เที่ยงคืน พระจันทร์กระจ่างกลางฟ้า
ที่ด้านหลังหุบเขามีเส้นทางลับ หลังจากเดินเลาะผ่านพุ่มไม้เพียงสั้น ๆ ก็จะพบผืนพรมหญ้ากว้างใหญ่มีพืชและสัตว์นานาพรรณ
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศในหุบเขาชัดตา นี่ทำให้ผู้ดูแลหลินและอวี้ชิวเหลิ่งประหลาดใจ แต่ในเมื่อพวกเขามาถึงแล้ว จะไม่เดินสำรวจต่อก็กระไร?
เมล็ดข้าวโตราวไข่มุก สะท้อนแสงจันทร์
ต้นไม้ผลไม้อุดมสมบูรณ์ มีเหอโฉ่วอูที่ยิ่งมีสีเข้มก็ยิ่งมีสรรพคุณในการรักษาสูง และที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้มีสีม่วงเกือบดำ และยังมีหั่วหลงชู่ หลานซิงเฉ่า พืชสมุนไพรทั่วไปและพืชผลอื่น ๆ อีกมากมาย ราวกับว่าผืนดินบริเวณนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตะลึง
แน่นอนว่าถ้ามีใครค้นพบสถานที่นี้ คงไม่พ้นพยายามหาประโยชน์จากมัน
มีแค่ในตำนานเท่านั้นที่จะมีสถานที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้!
และสถานที่นี้เป็นของสำนักกุยหลิง
ถ้าฟางหยวนรู้เรื่องสถานที่นี้ เขาคงจะแค่นเสียงใส่เพราะมีแค่เขาที่รู้ว่าแม้ว่าสถานที่นี้จะอุดมสมบูรณ์เพียงไร มันก็ยังไม่สามารถเปรียบกับที่กล่าวไว้ในตำนานได้
“ท่านอาจารย์…”
ฟางหยวนยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพว่างเปล่าอย่างเศร้าโศก
เขาเป็นกำพร้า และได้ท่านอาจารย์เวิ่นซินอุปการะเลี้ยงดู ท่านอาจารย์เวิ่นซินเป็นผู้มากความสามารถและมีชีวิตเรียบง่าย เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการแพทย์และพืชยิ่งนัก
ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ได้สั่งให้ฟางหยวนเผาศพของตน และโปรยปรายอัฐิไปทั่วหุบเขา และถ้าฟางหยวนอยากจะแสดงความเคารพท่าน ก็ให้ตั้งป้ายหลุมศพก็พอ
หลังจากทิ้งคำสั่งเสียแก่ฟางหยวน ท่านอาจารย์เวิ่นซินก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้าย แล้วฟางหยวนก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากดำเนินชีวิตลำพังต่อไป เขาคิดว่าอาจารย์ของเขาจะต้องมีศัตรูมากมายและเกรงว่าพวกมันจะมาตามหาแม้จะตายตกลงไป อาจารย์จึงได้ตัดสินใจให้เผาร่างของท่านและตั้งป้ายหลุมศพเปล่า จะไม่มีใครอื่นใดสามารถตามรอยท่านอาจารย์เวิ่นซินได้อีกต่อไป
“ข้าปลูกดอกชาที่ท่านชอบ… และจิ๋วจื่อเหอก็เริ่มแตกหน่อแล้วเหมือนกัน…” ฟางหยวนพึมพำต่อหน้าป้ายหลุมศพ “อ้อ… และผู้ดูแลหลินก็มาขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย แต่เขาส่งของขวัญให้ข้ามากมาย รวมถึงข้าวหยกแดงที่ท่านเคยพูดถึงด้วย ข้าจะปลูกมันคืนนี้!”
หลังจากที่ไหว้หลุมศพเสร็จ ฟางหยวนก็เดินไปยังแปลงปลูกใหม่ที่ยังว่างเปล่า
พระจันทร์ลอยสูงขึ้นกลางฟ้า แสงจันทร์ส่องสว่าง ทำให้มองเห็นรอบ ๆ ได้ชัดเจน
ด้วยแสงสว่างจากพระจันทร์ ฟางหยวนใช้จอบค่อย ๆ ขุดหลุมและโปรยเมล็ดข้าวหยกแดงลงไป
“ข้าวหยกแดงนี้จำต้องปลูกในเวลากลางคืน น้ำที่ใช้ต้องมาจากท้องฟ้าโดยตรง น้ำพุที่ในหุบเขานี้เกือบจะใช้การไม่ได้ เมื่อหว่านเมล็ดครั้งแรกต้องพรวนดินให้ร่วนซุยทุกสามชั่วยาม แล้วยังต้องใส่ไหหั่วเย่…”
ฟางหยวนนั้นเชี่ยวชาญ [การดูแลพืช] ภายใต้การสอนของท่านอาจารย์เวิ่นซิน แต่ขาดการฝึกปฏิบัติ
แม้ว่าจะดูไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไร แต่เหงื่อของเขาก็ยังไหลพรั่งพรูลงดิน
พืชวิญญาณบอบบางกว่าพืชชนิดอื่น ๆ มาก ดังนั้นการปลูกพืชพวกนี้จึงต้องใช้ความพยายามมากกว่า
เมื่อฟางหยวนปลูกเมล็ดสุดท้ายลงดิน แสงอาทิตย์ก็เริ่มมองเห็นได้ที่ขอบฟ้า
“ฟู่… ในที่สุดก็เสร็จแล้ว…” ฟางหยวนปาดเหงื่อและถอนหายใจยาว “นี่เป็นพืชวิญญาณ มันจะทำให้ [การดูแลพืช] ของข้าพัฒนาขึ้นบ้างหรือเปล่านะ?”
ลึกลงไปในหัวใจของเขา มีความลับอยู่
ตั้งแต่เด็ก ยามหลับเขามักจะฝัน ในความฝัน มันแปลกประหลาดแต่ก็เหมือนจริงมาก ภายในความฝัน เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ใช้ชีวิตในแบบอื่น ๆ
การอาศัยอยู่ในหุบเขาและน้อยนักที่จะย่างเท้าออกไปข้างนอก มันน่าประหลาดใจที่กิริยาของเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ และเฉลียวฉลาดกว่าผู้อื่นทั่วไป
และยังมีความพิเศษอื่น หรือจะเรียกว่า พรสวรรค์
ประกอบกับความคิดของฟางหยวน สิ่งที่เขามองเห็นได้คนเดียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“ชื่อเต็ม: ฟางหยวน
พลังกาย: 1
พลังลมปราณ: 1
พลังเวทย์: 1
อายุ: 18
ระดับการฝึกตน: ไม่มี
วิทยายุทธ์: ไม่มี
ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 2)]”
มุมมองคล้ายเกมที่ในความฝันนี้คือความลับที่ใหญ่ที่สุดของฟางหยวน
และมันยังมีความพิเศษ
เมื่อเขาเพ่งไปที่ ‘ทักษะ’ จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมา
“[การแพทย์ (ระดับ 1)] สามารถรักษาแผลเบื้องต้น รวมถึงแผลที่ไม่รุนแรง และเมื่อใช้พืชสมุนไพรในการรักษาจะให้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น”
“[การดูแลพืช (ระดับ 2)] นักพฤกษศาสตร์ที่มีความชำนาญ สามารถปลูกพืชธรรมดาใด ๆ ให้เติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”
ดังนั้น [การดูแลพืช] คือเหตุผลเบื้องหลังของเทือกเขาและหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์นี้
“พลังกาย, พลังลมปราณ และพลังเวทย์นั้น เมื่อเกิดมาก็มีอยู่หนึ่งแล้ว ในขณะที่วิทยายุทธ์และระดับการฝึกตนนั้นขึ้นกับความมุ่งมั่นของแต่ละคน และสุดท้าย ทักษะ ต้องได้รับการสั่งสอนจากผู้อื่น…”
หลังจากไตร่ตรองมาหลายปี ฟางหยวนก็เข้าใจคุณลักษณะพวกนี้มากขึ้น
“ตัวข้าในตอนนี้มีความสามารถทางกายเทียบเท่ากับผู้ชายโตเต็มวัยธรรมดา แต่ว่าทักษะ…”
เขารู้ดีว่า ในส่วนของทักษะ ยังมีลักษณะคล้าย ๆ กับการเก็บประสบการณ์ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นได้อย่างจำกัด เฉพาะเมื่อมีการฝึกและพัฒนาความสามารถของเจ้าตัวเท่านั้นที่ระดับความเชี่ยวชาญจะเพิ่มมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น [การแพทย์] แม้ว่าท่านอาจารย์เวิ่นซินจะมีความสามารถทางการแพทย์สูงส่งอย่างไม่อาจเทียบได้ และคอยให้คำแนะนำแก่ฟางหยวน แต่โชคไม่ดีที่ฟางหยวนมีผู้ป่วยให้เขาฝึกฝนด้วยจำกัด และเขาไม่สามารถใช้อาจารย์ของตัวเองเป็นผู้ป่วยลองมือได้ เนื่องจากการขาดการฝึกฝน ตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้เขาก็ยังคงติดอยู่ที่ระดับ 1 แม้ว่าเขาจะได้รับคำชมจากอาจารย์เวิ่นซินและประเมินได้ว่าเขามีความสามารถราว ๆ สามในสิบส่วนของอาจารย์เวิ่นซินแล้วก็ตาม
ตรงกันข้าม [การดูแลพืช] ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากหลังจากท่านอาจารย์เวิ่นซินจากไปเพราะว่าเขาไม่ต้องคอยระวังอีกต่อไปแล้ว ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก เขาสามารถขึ้นถึงระดับ 2 ได้ และผลลัพธ์นั้นก็เกินคาด
จากที่ฟางหยวนคาดเดาเองนั้น แม้แต่อาจารย์เวิ่นซินก็ยังมีความชำนาญไม่เท่าเขาในด้านการดูแลพืช
หลังจากขึ้นระดับ 2 ก็เหมือนกับการพัฒนาในด้าน [การดูแลพืช] ของเขาจะหยุดลง แม้ว่าจะปลูกพืชจำนวนมากแต่ก็ดูจะยังไม่สามารถเลื่อนระดับได้ง่าย ๆ หลังจากพยายามหลายครั้งครา ฟางหยวนก็ตัดสินใจที่จะลองปลูกพืชวิญญาณและพืชเซียน
แต่เพราะว่าพืชพวกนี้หาได้ยากมาก แม้แต่ผู้ดูแลหลินเองก็ต้องรอจนกระทั่งบุตรสาวได้เข้าสำนักกุยหลิงก่อนที่จะได้รับเมล็ดพืชเหล่านี้มาเป็นของขวัญ
“ข้าวหยกแดง แม้ว่าจะเป็นพืชวิญญาณระดับต่ำสุด แต่ในสำนักกุยหลิงเอง ข้าเชื่อว่ามีแต่อู่จงและทายาทสายตรงเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรส…”
ฟางหยวนถอนหายใจ
ผู้ดูแลหลินให้เมล็ดพืชนี้แก่เขาเพื่อเป็นของขวัญโดยไม่ได้คิดเลยว่าฟางหยวนจะสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง
ซึ่งก็จริง ถ้าไม่เพราะ [การดูแลพืช] ฟางหยวนก็ไม่ต้องการพืชวิญญาณใด
แต่ถ้า ถ้าผู้ดูแลหลินสามารถช่วยให้เขาผ่านระดับ 2 ของ [การดูแลพืช] ด้วยการใช้พืชวิญญาณ นั่นก็ดียิ่งแล้ว
ตอนนี้ก็ถึงเวลาตรวจสอบผลลัพธ์แล้ว!
ฟางหยวนเหลือบมองไปทางแปลงดินที่ปกคลุมข้าวหยกแดงเอาไว้
ประกอบกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องสว่าง แสงสีขาวที่มีแต่เขาที่มองเห็นก็ปรากฏขึ้นจากพื้นดินและค่อย ๆ รวมตัวกันรอบ ๆ ส่วนของ ‘ทักษะ’ ในหน้าต่างข้อมูลของเขา
ด้านหลัง [การดูแลพืช] คำว่า ‘ระดับ 2’ ค่อย ๆ พร่ามัว แล้วกลายเป็น ‘ระดับ 3’!
ระดับ 3 [การดูแลพืช]!
ฟางหยวนขยี้ตาให้แน่ใจว่าเขามองไม่ผิด ก่อนจะยิ้มกับตัวเองและอุทานด้วยความดีใจ “ฮ่า ๆ .. ฮ่า ๆๆ ข้าทำสำเร็จ!”
เหตุผลของความดีใจนี้ก็คือ คำอธิบายของ [การดูแลพืช] เปลี่ยนไป
“การดูแลพืช (ระดับ 3) — เจ้าเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ใช้ประโยชน์จากพืชผลของเจ้าได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่ถูกจำกัด มีโอกาสเล็กน้อยที่พืชผลจะพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษ!”
โอกาสพัฒนาเล็กน้อยอะไรนั่นไม่ได้อะไรกับฟางหยวน แต่นี่หมายความว่าทักษะและความสามารถของคนผู้หนึ่งสามารถเพิ่มขึ้นได้ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก!
เมื่อความคิดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว มันก็หมายถึงว่าฟางหยวนสามารถที่จะบรรลุสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้!
แม้ว่าการเพิ่มระดับ [การดูแลพืช] จะเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่รายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมานั้นเหลือเชื่อ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นทักษะอื่นหรือวิทยายุทธ์ จะเป็นอย่างไร?
“พัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษ?”
หลังจากสงบใจลงได้ ฟางหยวนก็เริ่มพิจารณาความสามารถใหม่ของเขาทันที
“พืชธรรมดาจะโตเต็มที่ได้ภายใต้การดูแลของข้า บางครั้ง…พืชธรรมดาพวกนี้ก็สามารถพัฒนาไปเป็นพืชวิญญาณได้?”
เขาเหม่อลอยไปชั่วครู่หนึ่ง ในใจเขานั้นลิงโลดยิ่งจนเกือบจะระเบิดออกมา ถ้าเขาคาดเดาถูกต้อง ความสามารถใหม่ของเขานี้ห้ามเปิดเผยออกไปภายนอกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะถูกสำนักอื่น ๆ จับตัวไปและทำการทดลองเหมือนเขาเป็นหนูตะเภาหรืออาจจะต้องเป็นคนสวนไปตลอดชีวิต
“หลังจากยืนยันความสามารถใหม่ของข้าได้ ข้าควรจะมองหาวิทยายุทธ์สักอย่าง…”
หลังจากใจเย็นลงแล้ว ฟางหยวนก็มองอาหารเช้าของตัวเอง ความรู้สึกซับซ้อน
วัตถุดิบในหุบเขานี้มีเหลือเฟือ และอาหารที่เขาปรุงด้วยตัวเองก็ดีมาก
จานหลักคือปลาที่จับได้สด ๆ ย่างจนหนังกรอบและเนื้อด้านในนุ่มเด้งไร้กลิ่นคาว มันละลายในปาก เนื้อนุ่มลิ้นยิ่งนัก
เขาดื่มน้ำบริสุทธิ์จากน้ำพุบนเขา รสหวานและสดชื่น
นอกจากนี้ยังมีอวี้จู๋*และเจียงกั๋ว**ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง
เขาตักอวี้จู๋เป็นคำแรก แล้วตามด้วยปลาย่างคำโต “อืม… อร่อย! อร่อยมาก! ข้าได้ยินมาว่าสำนักกุยหลิงนั้นเป็นสำนักใหญ่สุดในรัศมีร้อยลี้ ข้าสงสัยนักว่าบรรยากาศที่นั่นจะเป็นแบบไหน อู่จงคืออย่างไร? จะว่าไป ข้าไม่เคยรู้เลยว่าที่โลกด้านนอกนั้นเป็นอย่างไร? น่าเสียดาย… ท่านอาจารย์ไม่ได้ทิ้งตำราวิทยายุทธ์ลับใดไว้ให้ ท่านไม่ได้เป็นผู้ไร้ชื่อเสียงมิใช่หรือ? เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีตำราวิทยายุทธ์ตกทอดไว้? ไม่สมเหตุสมผลเลย!”
หลังจากอาศัยอยู่ในหุบเขามาสิบแปดปี ฟางหยวนก็เริ่มรู้สึกอดรนทนไม่ได้ อยากจะออกไปดูโลกภายนอก
“ตอนนี้ข้าต้องเพิ่มความสามารถของตัวเองก่อน… โลกภายนอกนั้นน่าสนใจ แต่ก็อันตรายเช่นกัน ด้วยร่างกายบอบบางนี้ ข้าควรจะฝึกฝนไปก่อน!”
หลังจากกินอิ่ม เขาก็กลับเข้าไปในห้องของเขา รู้สึกพึงพอใจและนอนหลับไปอย่างสบาย ไม่นานจากนั้น เขาก็เข้าสู่ความฝันของเขา
อวี้จู๋: Solomon’s Seal
เจียงกั๋ว: Berry