออกมา
“เจ้ากลับไปได้แล้ว” หัวหน้าพิรุณพูดขึ้น น้ำเสียงของนางกลับไปเย็นชาดังเดิม หลังจากนั้นนางก็ใช้มือข้างหนึ่งยกตัวเจี้ยนเฉินขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในเขตหวงห้าม
โถงศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าลอยอยู่ในมิติส่วนหนึ่งของโลกเซียน
ที่ชั้นสูงสุดของโถงศักดิ์สิทธิ์ หัวหน้าผู้อาวุโส เซิ่งหมิง ได้ยืนอยู่เพียงลำพังในห้องลับที่มีค่ายกลอันซับซ้อนถูกสลักไว้ที่พื้น
เซิ่งหมิง ได้ใช้เหรียญผลึกขั้นสูงสุดเพื่อเปิดการทำงานของค่ายกล
ทันใดนั้นเองค่ายกลก็เปล่งแสงออกมาก่อนจะเกิดเป็นจอแสงอัดแน่นขึ้น ร่างอันพร่ามัวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาภายในจอแสงนั่นก่อนที่สุดท้ายจะชัดเจนขึ้นมา
เขาคือผู้อาวุโสของลัทธิปิศาจชั้นฟ้า โมเทียนหยุน
“คำนับนายท่าน ! ” เซิ่งหมิงคุกเข่าลงไปกับพื้นและก้มหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่าทีของเขาดูเคารพอย่างมาก
“เซิ่งหมิง ของทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้วรึ ? ” เสียงของโมเทียนหยุนดังก้องขึ้นมาจากจอแสง เขาดูใจเย็นอย่างมาก
“นายท่าน วัตถุดิบทั้งหมดถูกรวบรวมมาแล้ว แม้แต่โคลนวิญญาณและน้ำวิญญาณก็ถูกเก็บมาจากจักรวรรดิเมฆทวี” เซิ่งหมิงพูดขึ้น
“ดี” โมเทียนหยุนแสดงท่าทีพอใจออกมา น้ำเสียงของเขาถึงกับแฝงไปด้วยความตื่นเต้น เขาได้พูดขึ้น “เซิ่งหมิง ไปสร้างร่างของเจ้าก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดต่อข้า แล้วข้าจะให้ที่อยู่ของข้ากับเจ้า เพื่อให้เจ้ามาส่งวัตถุดิบทั้งหมดด้วยตัวเอง”
“ขอรับ นายท่าน ! ” หลังจากที่ลังเลไปชั่วครู่ เซิ่งหมิงก็พูดต่อ “แต่อาจารย์ มันมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นตอนที่เราโจมตีจักรวรรดิเมฆทวีซึ่ งทำให้เจี้ยนเฉินติดอยู่ที่นั่น เขากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย”
โมเทียนหยุนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น หลังจากที่คิดชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นมาช้า ๆ “ฟูหยูได้กลับที่จักรวรรดิเมฆทวีแล้วรึ ? “
“หัวหน้าพิรุณกลับมาแล้ว” เซิ่งหมิงตอบกลับ
“เมื่อฟูหยูกลับมาแล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินนั้นมีฟานหยุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อไว้หน้าฟานหยุนแล้ว ฟูหยูไม่อาจจะแตะต้องเจี้ยนเฉินได้ “
** TL Note: ฟูหยูกับฟานหยุนนั้นเหมือนจะเป็นเชื่อแต่อันที่จริงแล้วมันเป็นคำพ้องกับคำว่า พิรุณโลหิต และ เมฆทวี ที่เป็นชื่อค่ายกล มันเป็นสำนวนที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ในภาษาจีน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรอธิบายชัดเจนในนิยายแต่หากอ่านต่อไปก็อาจจะเข้าใจเนื้อเรื่องและที่มาของมันต่อได้
….
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาภายในเขตหวงห้าม ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาจากวิญญาณซึ่งทำให้เขาหน้าซีดไปในทันที
ความเจ็บนี้ส่งตรงมาจากวิญญาณของเขา
เจี้ยนเฉินตรวจสอบแหวนมิติและพบว่ามันยังอยู่บนนิ้วของเขาอยู่ ผลก็คือเขาได้เอายาและสมบัติสวรรค์ที่สามารถฟื้นฟูวิญญาณออกมากินเพื่อทุเลาความเจ็บปวด
แต่นี่ช่วยได้แค่ชั่วครู่ การบาดเจ็บทางวิญญาณนั้นยากที่จะฟื้นฟูได้ หากเขาต้องการฟื้นฟูอย่างเต็มที่แล้ว มันคงยากกว่าการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทางร่างกาย
“โชคดีที่จักรพรรดิแมลงมิติยังหลับอยู่” หลังจากที่ตรวจสอบในทะเลสติของตัวเองอีกครั้ง เจี้ยนเฉินก็โล่งอกได้ชั่วคราว แต่เขารู้ว่าจักรพรรดิแมลงมิตินั้นจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้า เขาต้องหาทางดูดซับมันก่อนที่มันจะตื่นขึ้นมาไม่งัน้แล้วอาจจะเกิดผลกระทบที่ตามมาได้
ตอนแรกเขามีหัวหน้าผู้อาวุโสจากลัทธิปิศาจชั้นฟ้าคอยช่วยในการดูดซับวิญญาณสัตว์อสูรแต่ตอนนี้เขาต้องพึ่งตัวเอง
เจี้ยนเฉิน พยายามลุกขึ้นนั่งก่อนจะสังเกตรอบตัว สุดท้ายสีหน้าเขาก็ดูแปลกไป สุดท้ายใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา
ทุกอย่างรอบตัวเขาดูคุ้นตา นี่ไม่ใช่ที่ซึ่งหัวหน้าพิรุณบ่มเพาะอยู่รึ ?
เจี้ยนเฉินใจหายวูบเมื่อรู้ว่าเขาได้กลับมายังที่ซึ่งหัวหน้าพิรุณทำการบ่มเพาะหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากล้วยไม้ห้าธาตุนั้นมีค่ามากขนาดไหนกัน ? ” ตอนนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมา
เจี้ยนเฉินใจเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาค่อย ๆ หันกลับไปมองด้านหลัง เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าง ๆ กับบ่อที่เคยปลูกกล้วยไม้ห้าธาตุเอาไว้
นางสวมชุดสีขาว นางดูราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ นางทำให้ฉากที่นั่นดูงดงามขึ้นมา
ตอนนั้นนางยืนหันหลังให้กับเจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจจะเห็นใบหน้าของนางได้ ผมสีดำเป็นประกายพาดลงมาจนถึงเอวของนาง