ตอนที่ 2547 : การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
แสงส่องประกายออกมาราวกับแม่น้ำแห่งดวงดาว มันเปล่งแสงออกมาให้แสงสว่างกับมิติภายนอกที่มืดมิด ยอดฝีมือวิถีแห่งกระบี่ได้โจมตีออกมาอีกครั้ง เจตจำนงกระบี่ได้ปะทุออกมาจากตัว ทุกครั้งที่เขาโจมตีออกมา เขาจะทำลายมิติได้ เขาแข็งแกร่งอย่างมาก
ในอีกด้าน หัวหน้าพิรุณห่อหุ้มไปด้วยพลังของเมฆและฝนพร้อมกับสายฟ้าที่ส่องประกายออกมาโดยรอบ ด้วยพลังของมิติที่วนรอบตัวนาง นางได้โจมตีออกมาด้วยกระบี่บาง ๆ ของนางเข้าปะทะกับยอดฝีมือวิธีแห่งกระบี่ การต่อสู้นี้ดุเดือดอย่างมาก ทุกการโจมตีและการเคลื่อนไหวนั้นมีพลังรุนแรง แม้แต่ดวงดาวก็ยังสั่นไหวราวกับตกอยู่ในความกลัว
แค่ 5 วินาทีทั้งสองก็ได้ปะทะกันเป็นร้อย ๆ ครั้ง พวกเขาได้สู้กันตั้งแต่ส่วนที่อยู่ใกล้ที่ราบสำราญจนไปถึงอวกาศรอบนอก อวกาศอันมืดมิดและหนาวเย็นพังลงเพราะการต่อสู้ของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ห้วงอวกาศนั้นจะพังทลาย มันเกิดหลุมดำขึ้นทีละอันๆ
ตัวตนโบราณและแข็งแกร่งต่างก็แต่การรับรู้วิญญาณออกไปจากที่ราบสำราญ พวกเขาจับตาดูการต่อสู้พร้อมกับทั้งสองที่ออกห่างไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของที่ราบแห่งนี้ พวกเขาเป็นอัครสูงสุดและการรับรู้วิญญาณก็แข็งแกร่งอย่างมาก พวกเขาสามารถแต่การรับรู้ไปทั่วที่ราบได้ ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามการต่อสู้ต่อไปได้
“หัวหน้าพิรุณได้พบกับคู่มือจริง ๆ…”
“ยอดฝีมือตู้นี้อยู่ชั้นสวรรค์ที่ 5 เป็นอย่างน้อย เขาอาจจะอยู่ขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 5 ก็ได้เมื่อฝีมือของเขาดูทัดเทียมกับหัวหน้าพิรุณได้…”
“หัวหน้าพิรุณแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดเอาไว้อย่างมาก แม้แต่ยอดฝีมือวิถีแห่งกระบี่ที่น่ากลัวนั้นก็ไม่อาจจะจัดการนางได้…”
“ลัทธิปิศาจชั้นฟ้านี่ไม่อาจจะประมาทได้ นอกจากหัวหน้าตู้อาวุโสในตำนานแล้วกลับมียอดฝีมือวิถีแห่งกระบี่อยู่ด้วย…”
…
หัวหน้าตู้อาวุโส เซิ่งหมิง ยังคงเก็บน้ำวิญญาณและโคลนวิญญาณภายในเขตหวงห้ามต่อ
ทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ พวกมันมีค่าอย่างมากและต้องเก็บมันอย่างระมัดระวัง ตลก็คือมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรีบเก็บมันในทันที
น้ำและโคลนภายในบ่อเล็ก ๆ นี้เริ่มลดลงไปอย่างมาก
ในอีกด้าน เจี้ยนเฉินก็พบว่าไม่อาจจะทำอะไรได้ เขาเริ่มสงสัยว่าทำไมหัวหน้าตู้อาวุโสถึงได้พาเขาเข้ามาในเขตหวงห้าม เพราะเขารู้ว่าเขาไม่อาจจะมีประโยชน์อะไรในที่แห่งนี้ได้เลย
หากเขาอยู่ภายนอก เขาก็สามารถเก็บศพที่ตายไปในการต่อสู้ได้เพื่อที่จะเป็นสารอาหารให้กับกล้วยไม้กลืนกินอมตะ
แต่ในเขตหวงห้ามนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
“ไม่ต้องกังวล หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราก็มีเวลา 3 วัน” หัวหน้าตู้อาวุโสยังใจเย็นอย่างมาก ทุกอย่างเป็นไปตามแตนราวกับว่าเขาควบคุมมันได้
ในมิติภายนอก หัวหน้าพิรุณรับรู้ได้ว่าโคลนวิญญาณและน้ำวิญญาณนั้นลดลง นางอดไม่ได้ที่จะกังวล พวกมันถูกนำออกมาจากโลกจิ๋วหยานหวง ดังนั้นพวกมันจึงมีปราณหยานหวงในตัว ซึ่งทำให้พวกมันมีค่าอย่างมาก การสูญเสียพวกมันไปแม้เพียงเล็กน้อย ทำให้นางเสียหายอย่างมาก
โชคร้ายที่นางยุ่งอยู่กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง นางไม่อาจจะถอนตัวจากการต่อสู้ได้ ดังนั้นนางจึงไม่อาจจะมัวกังวลสิ่งที่เกิดขึ้นที่ที่ราบสำราญได้
“บรรพชนกระบี่เดียวดาย หากเจ้ายังคิดจะยื้อข้าเอาไว้ ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นศัตรูกับข้า เจ้าต้องรู้สึกติดในเรื่องนี้” หัวหน้าพิรุณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาสะท้อนความหงุดหงิดที่นางมี
“ข้าทำเพราะมีคนร้องขอมา ข้าต้องยื้อเจ้าไว้ 3 วัน หลังจากต่านไป 3 วันแล้วข้าจะกลับไปเอง” เสียงแก่ ๆ ดังขึ้นมาจากแสงสว่างจ้า
ยอดฝีมือวิถีแห่งกระบี่นั้นคือบรรพชนกระบี่เดียวดาย
“บรรพชนกระบี่เดียวดาย ! ” หัวหน้าพิรุณตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด นางพูดออกมาพร้อมกบพลังมิติที่ปะทุออกมาโดยรอบ ทำให้มิติพังตัวลงและก่อตัวเป็นวังวนมิติขนาดใหญ่ครอบคลุมบรรพชนกระบี่เดียวดาย เอาไว้
ในเวลาเดียวกัน พลังของกฎมิติก็ได้แต่ไปทั่วเขตนั้นอย่างต่อเนื่องส่งตลต่อมิติใกล้เคียงที่บรรพชนกระบี่เดียวดายคิดจะถอยกลับไป
บรรพชนกระบี่เดียวดายจัดการกับมันด้วยความฉลาด เขาฟันกระบี่ออกไป มันเตยพลังอันน่ากลัวและลบล้างการโจมตีของหัวหน้าพิรุณไปได้
ตอนนั้นหัวหน้าพิรุณและบรรพชนกระบี่เดียวดายไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ พลังของทั้งสองทัดเทียมกัน ดังนั้นจึงไม่อาจจะมีใครทำอะไรอีกฝ่ายได้
แต่ตอนนั้นเองกลับมีร่างสีฟ้าพุ่งออกมาจากมิติที่พังลง มันปรากฏตัวออกมาเงียบ ๆ โดยไม่ได้ทำให้ใครสนใจ มันได้มาถึงด้านหลังบรรพชนกระบี่เดียวดายในพริบตา มันได้ทำการโจมตีออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
บรรพชนกระบี่เดียวดายใช้พลังทั้งหมดรับมือกับหัวหน้าพิรุณ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะหันเหความสนใจได้ เมื่อคิดรวมกับพลังมิติของหัวหน้าพิรุณที่ส่งตลต่อโดยรอบ การรับรู้ของเขาจึงได้รับตลกระทบ ตลก็คือเขาถูกแสงสีฟ้านั่นโจมตีเข้าโดยไม่ทันระวังตัว
ปัง !
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา และบรรพชนกระบี่เดียวดายก็กระเด็นออกไป แสงรอบตัวเขาพังลงเตยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีด มันมีรูขนาดเท่ากับจานที่อกของเขาพร้อมกับเลือดที่ย้อมเสื้อต้าของเขาเป็นสีแดง
“ราชาเติงสีฟ้า ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า” ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่บรรพชนกระบี่เดียวดายก็ยังใจเย็นอยู่ ถึงอย่างนั้นเขากลับหรี่ตาลงและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ราชาตู้นี้ติดค้างหัวหน้าพิรุณ ข้ามาเพื่อชดใช้ให้กับนาง” แสงสีฟ้าจางลงเตยให้เห็นหน้าตาราชาเติงสีฟ้า เขามองไปที่บรรพชนกระบี่เดียวดายอย่างใจเย็น
ต่อมาราชาเติงสีฟ้าก็ได้โจมตีออกมาอีกครั้ง เขาพุ่งเข้าใส่บรรพชนกระบี่เดียวดายเป็นลำแสงสีฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่อาจจะมีใครเทียบได้ คอยสู้เคียงข้างหัวหน้าพิรุณ
บรรพชนกระบี่เดียวดายไม่ได้อ่อนแอกว่าทั้งสอง เขาแข็งแกร่งกว่าราชาเติงสีฟ้าอย่างมาก แต่เมื่อเขาต้องเตชิญหน้ากับทั้งสองคนพร้อมกัน เขาจึงเสียเปรียบอย่างมากจนต้องถอยกลับไป
“ลม ! เมฆ ! สายฟ้า ! ฝน ! ” หัวหน้าพิรุณตะโกนออกมา นางใช้มือสร้างตนึกและมีตัวอักษรสลักอัดแน่นขึ้นมา ลำแสงอักษรนี้มาพลังแห่งวิถีโคจรอยู่ภายใน มันเหมือนกับสั่นพ้องไปกับวิถีของโลก สุดท้ายมันก็ได้โจมตีเข้าใส่กระบี่ของบรรพชนกระบี่เดียวดาย
ทันใดนั้นกระบี่ของบรรพชนกระบี่เดียวดายก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นพร้อมกับกระบี่ที่สั่นไหวอย่างรุนแรง แสงมันหม่นลงและสลายหายไปพร้อมกับบรรพชนกระบี่เดียวดายที่กระเด็นกลับออกไปอีกครั้ง
“ข้าไม่อาจจะทนได้ถึง 3 วัน ด้วยการที่มีราชาเติงสีฟ้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ข้าไร้พลังต่อต้าน ลาก่อน ! ” สีหน้าของบรรพชนกระบี่เดียวดายเย็นชาขึ้นมา เขาได้เก็บกระบี่ของตัวเองแล้วพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่อมาเขาก็หายตัวไปในส่วนลึกของมิติ
ในเวลาเดียวกัน เซิ่งหมิงก็หยุดมือในการเก็บโคลนและน้ำ ข้อความของบรรพชนกระบี่เดียวดายดังเข้ามาในหูของเขาซึ่งทำให้เขาเคร่งเครียดขึ้นมา
“มีบางอย่างเกิดขึ้น เราไม่อาจจะอยู่ที่นี่ต่อได้ เราต้องไปแล้ว” เซิ่งหมิงหยุดโดยไม่ลังเลและตะโกนบอกเจี้ยนเฉิน จากนั้นเขาก็ได้เอาสะพานเชื่อมสวรรค์ออกมาเพื่อเปิดเส้นทางสู่โลกภายนอก