“ข้าไปที่นั่นเพื่อเก็บสมุนไพร มันมีเลือดเต็มไปหมด มีกระทั่งศพ! ข้ากลัวมาก..”
ชายหนุ่มยังพร่ำพูดไปเรื่อย ๆ ดูโง่นิด ๆ
ฮั่นโจวเป็นผู้ฝึกยุทธ์ และดังนั้นจึงสามารถบอกได้ว่ายาที่เตรียมมาให้นี้ไม่มีพิษ เขาจิบยาสองสามครั้งและรู้สึกอุ่น ๆ ในท้อง แต่ยังคงเหลือบมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่ดีนัก
แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เพื่อรักษาความลับของตนเอง ฮั่นโจวตัดสินใจจะกำจัดเขาทิ้งหลังจากหายดี
เขาทำท่าทางสำนึกในพระคุณ “พวกเราพี่น้องเจอประสบเรื่องอันตราย ข้ารู้สึกขอบคุณมากที่ช่วยข้าไว้ น้องชาย เจ้าพูดถึงศพ… คงไม่ใช่ว่าพี่ชายของข้า… เขาตายแล้ว?”
ใบหน้าของฮั่นโจวเต็มไปด้วยความเสียใจและเริ่มหลั่งน้ำตา ราวกับเขารู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ฟางหยวนประทับใจในการแสดงของเขามาก
“อื้ม… มันไม่มีทางเลือก ข้าฝังศพพี่ชายของท่านไปแล้ว เมื่อท่านหายดีแล้วข้าจะพาท่านตรงที่ข้าฝังเขาไว้เพื่อเก็บกระดูกเขา…” ฟางหยวนปลอบ
“ข้าคงไม่สามารถขอบคุณไปได้มากกว่านี้ ท่านผู้มีพระคุณ! หากชาติหน้ามีจริง เราพี่น้องจะยอมมาเป็นวัวม้ารับใช้ทดแทนพระคุณนี้!”
ฮั่นโจวยังคงไม่รู้ตัวและแสดงละครต่อ
“ฮ่าฮ่า… ไม่จำเป็น ไม่จำเป็น!”
ฟางหยวนเกาหัวและยิ้ม
ในตอนนี้ฮั่นโจวก็แทบไม่ต่างจากผักเลย ทุกครั้งที่จะขยับตัวต้องให้ฟางหยวนช่วยประคอง จึงไม่สามารถวางแผนจัดการกับฟางหยวนได้ในตอนนี้
หลังจากสังเกตรอบ ๆ ฮั่นโจวก็รู้ว่ารอบ ๆ ข้างไม่มีอันตรายและรู้สึกคลายใจลง เขาสังเกตเห็นฟางหยวนอ่านตำราและอดอยากรู้ไม่ได้จึงถาม “น้องชาย เจ้าอ่านอะไรอยู่รึ?”
“นี่เป็นสมบัติที่พ่อของข้าสืบทอดลงมาให้!”
ฟางหยวนส่งตำราให้ “แต่ข้าไม่รู้จักบางคำในนี้…”
เขามองฮั่นโจวใบหน้าแฝงความอับอาย “ท่านช่วยอธิบายให้ข้าได้ไหม?”
“อืม… เส้นเอ็น กระดูก กรงเล็บและข้อต่อ เส้นเอ็นคือส่วนสำคัญที่สุด ก็เหมือนเช่นตอนอินทรีใช้กรงเล็บของมัน เร็วและถึงตาย… นี่มันเคล็ดกรงเล็บอินทรีมิใช่รึ?”
ฮั่นโจวอ่านตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดนั่น ในใจรู้สึกเสียเวลาสิ้นดี
แต่เห็นท่าทางตื่นเต้นของฟางหยวน ก็แสยะยิ้มก่อนพูด “นี่เป็นตำราลับ ให้ข้าอ่านคงไม่ดีนักกระมัง”
“แต่ข้าอ่านไม่เข้าใจ ท่านช่วยสอนข้าเป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนทำเป็นรู้สึกตื่นเต้น
‘หึ เจ้าเลือกหนทางไร้ทางกลับนี่เองนะ โทษข้าไม่ได้!’
ฮั่นโจวคิดในใจ แต่ก็รู้สึกว่าเขาควรจะตอบแทนบุญคุณ “เพราะว่าเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ แค่อ่านหนังสือให้ฟังแค่นี้คงไม่เป็นไร”
“เยี่ยมไปเลย เช่นนั้น ข้าควรจะตีความคำเหล่านี้อย่างไร?”
ฟางหยวนทำท่าสนใจ
“อืม นี่คือจุดกวนหยวน เป็นจุดชีพจรบนร่างกาย”
“แล้วนี่ล่ะ?
“จุดกู๋ไห่!”
“ชีหยวน!”
…
ฮั่นโจวอธิบายง่าย ๆ แต่ในใจกำลังหัวเราะเยาะ
ถ้าฟางหยวนทำตามที่ฮั่นโจวแนะนำ ไม่นานเขาก็จะสูญเสียการควบคุมตนเองในขณะฝึกวิทยายุทธ์ชุดนี้
‘คนผู้นี้….ช่างเลวร้ายยิ่งนัก’
ฟางหยวนคิดอีกที ‘กลับกัน นี่แปลว่าตำราของผู้ดูแลหลินไม่มีปัญหาอะไร’
ความคิดของเขาเรียบง่ายนัก เขามีความรู้และเชี่ยวชาญใน [การแพทย์] ถ้าตำราของผู้ดูแลหลินมีปัญหา ด้วยประสบการณ์ของฮั่นโจวเขาคงรู้ได้แน่นอน
แต่ตอนนี้ ฮั่นโจวกลับจงใจบิดเบือนเนื้อหาภายในตำรา แสดงว่าตำรานี่ไม่มีปัญหาใด
“พี่ฮั่น คำนี้อ่านว่าอย่างไรรึ?”
ฟางหยวนยังคงแกล้งทำท่าต่อ
“โอ้ นี่คือประตูเหนียนหมิง เป็นจุดตายของร่างกาย!” ฮั่นโจวตอบอย่างง่าย ๆ
“เดี๋ยวนะ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่ฮั่น?”
“ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังอธิบายผิดจากตำรามาตั้งแต่แรก!”
ฟางหยวนถอยเท้าออกไปหลายก้าวและยิ้ม
ใบหน้าของฮั่นโจวเปลี่ยนเป็นสีแดง รู้ได้ว่าถ้าไม่ระวังอาจจะเปิดเผยตนเองออกไป
ในตอนนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยน “เจ้าหลอกข้า?”
“ฮั่นโจว เจ้าตัวสารเลว เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้า”
ฟางหยวนถอยหลังออกไปอีกหลายก้าวและตะโกนกลับมา
“ไปตายซะ ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์”
ฮั่วโจวลุกพรวด ในมือกำกระดุมทองแดงเอาไว้ ถ้าผู้อื่นจู่โจมเข้ามา เขาจะใช้ลมหายใจสุดท้ายฆ่าฟางหยวนตายตกตามกัน เขาไม่คิดเลยว่าฟางหยวนจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ และหายตัวไปในพริบตาเดียว
“เดี๋ยวก่อน เป็นข้าผิดเอง ถ้าเจ้ารักษาข้าต่อ ข้าจะยอมมอบตำรายุทธ์ระดับสูงของข้าให้เจ้า!”
ตอนนี้ฮั่นโจวอ่อนแอกว่าฟางหยวนเสียอีก ต่อให้เขาไม่เผาที่นี่เป็นจุณ ฮั่นโจวก็อดตายอยู่ดีถ้าฟางหยวนไม่นำอาหารเข้ามาให้ ดังนั้นจึงตั้งใจจะอ่อนข้อลง
“ไม่ต้องแล้ว เจ้าตั้งใจหลอกลวงข้ากระทั่งตำรายุทธ์พื้นฐาน! แล้วข้าจะกล้าเรียน ‘ตำรายุทธ์ระดับสูง’ จากเจ้าได้อย่างไร?”
ฟางหยวนพูดเสียดสี “พี่ฮั่น ด้วยความสามารถอันน่าทึ่งของท่าน ท่านก็ยอมรับความตายอย่างสงบเถิด”
ฮั่นโจวเก่งและมีฝีมือมากกว่าฟางหยวนมาก
ดังนั้นฟางหยวนจึงเกรงว่าฮั่นโจวจะฟื้นตัวรวดเร็วแม้ว่าสภาพร่างกายเขาจะดูแย่มากก็ตาม สังหารฮั่นโจวตรง ๆ เลยน่าจะดีที่สุด
เขายินดีเรียนวิชายุทธ์พื้นฐานมากกว่าลองเรียนจากฮั่นโจวแล้วเสี่ยงที่จะถูกทำร้าย
“ดี!”
ฮั่นโจวกลอกตา พยายามคิดแผนไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เสียงฟางหยวนดังมาจากที่ไกล ๆ “พี่ฮั่น ท่านไม่ต้องคิดอะไรอื่นแล้ว เพราะว่าชีวิตของท่านอยู่ในมือของข้าแล้วตอนนี้!”
“ในมือเจ้า?”
ฮั่นโจวหัวเราะคิกคัก “ในยาถ้วยนั้นไม่มีปัญหาอะไร แล้วทำไมข้าถึง…”
เขาหยุดพูดกลางคัน
เขาคิดได้ว่าตอนที่หมดสติอยู่นั้นเขาอยู่ในกำมือของฟางหยวนจริง ๆ แปลว่าฟางหยวนสามารถทำอะไรเขาก็ได้ตามที่ต้องการ ใช่หรือไม่?
“ถูกแล้ว ข้าใส่ฉีโหลวเซียงในผ้าพันแผลของเจ้า ฉีโหลวเซียงสามารถชำระบาดแผลและหยุดเลือดได้ แต่ถ้ารวมกับซานเหอจื่อที่อยู่ในยาที่ให้เจ้ากิน เจ้าจะมีอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และบางตำแหน่งก็เริ่มเน่าเปื่อย…”
“พิษผสม?!”
ฮั่นโจวหน้าเครียด หายใจเข้าลึก และสัมผัสได้ว่าแขนขาเริ่มแข็งเกร็ง เขาพยายามยิ้ม
ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหน เขาก็ยังเป็นคนธรรมดา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ฝึกยุทธ์ถึงระดับประตูทองที่ 5 ได้นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง?
ก็แค่พิษผสมกะจิดริดแค่นี้ไม่เป็นอันตรายกับร่างกายเขาหรอกและก็จะสลายไปได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยกำลังภายในของเขา
สิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้คือหาวิธีจัดการกับฟางหยวน ซื้อเวลาให้ตัวเอง
“โอ้? เจ้าดูมั่นใจในตัวเองมากทีเดียว”
เสียงของฟางหยวนลอดเข้ามา ฟังดูประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ๆ จะสามารถจัดการกับพิษชนิดนี้ได้สินะ?”
ฮั่นโจวรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา
ฟางหยวนไม่ได้ดูกลัวหรือเกรงเลย
ตรงข้ามกับตัวเขา เขาควบคุมพิษในร่างกายเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ตอนนี้ความรู้สึกชาแข็งกลับมาอีกครั้ง และเริ่มมีรอยเน่าเปื่อยปรากฎที่ผิวหนังของเขา
“ข้าก็ลืมบอกไป… ตำรับยาพิษของข้ามีส่วนประกอบอื่น ที่ทำให้พิษรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว!”
มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากในห้อง ฟางหยวนยังคงใจเย็น มองค่าสถานะของตน
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 1
พลังลมปราณ: 1
พลังเวทย์: 1.4
อายุ: 18
ระดับการฝึกตน: ไม่มี
วิทยายุทธ์: ไม่มี
ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”
“[การแพทย์ (ระดับ 1)] สามารถรักษาแผลเบื้องต้น รวมถึงแผลที่ไม่รุนแรง และเมื่อใช้พืชสมุนไพรในการรักษาจะให้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น”
“นอกจากการรักษา ในทางตรงกันข้าม ข้ายังมีความชำนาญในการปรุงยาพิษมากขึ้น! แต่ว่า ส่วนประกอบที่อันตรายที่สุดก็ยังเป็นพิษจากงูจูเหว่ยอยู่ดีใช่หรือไม่?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ด้านในบ้านก็เงียบสงัด นอกจากเสียงปะทุของเนื้อเน่าแล้วก็ไม่มีเสียงใด
ฟางหยวนอุดจมูกก่อนจะเข้าไปข้างใน เห็นซากศพเน่าเปื่อยเป็นรูและแอ่งของเหลวจากน้ำในร่างกายบนพื้น
“แรงขนาดนี้ทีเดียว?”
ผลจากพิษที่เห็นทำให้ฟางหยวนตะลึงไป “อย่างน้อยนี่ก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องวิธีจัดการศพแหละนะ…”
เขาหยิบเสื้อผ้าของฮั่นโจวขึ้นมาและเตรียมจะเผาทิ้งเพื่อกำจัดร่องรอย
ฮั่นโจวมีความเป็นมาที่ดูสูงส่งซึ่งหมายถึงปัญหาที่อาจจะตามมาได้ ฟางหยวนต้องการกำจัดความยุ่งยากนี้ให้หมดไปและตัดทุกความเกี่ยวพันกับฮั่นโจวทิ้ง
“ว่าแต่.. สองคนนี่แย่งสมบัติใดกัน?”
เขามองรองเท้าของฮั่นโจวแล้วยิ้ม
เขาซ่อนมันไว้ดีมาก ถ้าไม่เพราะเขามองที่รองเท้าของตัวเองเมื่อตอนที่ได้สติขึ้นมา ฟางหยวนคงไม่รู้ว่าต้องมองหาที่ไหน
ฟางหยวนหยิบรองเท้าทั้งคู่ขึ้นมา เอามีดออกมาหั่นมันเป็นแปดชิ้น
ที่ส้นเท้ารองเท้าข้างขวา มีแผ่นหนังสีดำชิ้นหนึ่งโผล่ออกมา
“นี่คือสมบัติที่ทำให้พี่น้องถึงกับเอาชีวิตกัน?”
ฟางหยวนมองเส้นยุ่งเหยิงบนแผ่นหนังสีดำแล้วเดา “แผนที่สมบัติ? มันถูกฉีกขาดเละเทะเลย…”
แผ่นหนังนี้ถูกซ่อนไว้มิดชิดและพบได้ก็ต่อเมื่อตัดรองเท้าเป็นชิ้น ๆ บ่งบอกว่ามันมีคุณค่าต่อฮั่นโจวเพียงไหน
แต่มันก็แค่แผนที่ขาด ๆ มันจะใช้การได้อย่างไร?
ฟางหยวนไม่เข้าใจ แต่ก็ยังตัดสินใจเก็บมันไว้ เขาเผาสิ่งของอื่นของฮั่นโจวและทำความสะอาดสถานที่
จากนี้ ฮั่นโจวก็หายไปจากโลกนี้แล้ว
“ข้าลืมถามเลยว่าเขามาจากสำนักไหน แต่ข้าเชื่อว่าแถวนี้มีอยู่แค่สำนักเดียว สำนักกุยหลิง?”
หลังจากเผาศพเขาแล้ว ฟางหยวนก็ปล่อยให้ตัวเองคิด “น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจได้ตำรายุทธ์ระดับสูง แต่ที่ได้มาก็คุ้มกับที่เสี่ยงแล้วแหละนะ”