“ท่านอย่าได้ล้อเล่นไป…”
ฟางหยวนส่ายหน้า “การแบ่งผลประโยชน์ภายในตระกูลใหญ่ ๆ ย่อมต้องมีผู้ไม่พึงพอใจ!”
“คำของท่านนั้นถูกต้องเป็นที่สุด!”
โจวตงรู้สึกประหลาดใจที่ฟางหยวนดูมีประสบการณ์และมองโลกอย่างชัดเจน เขาดูเฉลียวฉลาดเกินอายุ
“ข้าเกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องการให้ข้าช่วย?”
ฟางหยวนเป่าควันร้อนกรุ่นจากถ้วยชา มองที่โจวตงแล้วเบะปาก
“ข้าจะไม่ปิดบังความจริงจากท่าน!”
โจวตงทำท่าเปิดเผย “ข้าเตรียมตัวจะกลับไปที่เมืองชิงเย่วันนี้”
“โอ้? ทำไมรึ?”
แม้ฟางหยวนจะรู้สึกระแวง แต่ก็ไม่ปล่อยให้เห็นว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ข้าได้ข่าวเมื่อเช้านี้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ที่เมืองชิงเย่… บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้อาวุโสซ่ง ซ่งอวี้เจว๋ รวมทั้งคนรับใช้ ถูกฆาตกรรมในเมือง คนร้ายนั่นกระทั่งเผาคฤหาสน์ทิ้งด้วย!”
“…” ฟางหยวนทำท่าทางประหลาดใจ “คนร้ายคือผู้ใดกัน?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผู้อาวุโสซ่งเสียสติไปจากการสูญเสียบุตรชาย ทั้งเมืองก็เลยวุ่นวาย…”
โจวตงส่ายศีรษะ การแสดงของฟางหยวนนั้นแนบเนียนเกินไปและโจวตงเองก็ไม่มีเหตุผลให้สงสัยเขา โจวตงไหนเลยจะรู้ว่าฆาตกรเหี้ยมโหดผู้นั้นนั่งอยู่ตรงข้ามเขานี่เอง
ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าโจวตงนั้นรู้สึกยินดีอยู่เงียบ ๆ โจวตงและซ่งจงนั้นมาจากคนละฝ่ายในสำนัก และโจวตงย่อมยินดีในหายนะของซ่งจง
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่รบกวนท่านต่อแล้ว!” ฟางหยวนยิ้มขณะยกถ้วยชาขึ้น
“ไม่เป็นไร!”
โจวตงรู้สึกอับอาย เขาถูกเชิญกลับแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมลุก ให้ความรู้สึกกระอักกระอ่วน
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากถามเอาจากฟางหยวน
โจวตงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงคำนับ
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักที่ท่านได้ช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ข้ายังอยากจะรบกวนอะไรท่านสักอย่างหนึ่งและหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”
“ในเมื่อท่านก็รู้ว่ารบกวน ก็คงไม่ต้องพูดต่อแล้ว!”
ฟางหยวนจิบน้ำชา แทบจะยั่วให้โจวตงโมโหตายไป
โจวตงเห็นอย่างชัดเจนว่าฟางหยวนนั้นมีความสามารถและทำงานได้ดีเยี่ยม แต่เขาก็เฉื่อยชาเป็นที่สุด
แต่โจวตงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากเขา
ซ่งจงกลายเป็นคนเสียสติไปอย่างสมบูรณ์หลังจากสูญเสียบุตรชาย!
โจวตงเกรงว่าตัวเขาเองจะถูกทำร้ายหรือถูกฆ่าได้เมื่ออยู่ตัวคนเดียว!
ซ่งจงกับเขานั้นอยู่ในสำนักเดียวกัน อยู่คนละก๊กคนละหมู่ที่ขัดแย้งกันอยู่แล้ว แม้พวกเขาจะไม่เคยเบาะแว้งกันมาก่อน แต่เขาก็เกรงว่าซ่งจงจะไร้เหตุผลและทำร้ายเขาได้
ปฏิกิริยาของฟางหยวนก็อยู่ในการคำนวณของโจวตง อย่างไรเขาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับโจวตง แถมยังเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ จึงไม่มีเหตุผลให้เขาต้องช่วยเหลือโจวตงต่อไป
โจวตงหายใจลึกและเปิดไพ่ตายออกมา
“ข้าได้ยินมาว่าท่านสนใจในตำรายุทธ์? ก่อนหน้านี้ท่านแลกโสมแดงภูเขากับตำรายุทธ์ 3 เล่ม? ข้าอยู่ที่นี่ช่วยท่านเรื่องตำราพวกนั้นดีหรือไม่?”
“หืม?”
ความสนใจของฟางหยวนถูกเร้าขึ้นมาหลังจากได้ยินโจวตงว่าเช่นนั้น เขายื่นมือซ้ายพยุงโจวตงขึ้นมาและพูด
“ท่านลุกขึ้นมาก่อนแล้วพวกเราค่อยคุยกัน!”
“โอ้?”
โจวตงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงพลังสายหนึ่งที่ไหลบ่ามาทำให้เขาต้องลุกขึ้นขัดกับความตั้งใจของตนเอง
“นี่…”
โจวตงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความสามารถสูงที่สามารถผ่านระดับ [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 5)] มาได้ เขาเป็นผู้ดูแลของสำนักกุยหลิง เพื่อมาถึงระดับนี้ เขาได้ครอบครองวิทยายุทธ์ระดับสูงวิชาหนึ่ง ความสามารถของเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากจากการเจ็บป่วยคราวนี้
แต่ว่า การที่โจวตรงไม่สามารถต้านทานมือเดียวของฟางหยวนที่บังคับให้เขาลุกขึ้น ก็ชัดเจนว่าฟางหยวนเองก็มีความสามารถสูงเช่นกัน
“ข้าสนใจตำรายุทธ์ระดับสูงที่จะช่วยให้ข้าพัฒนาตัวเองได้จริง!”
ฟางหยวนตอบอย่างไม่ลังเล
อย่างไรเสีย เพื่อที่จะผ่านประตูที่หกได้ต่อไป เขาจำต้องฝึกวิชายุทธ์ระดับสูง
“แต่ว่า ข้ายังคงต้องขอปฏิเสธหากท่านต้องการมอบตำราของสำนักกุยหลิงให้ข้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าล้ำเส้นสำนักกุยหลิงและถูกพวกเขาตามล่าจนกว่าจะตาย!”
ฟางหยวนยิ้ม
“นั่นจะได้เป็นไปได้อย่างไร? ข้าย่อมไม่ทำอะไรที่จะเป็นการทำร้ายผู้อื่นและตัวข้าเองเช่นนั้น ต่อให้ข้ามีขวัญกล้าแค่ไหนก็ตาม!”
โจวตงดึงเอาตำรายุทธ์เล่มหนึ่งออกมา “ข้าได้มีโอกาสฝึกตำรากายาเหล็กเมื่อครั้งยังเยาว์วัย และข้าไม่เคยนึกเสียใจเลย เคล็ดวิชานี้สามารถใช้ร่วมกับเคล็ดกรงเล็บอินทรี กลายเป็นเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก อวี้ชิวเหลิ่งนั้นเชี่ยวชาญวิชาอินทรีเหล็กหน้านิ่งและมีชื่อเสียงมากในสำนักฝ่ายใน…”
“โอ้ ข้านึกออกแล้ว!”
ฟางหยวนพยักหน้า เขาจำผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นที่มากับผู้ดูแลหลินตอนที่มาขอถอนหมั้นได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนผู้นั้นเหนือกว่าโจวตงในทุกด้าน ไม่ว่าจะฐานะหรือความสามารถ
เคล็ดกรงเล็บอินทรีนั้นเป็นที่รู้จักแพร่หลายกว่าวิชาฝ่ามือทรายดำ และพลิกแพลงมากกว่ามาก
ตัวอย่างเช่น ใช้การป้องกันด้วยกายาเหล็กเป็นแกนหลักในเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก หรือใช้ในการจู่โจม ก็สามารถสนับสนุนเคล็ดกรงเล็บอินทรี หรือวิชาอื่น ๆ เช่น กรงเล็บคลั่ง และกรงเล็บอินทรียะเยือก แม้แต่ผู้คิดค้นวิชาเดิมนั้นก็อาจจะงวยงงได้กับการฝึกที่ถูกพลิกแพลงได้มากมาย
‘เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก็คล้ายกับเคล็ดการหายใจอย่างหยาบที่มุ่งไปที่การป้องกัน แต่ด้วยความสามารถในการจู่โจมของกรงเล็บอินทรี เคล็ดนี้ก็ค่อนข้างสมดุลแล้ว’
ฟางหยวนรู้สึกพอใจ
ในเมื่อเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กนั้นพบเห็นได้ทั่วไป มีเพียงผู้ที่ผ่านการทดสอบหลายด่านเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเข้ารับการฝึกในสำนัก
ฟางหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้พยายามแย่งชิงตำรานั่น แต่กลับเหลือบมองไปทางโจวตง
“ผู้อื่นมอบของขวัญให้ย่อมต้องมีเรื่องร้องขอ คำเรียกร้องของท่านคืออะไร?”
โจวตงกระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด “ข้าเป็นหนี้ท่านครั้งใหญ่ และยินดีที่จะปีนภูเขากระบี่หรือข้ามทะเลเพลิงโดยไม่แม้แต่กะพริบตา ตำรานี่หาได้เทียบได้ไม่ แต่เพราะว่าโลกช่างโหดร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์กล ดังนั้น ข้าจึงได้แต่ด้านหน้ามาขอร้องท่าน…”
เขาถามเสียงหนัก “ท่านคิดว่าบุตรสาวคนเล็กของข้า เหวินซิน เป็นอย่างไร?”
“หืม..”
ฟางหยวนกลอกตาขณะคิดว่าโจวตงเสนอบุตรสาวให้เขาเพื่อโน้มน้าว
“ปราดเปรียวมาก…”
เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะก่อนจะพูดออกมา
“ดี!”
โจวตงมีน้ำเสียงผ่อนคลายลง “บอกตามตรง บุตรสาวคนสุดท้องของข้าค่อนข้างดื้อรั้น และข้าทำให้นางเชื่อฟังไม่ได้ ทำไมท่านไม่รับบุตรสาวคนนี้ของข้าไว้เป็นศิษย์เล่า?”
“ไม่มีทาง!”
ฟางหยวนส่ายหน้าทันที “จะเป็นไปได้อย่างไร? เป็นอาจารย์ให้บุตรสาวสุดที่รักของท่านน่ะรึ? เชิญท่านไปหาคนอื่นดีกว่า”
เขาไม่ต้องการรับตัวปัญหาเข้ามา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ประทับใจความหน้าทนของโจวตงที่กล่าวข้อร้องขอเช่นนี้ออกมาได้ หาผู้ใดเทียบเทียมได้ยากนัก
นอกจากนี้ เหวินซินดูจะอายุมากกว่าเขาเสียอีก
“ท่านไม่ลองคิดดูก่อนสักนิดหรือ?”
โจวตงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิด ๆ
ให้ฟางหยวนมาเป็นอาจารย์ให้บุตรีของเขาคือสิ่งที่เค้นออกมาได้หลังจากคิดมาทั้งคืน
นี่เป็นแผนการที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ อย่างแรกเลย เขาสามารถมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่นที่ลึกลับและ ‘มีความสามารถ’ อย่างที่สอง บุตรสาวของเขาจะได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ หากไม่นับความสามารถในการฝึกยุทธ์หรือความสามารถอื่น แค่นางได้เรียนรู้วิชาแพทย์จากฟางหยวน และเขาก็คงวางใจได้หากเขาถูกซ่งจงตามล่าจริง
แต่ไม่ว่าเขาจะวางแผนและคาดคำนวณมาเท่าใด เขาก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าบุตรสาวของเขากับฟางหยวนเคยเบาะแวงกันมาก่อน
“ข้าไม่เคยคิดจะรับลูกศิษย์มาก่อน ข้าคิดว่าทางที่ดี ท่านนำของขวัญกลับไปเสียเถอะ!”
ฟางหยวนผลักตำรายุทธ์ออกไปห่างตัว
แม้ว่านางจะดูงามน่ารักขึ้นเมื่อแต่งตัวใหม่ให้ดีและนางย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำสั่งของเขาถ้านางมีฐานะเป็นศิษย์ แต่เขาก็ไม่ต้องการมีผู้หญิงมาไว้ข้างตัวเพื่อสร้างปัญหา
“เฮ่ยยย ลูกสาวข้าช่างไร้โชคเสียจริง! อย่างไรก็เถิด ท่านก็เก็บตำรานี่ไว้ ไม่อย่างนั้นข้าก็เรียกว่าไร้ยางอายจริง ๆ แล้ว…”
โจงตงถอนหายใจยาว
“ขอบคุณท่านมาก สำหรับทุกอย่าง…”
ฟางหยวนนั้นสนใจตำรานั่นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตโจวตงเอาไว้ มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะรับของขวัญไว้ ดังนั้น ภายใต้การยืนกรานของโจวตง เขาก็รับตำราเอาไว้
อันที่จริง เขาไม่คิดเลยว่าโจวตงเองก็พอจะมีคุณธรรมอยู่บ้าง!
โจวตงยิ้มแล้วมองไปรอบ ๆ หลังจากฟางหยวนรับตำราเอาไว้ “ท่านอยู่คนเดียวในหุบเขาลึกไม่มีผู้ใดรับใช้ ให้ข้านำคนรับใช้มาดูแลท่านสักคนแล้วกัน!”
“นั่นไม่จำเป็นหรอก?”
ฟางหยวนปฏิเสธ เขามีความลับมากมายที่หากรั่วไหลออกไปได้อย่างรวดเร็วหากมีผู้อื่นมาอาศัยในหุบเขาร่วมกับเขา
เขาจำต้องปกปิดความลับที่ควรต้องซุกซ่อนไว้ในตอนที่เขายังมีกำลังพอจะปกปิดเอาไว้ได้
“ตกลงตามนี้!”
โจวตงโบกมือและพูดขึ้น “นี่เป็นความปรารถนาของลุงของเจ้า ไม่ต้องกังวล ข้ามีข้ารับใช้ที่เชื่อฟัง แล้วก็ไม่เป็นไรถ้าท่านจะดุด่าหรือลงโทษนางบ้าง!”
เขาลุกขึ้นยืนทันควันก่อนจะเดินออกไปจากหุบเขาราวกับกลัวว่าฟางหยวนจะปฏิเสธการจัดแจงของเขาอย่างนั้น
ฟางหยวนเพิ่งเห็นว่าที่ด้านนอกนั้นมีคนกลุ่มใหญ่รออยู่ พวกนั้นดูราวกับพร้อมที่จะออกเดินทางทุกเมื่อ
“ข้าต้องขอตัวแล้ว!”
โจวตงทำท่าคารวะด้วยความนับถือ คนส่วนใหญ่ของตระกูลโจวตามโจวตงจากไป
“เฮ่ยยย… หลานชายที่ดีงาม..”
ผู้ดูแลหลินเป็นคนสุดท้ายที่จากไป เขามองฟางหยวนด้วยความเสียดาย พูดว่า “นอกจากเหลยเยว่ ข้ายังมีลูกสาวอีกหลายคน… ช่างน่าอายนัก..”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฟางหยวนรู้สึกสับสน ไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้เมื่อมีเงาร่างบอบบางร่างหนึ่งถูกทิ้งเอาไว้หลังจากผู้อื่นจากไป
“คุณหนูโจว?”
เขามองมาเห็นโจวเหวินซินที่มีดวงตาแดงก่ำราวกับเพิ่งร่ำไห้มา นางดูเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเหวินซินดูพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ขณะย่อตัวลงทำการคารวะ “ข้า… ข้าน้อยเอง!”
“อะไรนะ!”
ฟางหยวนตกตะลึงเมื่อเข้าใจแผนของโจวตงได้ในที่สุด เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ดูแลหลินถึงมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้นก่อนจะจากไป
โจวตงโน้มน้าวให้ฟางหยวนรับเหวินซินเป็นศิษย์ไม่ได้ ดังนั้น เขาก็บังคับมอบเหวินซินให้ฟางหยวนด้วยการให้นางมาเป็นคนรับใช้เขา
“นี่มัน!”
เห็นเหวินซินที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ฟางหยวนก็กระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำอย่างไรดี