“ตระกูลโจวจะเชื่อฟังคำชี้แนะของคุณชายน้อย!”
โจวเหวินอู่ให้สัญญาหลังได้ยินคำพูดของฟางหยวน
“วิธีการรักษาของข้านั้นค่อนข้างพิเศษ เมื่อข้าเริ่มลงมือรักษา ห้ามใครคอยดูที่ด้านข้าง นอกจากนี้ มันจะใช้เวลานานสักหน่อยและห้ามถูกรบกวน ถ้าไม่เช่นนั้น ชีวิตของเหล่าโจวจะเป็นอันตราย!” ฟางหยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมถึง… ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเฝ้าดูหรือ? แม้กระทั่งข้า?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว
“ไม่! ข้าได้จัดเตรียมห้องสำหรับรักษาเหล่าโจวไว้แล้ว พวกเจ้าที่เหลือสามารถรอด้านนอก!”
ฟางหยวนชักสีหน้า
โจวเหวินอู่หน้าแดงขณะคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
พวกเขาเกรงว่าฟางหยวนจะไม่รักษาคำพูดและอาจจะหนีหายไปตามรอยไม่ได้
“พวกเจ้าทั้งหมดที่อยากรออยู่ด้านนอกนี่ ถ้ากล้าทำลายอะไรแม้หญ้าสักต้นต้นไม้สักกิ่งในหุบเขาของข้า…” คำพูดของฟางหยวนแฝงความโหดร้ายเอาไว้
“ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครทำอะไรบ้านและพืชไร่ของท่าน!”
โจวเหวินอู่ตบอกรับรอง
“ดี เช่นนั้นก็เข้ามา!”
ฟางหยวนนำทุกคนไปที่ห้องศิลาด้านในหุบเขา
ห้องศิลานี้สลักขึ้นจากหินก้อนใหญ่ ไม่มีแม้หน้าต่างสักบาน ขนาดประตูยังทำจากหินขนาดประมาณโม่หิน
ฟางหยวนไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลเมื่อเห็นอาจารย์สร้างห้องศิลานี้ขึ้น แต่ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าอาจารย์เวิ่นซินใช้ห้องนี้ในการฝึกกำลังภายใน
การฝึกกำลังภายในไม่ได้ง่ายดายเหมือนการฝึกกำลังภายนอก มันเป็นภาวะวิกฤตที่ผู้ฝึกไม่สามารถถูกรบกวนจากโลกภายนอกได้ในขณะกำลังฝึกกำลังภายใน
ห้องถูกสร้างขึ้นตามที่อาจารย์เวิ่นซินวาดเอาไว้ มีเพียงผู้ที่อยู่ด้านในที่สามารถเปิดประตูได้เมื่อมันถูกปิดลง ถ้าคนภายนอกพยายามบุกเข้าไป พวกเขาต้องใช้พลังในการเปิดสูงมาก
“บิดาของท่านจะฟื้นตัวดีขึ้นภายในไม่เกิน 3 วัน!”
ก่อนที่ประตูศิลาจะปิดลง ฟางหยวนบอกแก่พี่น้องตระกูลโจว ก่อนที่จะมองไปที่ผู้ดูแลหลิน
“หลานข้า สบายใจได้ พวกข้ารับใช้พวกนี้จะเดินทางออกไปจากหุบเขา เหลือแค่พวกข้าสามคนที่นี่เท่านั้น!”
ผู้ดูแลหลินสัญญาแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของฟางหยวน
“ดีมาก!”
พร้อมกับเสียงกระแทกดังลั่น ประตูศิลาก็ปิดลง
“ข้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าท่านนี่โชคดีหรือโชคไม่ดีกันแน่!”
ฟางหยวนจุดตะเกียงขึ้นในความมืด เขามองไปที่เหล่าโจวที่ครึ่งเป็นครึ่งตายที่ถูกแบกเข้ามาในห้องพลางทำหน้าไม่สบอารมณ์
พิษคู่รักเมามายนี้เป็นอันตรายอย่างที่สุด มียาที่แก้พิษได้เพียงชนิดเดียว
ครั้งหนึ่งฟางหยวนเคยได้ยินอาจารย์เวิ่นซินบอกว่าท่านคงจะสามารถช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งที่ถูกพิษคู่รักเมามายไว้ได้ถ้าเพียงมีบัญชาพญายมอยู่ในครอบครอง
หญ้าพิษมังกรนั้นมีน้อยและหาพบยากมาก แต่ว่าฟางหยวนนั้นบังเอิญมียาต้านพิษอยู่พอดี เพราะว่าเขามียาต้านพิษนี่อยู่ในครอบครองจึงเรียกว่ามีโชคกว่าอาจารย์เวิ่นซิน
‘ใครเป็นคนวางยาพิษกันแน่? ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีพลังและเวลาจะไปสนใจ…’
ฟางหยวนหยิบยาเม็ดหนึ่งที่มีสีดำราวหมึกออกมาและป้อนเข้าปากเหล่าโจว
“แค่ก แค่ก…”
หลังจากได้รับยา เหล่าโจว ที่ก่อนหน้านี้ยังหอบหายใจกอบอากาศเข้าปากและอยู่หน้าประตูยมโลกอยู่แล้วก็เริ่มหายใจสงบและหลับลึกลงไป
มันใช้เวลากว่าหนึ่งวันในการขับพิษออกจากร่างกายของเขา
‘ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือรอ… ด้วยคุณสมบัติของบัญชาพญายม น่าจะเพียงพอให้เขาหลับไปสามวันเต็ม’
ฟางหยวนพึมพำ ก่อนจะเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องศิลา เขาขุดเอาพื้นชั้นแรกออกก่อนจะพบเชือกขดหนึ่ง เขาดึงเชือกแรง ๆ
แกร่ก!
แผ่นหินถูกยกขึ้นมาจากพื้น เปิดให้เห็นปากอุโมงค์สายหนึ่ง
“อ้า ท่านอาจารย์ ความสามารถในการออกแบบของท่านนั้นสุดยอดจริง ๆ!”
ฟางหยวนพึมพำขณะเข้าไปในอุโมงค์ ไม่นานจากนั้น เขาก็ออกมาทางด้านหลังหุบเขา
อาจารย์เวิ่นซินนั้นสร้างอุโมงค์ลับไว้หลายแห่งด้วยความตั้งใจว่าจะใช้อุโมงค์พวกนี้เป็นทางหลบหนี หนึ่งในอุโมงค์พวกนั้นบังเอิญอยู่ในห้องศิลาที่เขาใช้ฝึกฝน!
อาจารย์เวิ่นซินนั้นนับว่าโชคดีที่สามารถมีชีวิตอยู่จนแก่ก่อนจะเสียชีวิตไป ตอนนี้ ฟางหยวนก็สามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานหนักของอาจารย์เวิ่นซินในการสร้างเส้นทางลับพวกนี้
“วิดวิ้ว!”
ฟางหยวนมองเข้าไปในหุบเขาขณะเป่าปากเป็นเสียงนกหวีด
ฝุ่บ!
แค่พริบตาเดียว เงาสีขาวแถบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เป็นฮวาหูเตียว
“ฟังนะ ฮวาหูเตียว เข้าไปคอยดูและปกป้องชาชำระจิตเอาไว้ ถ้าเจ้าถูกพบตัว จัดการกำจัดคนผู้นั้นเสียไม่ว่าจะเป็นใคร…”
ข้าวหยกแดงนั้นถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว ความกังวลเดียวของฟางหยวนก็คือชาชำระจิต
“จำไว้นะ!”
เขาลูบขนฮวาหูเตียวเบา ๆ ใบหน้าทะมึน
“ถ้าเจ้าไม่ใช่คู่มือของศัตรู ทำลายต้นชานั้นเสีย รักษาชีวิตเจ้าเอาไว้!”
นั่นคือในกรณีเลวร้ายที่สุด
สวนที่ปลูกชาเอาไว้นั้นค่อนข้างอยู่มิดชิด พี่น้องตระกูลโจวที่กังวลเรื่องชีวิตของบิดานั้นมีโอกาสน้อยนิดที่จะทรยศเขา
แต่เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์ไว้ก่อนย่อมดีกว่า
หลังจากสั่งการกับฮวาหูเตียวแล้ว ฟางหยวนก็สูดลมหายใจลึกก่อนจะเริ่มวิ่งออกไป
เขาพยายามจัดการเรื่องอย่างยากลำบากเช่นนี้เพื่อสร้างหลักฐานที่อยู่ก่อนจะไปก่อเหตุฆาตกรรม!
‘ซ่งจื๋อเกา!’
ฟางหยวนพุ่งไปอย่างรวดเร็วผ่านเทือกเขาสูงและป่าโบราณทำให้เขาปรากฏตัวแวบไปมาราวกับเงา รอบตัวเปล่งรังสีฆ่าฟัน
ตั้งแต่โบราณ สุนัขกัดมักไม่เห่า ฟางหยวนก็ไม่เคยพบซ่งจื๋อเกา แต่ก็มีความประทับใจในตัวเขา แต่ความประทับใจนั่นอยู่บนพื้นฐานการไล่ล่าในวันนี้!
ทรัพย์สินของฟางหยวนถูกคุกคามและเขาทนมาพอแล้ว!
แต่อย่างไรซ่งจื๋อเกาก็เป็นถึงศิษย์สำนักกุยหลิง ถ้าจะฆ่าเขา ฟางหยวนต้องไม่ถูกรวมเข้าไปเป็นผู้ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นการอยู่ในมณฑลชิงเหอต่อไปจะเป็นเรื่องยากแล้ว
ดังนั้น เมื่อฟางหยวนรู้ว่านี่คือกับดัก เขาก็ตัดสินใจเล่นตามน้ำไปและใช้การรักษาเหล่าโจวสร้างหลักฐานที่อยู่ที่จะยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ เช่นนั้น เขาก็สามารถมุ่งเป้าไปที่ซ่งจื๋อเกาได้อย่างไม่มีปัญหา!
…
เมืองชิงเย่
ฟางหยวนสวมหมวกไม้ไผ่กดปีกหมวกต่ำซ่อนใบหน้าไว้ในเงา เขามาที่นี่เพื่อฆ่าคน และไม่ต้องการเปิดเผยใบหน้าหรือทิ้งหลักฐานไว้เบื้องหลัง
‘เหล่าเถียนเองก็ต่ำช้านัก ใช้อำนาจของตัวเองบังคับและช่วยเจ้าคนชั่วนั่น…’
ฟางหยวนมาถึงหน้าร้านขายยาแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงร้องไห้คร่ำครวญได้ยินแผ่ว ๆ ออกมาจากสวนด้านหลังร้านยา เสียงคร่ำครวญนั่นส่งความเย็นเยือกลงไปตามสันหลังของฟางหยวน เขาแน่ใจว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นแน่ ๆ
“เกิดอะไรขึ้นที่นั่นน่ะ?”
ฟางหยวนดึงคนที่เดินผ่านไปออกมาจากถนนเพื่อถาม
คนผู้นั้นดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกว่าการคว้าจับของอีกฝ่ายนั้นแน่นหนาราวกับเหล็ก ใบหน้าซีดทันที “เจ้าของร้าน เหล่าเถียน ป่วยตายไปเมื่อวานนี้น่ะ…”
‘เร็วเช่นนี้เลยรึ!’
ฟางหยวนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินข่าว เขาปล่อยคนผ่านทางผู้นั้นที่รีบร้อนซอยเท้าไปทันที
ถ้าเหล่าเถียนยังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงถูกลงโทษอยู่ดีไม่ว่าเขาจะถูกบังคับหรือว่าไม่รับคำสั่ง
แต่ดูเหมือนว่าซ่งจื๋อเกาจะเร็วและเหี้ยมโหดกว่าที่คิด
เขาจัดการสังหารเหล่าเถียนหลังจากใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อกำจัดพยานหลักฐาน
อย่างไรเสีย เหล่าโจวก็เป็นผู้ดูแลของสำนักกุยหลิง ซ่งจื๋อเกาทำร้ายศิษย์ของสำนัก ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไป แม้ผู้อาวุโสซ่งก็คงช่วยเขาไม่ได้
ดังนั้นเหล่าเถียนต้องตาย ยิ่งเร็วยิ่งดี
ฟางหยวนเงียบ ในใจเขา เขาเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเหล่าเถียน
‘เหล่าเถียนฉลาดเกินไปในเรื่องของตัวเอง ข้าสงสัยนักว่า ก่อนตายเขาได้สำนึกเสียใจบ้างหรือไม่ ว่าถ้าหากเขาพยายามหลบเลี่ยงตอนที่ถูกบังคับให้ทำเรื่องพวกนี้…”
ฟางหยวนถอนหายใจ เขาหมุนตัวเดินออกไปบนถนนโดยไม่เข้าไปในร้านขายยา
…
คฤหาสน์ตระกูลซ่ง
‘ตอนนี้ ตระกูลโจวคงจะถึงหุบเขาแล้วสินะ?’
ซ่งจื๋อเกายิ้ม ยกชาใสแจ๋วในถ้วยขึ้นจิบเป็นครั้งคราวขณะคิด
‘เหล่าเถียนก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าข้าทำข้อตกลงอะไรกับเขา!’
‘ต่อให้ไม่ตาย เขาก็จะถูกลงโทษอย่างหนักอยู่ดี!’
ซ่งจื๋อเกามองไปรอบ ๆ บ้าน เขาฉีกยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว
เขาภูมิใจในแผนการของตนเป็นที่สุดที่สามารถจัดการฆ่านกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว เขาแน่ใจว่าคนเบื้องบนก็คงยินดีเช่นกัน!
ถ้าหากเขาได้ความดีความชอบจากเบื้องบน ความสำเร็จของเขาก็จะใกล้เข้ามาอีก
“ไปบอกข่าวให้ข้างบนรับรู้ ถ้าไม่ถึงหู พวกเจ้าทั้งหมดต้องชดใช้!”
ซ่งจื๋อเกาสั่งคนรับใช้ด้วยท่าทางเข้มงวด
“ไม่ต้องกังวลเลยขอรับ นายท่าน!”
คนรับใช้ที่อยู่กับเขามาหลายปียิ้ม “พวกเราจะทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างดี!”
“ดี! ดีมาก!”
จากนั้น ซ่งจื๋อเกาก็รู้สึกใจสั่นรุนแรงขึ้นมาทันที เขารู้สึกกระวนกระวายเหมือนว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายใหญ่หลวงสักอย่าง
“แปลก… เหตุใดข้าถึงรู้สึกใจสั่นขนาดนี้?”
เขารู้สึกไม่สบายตัวและเดินวนไปมาในสวน เริ่มคิด
‘หรือเป็นเพราะเหล่าเถียน? ข้าปิดปากทุกคนที่รู้เรื่องนี้แล้ว ด้านตระกูลโจว จากนิสัยหุนหันของพวกมัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าโจว พวกมันคงจะไว้ชีวิตเจ้าเด็กหลอกลวงนั่นหรอก’
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจเลย?”
ขณะที่ซ่งจื๋อเกาพึมพำกับตัวเอง เงาหนึ่งก็กระโดดเข้ามาในสวนแล้วพุ่งเข้าหาเขาราวกับเสือ
“นั่นใคร?”
ซ่งจื๋อเกาถอยหลังกรูดร้องโวยวายออกมาเสียงแหลม เขาออกกระบวนท่าฝ่ามือเบญจธาตุของสำนักกุยหลิงหลายฝ่ามือติดกันเพื่อป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านประตูทองที่สาม และมีความชำนาญในระดับหนึ่ง
“มือลอบสังหาร?”
ซ่งจื๋อเกาคิดกับตัวเอง ‘ถ้าข้าสามารถรอดอยู่ได้อีกสักพัก ข้าก็จะปลอดภัยแล้ว!’
แต่ว่าผู้ชายสวมหมวกไม้ไผ่นั้นไม่ได้โอกาสเขาทันทำอะไร แขนของชายผู้นั้นก็ยืดออกมา ฝ่ามือของมันก็เปลี่ยนเป็นสีดำราวกับเหล็กในพริบตา แขนนั่นกระแทกเข้าที่ซ่งจื๋อเกาอย่างแรง!