“ฟ่อ!”
หลังจากเจอหญ้าพิษมังกร ฮวาหูเตียวก็เริ่มทำเสียงขู่ฟ่อแสดงให้รู้ว่าอันตรายกำลังย่างกรายมา ขนของฮวาหูเตียวตั้งชัน มันโก่งหลังงอตัวจนคล้ายคันศร
“ฟ่อ!”
ในตอนนั้นเอง ฟางหยวนได้ยินเสียงดังออกมาจากกลุ่มก้อนหินสีขาว แล้วก็มีสัตว์ตัวยาวสีดำมะเมื่อมเลื้อยออกมา มันยกส่วนหน้าของลำตัวขึ้นแสดงความเป็นอริพลางแลบลิ้นสีม่วงแดงออกมา
“นี่มัน… งู?”
เขารู้สึกตะลึงไปกับการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของงูตัวนี้
งูตัวนี้ยาวประมาณ 3 ฉื่อ* ตัวโตประมาณหัวแม่มือ เกล็ดสีดำเมื่อมเป็นประกาย แต่ที่สะดุดตาก็คือปลายหางสีขาวราวกับสร้อยมุก เขี้ยวของมันดูแหลม และยังมีก้อนนูนใหญ่ที่บนหัว ก้อนนูนนั่นดูราวกับไข่มุกสีม่วงและยังดูมีประกายจาง ๆ ด้วย
“งูจูเหว่ย?”
ฟางหยวนนึกถึงที่อาจารย์เวิ่นซินเคยพูดถึงและโยงสัตว์มีพิษรุนแรงชนิดต่าง ๆ พวกนั้นที่มีอยู่บนเทือกเขาชิงหลิง “อันที่จริง… ไม่ใช่งูจูเหว่ยธรรมดา งูสีดำตัวนี้นั้นยาวกว่า แล้วยังก้อนนูนที่ด้านบนหัวนั่นอีก… บางทีอาจจะเพราะเกิดการกลายพันธุ์?”
เขาแน่ใจว่างูสีดำตัวนี้ไม่ใช่ทั้งสัตว์วิญญาณหรืองูจูเหว่ยธรรมดา
“ฟ่อ!”
ในขณะนั้น ฮวาหูเตียวยกอุ้งเท้าขึ้นมาก่อนจะขยับไปข้างหน้า
เมื่อเห็นฮวาหูเตียว งูจูเหว่ยกลายพันธุ์ดูหวาดกลัว มันขดตัวเป็นวงกลมเหลือแต่หัวโผล่ขึ้นมา
“ใช่.. ฮวาหูเตียวเป็นศัตรูตามธรรมชาติของงู แล้วหนูเตียวตัวนี้ยังเป็นสัตว์วิญญาณ และด้วยผลจากชาวิญญาณ มันน่าจะสามารถเอาชนะงูตัวนี้ได้อยู่แล้ว…”
งูจูเหว่ยนั้นมีพิษร้ายแรงและฟางหยวนนั้นไม่ใช่คู่มือของมันโดยที่มีแค่มีดและยาต้านพิษแน่ ๆ เขารีบหลบไปซ่อนแล้วสังเกตสถานการณ์จากไกล ๆ อย่างกระวนกระวายใจ
สัตว์ทั้งสองตัวจ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ฮวาหูเตียวก็พุ่งตัวไปหลายก้าว
“ฟ่อ!”
งูจูเหว่ยเริ่มพ่นของเหลวใสจากปลายเขี้ยวออกมาราวกับยิงลูกศร
“พ่นพิษได้?”
ฟางหยวนที่คอยจับตาดูอย่างกระวนกระวายอยู่ด้านข้างรู้ว่าถ้าเป็นเขาคงไม่สามารถหลบการพ่นพิษนี้ได้
แต่ว่าฮวาหูเตียวที่ลอยอยู่กลางอากาศสามารถหลบการพ่นพิษนี้ได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ฮวาหูเตียวขยับไปที่กองหินสีขาวพวกนั้นก่อนจะคว้าส่วนคอของงูจูเหว่ยไว้ได้ด้วยกรงเล็บเท้าหน้า หางของงูจูเหว่ยพันอยู่รอบ ๆ และฮวาหูเตียวก็เปิดปากกว้างเห็นฟันแหลมคม ใช้โอกาสนั้นกัดเข้าที่คอของงู
แคว่ก!
หัวของงูจูเหว่ยตกลงกับพื้นด้วยเพียงการกัดครั้งเดียวของฮวาหูเตียว
“ทำได้ดีมาก!”
ฟางหยวนพุ่งออกมาอย่างยินดี
เขามองไปตรงที่พิษที่งูจูเหว่ยพ่นออกมาตกใส่ บริเวณนั้นราวกับถูกเผา ก้อนหินยังกร่อนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ไม่เลวเลย ฮวาหูเตียว!”
ฟางหยวนชมฮวาหูเตียวก่อนจะค่อย ๆ เก็บหญ้าพิษมังกร “ใช้หญ้านี่ กับหญ้าซานซิงที่เก็บได้ก่อนหน้านี้ กับงูจูเหว่ย… ส่วนผสมสำหรับ “บัญชาพญายม” ของอาจารย์เวิ่นซินก็ครบถ้วนแล้ว!”
ชื่อของยาตำรับนี้อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วเป็นยาแก้พิษ ที่สามารถแก้พิษได้หลายชนิด ยานี้สามารถช่วยชีวิตคนที่เกือบจะตายด้วยพิษได้
“เฮ้! เจ้าอย่ากินเยอะเกินไป ข้ายังต้องใช้งูนี่อยู่นะ!”
หลังจากต่อรองกัน ฟางหยวนก็มองฮวาหูเตียวหิ้วงูจูเหว่ยไปเงียบ ๆ งูนั่นถูกกัดขาดครึ่งราวกับต้นอ้อย ฮวาหูเตียวขุดเอาถุงน้ำดีสีเขียวอมม่วงออกมา หย่อนเข้าปากกลืนลงไป
“โชคดี ถุงพิษของมันยังอยู่…”
ฟางหยวนเข้าไปตรวจดูก่อนจะรู้สึกผ่อนคลายลง
ต่อให้ฮวาหูเตียวจะเก่งกาจขนาดไหน เมื่อเจอพิษร้ายแรงของงูจูเหว่ยกลายพันธุ์ มันก็ยังต้องเลือกกินงูนี่อย่างระวัง
…
“ขึ้นเขาคราวนี้ แม้ว่าจะไม่เจอปุ๋ยวิญญาณ แต่ก็เก็บส่วนประกอบของบัญชาพญายมได้ครบถ้วน ข้าสามารถเริ่มผสมยาตำรับนี้ได้เมื่อกลับไป…”
ขณะเดินทางกลับบ้าน ฟางหยวนอารมณ์ดีมาก
แม้ว่าฤทธิ์ของบัญชาพญายมจะดีมาก แต่กระบวนการเตรียมยากลับไม่ยุ่งยาก เพียงใส่ส่วนประกอบไม่กี่อย่างลงไปตามอัตราส่วน ผสมและตากแห้งไว้ก็ได้ยาออกมาแล้ว ส่วนเดียวที่ยากก็คือส่วนประกอบที่หาได้ยาก
“ด้วยยาตำรับนี้ ต่อไปเมื่อข้าออกเดินทาง ก็จะสะดวกขึ้นมากแล้ว…”
ฟางหยวนชะงัก ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปทันที
มีต้นไม้หักปรากฏขึ้นตรงหน้าเขากะทันหัน ต้นไม้หนาประมาณเอวถูกตัดขาดครึ่ง
ที่น่าแปลกก็คือรอยฝ่ามือที่เห็นได้ชัดเจนที่บนลำต้น
“เป็นฝีมือมนุษย์ แต่ผู้ใดกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้?”
ฟางหยวนระมัดระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะพบรอยเท้าสับสนมากมาย “มีการต่อสู้กันมาตลอดทางจนถึงเขาชิงหลิงนี่เลย?”
“ฟ่อ!”
ฮวาหูเตียวดูตื่นตัวขึ้นหลังจากเห็นรอยเท้าเหล่านี้
“ไป! ตามไปดูกันหน่อยดีกว่า!”
ฟางหยวนก็เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และมีความสงสัย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฮวาหูเตียวดม ๆ ไปตามพื้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปทิศทางหนึ่ง
ฟางหยวนตามมันไปติด ๆ แต่ระหว่างทาง เขาก็เห็นรอยเท้าและรอยเลือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“จากที่เห็น น่าจะเป็นอีกฝ่ายไล่อีกฝ่ายหนี…”
ฟางหยวนเริ่มระแวดระวัง และก้าวเท้าช้าลงจนได้ยินเสียงดังมาจากด้านหน้า
“ฮั่นโจว… คนทรยศ…”
พร้อมกับลมที่พัดมาจากบนเขา เสียงพูดคุยลอยตามมาฟังไม่ชัดนัก
ฟางหยวนไม่กล้าพุ่งไปด้านหน้าต่อ เขามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาใช้กิ่งก้านของต้นไม้เป็นกำบัง ลอบสังเกตจากข้างบน
โชคดีที่ด้านหน้าเป็นผืนหญ้าหย่อมหนึ่ง เขาเห็นคนสองคนสู้กัน ผู้หนึ่งอยู่ในชุดสีขาว อีกผู้ชุดสีดำ ทั้งคู่ดูจะไม่รู้ตัวว่าถูกจับตามองอยู่
“ศิษย์พี่… ข้าผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าเถิด…”
ฟางหยวนมาไม่ถูกเวลา การต่อสู้ดูจะจบลงแล้ว คนในชุดสีดำถูกชกเข้าที่กลางอก กระอักเลือดกองโต คุกเข่าลงขอการอภัย
หลังจากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางหยวนก็รู้สึกว่าความเลื่อมใสที่เขามีต่อผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจถูกทำลาย
“เฮ่ย… ดูเหมือนว่าผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่ได้จำเป็นต้องท่าทางดี ก่อนนี้พวกเขาสู้กันอย่างไม่เสียดายชีวิต แต่พอแพ้ก็คุกเข่าร้องขอให้ไว้ชีวิตทันทีเลย…”
เพราะเป็นผู้สังเกตการณ์ เขาจึงได้แต่คิดจากมุมมองของตัวเอง ไม่ได้คิดจากมุมของผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้
เมื่อคนในชุดดำคุกเข่าลง คนชุดขาวก็ดูลังเลขณะยกมือขวาขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วสบถเสียงดัง
ฟางหยวนได้ยินลาง ๆ เพียงสองคำ “คนทรยศ” กับ “สมบัติ” เขาไม่สามารถจับคำอื่นที่เหลือได้
แต่ตอนที่คิดว่าเรื่องจบแล้วและกำลังจะจากไปนั้น ก็เกิดบางอย่างขึ้น!
คนในชุดสีดำพลันชกอย่างแรกไปที่หน้าอกคนชุดขาว
แคร่ก!
เสียงกระดูกหักดังลั่นจนฟางหยวนได้ยินอย่างชัดเจน ชายในชุดขาวชกกลับชายชุดดำหลายครั้ง ชายชุดดำนั้นบาดเจ็บสาหัสมากอยู่แล้ว แต่ก็กระอักเลือดออกมาพร้อมหัวเราะ วางท่าทระนงนัก
“ชายผู้นี้ช่างอำมหิตนัก”
ฟางหยวนตะหนกกับการพลิกผัน “การลงมือนั่นพลิกสถานการณ์เลย!”
ในตอนนั้น ชายชุดดำเดินโซเซไปที่ศพชายชุดขาว และดูเหมือนจะค้นหาอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ล้มลงไปเช่นกัน
“อะไรกัน! ต่างฝ่ายต่างแพ้รึ? ดูเหมือนชายชุดขาวจะเก่งกว่าอีกคน ทำร้ายอีกฝ่ายได้ก่อนตัวจะตายไป”
ฟางหยวนรีบไต่ลงจากต้นไม้แล้วเข้าไปรอบนอกบริเวณต่อสู้ แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านั้น
การต่อสู้ของทั้งคู่และความเสียหายที่พวกเขาทำไว้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยจนไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้
ผู้ชายชุดดำที่ยังมีชีวิตรอดอยู่นั้นโหดเหี้ยมมาก ถ้าเขารู้ตัวว่าถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาและตัดสินใจแกล้งทำเป็นตาย พอฟางหยวนเข้าไปใกล้มิใช่กลายเป็นฟางหยวนเดินลงหลุมฝังศพของตัวเองแทนหรอกหรือ?
หลังจากตรองดูแล้ว ฟางหยวนก็หยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง ขว้างไปที่ชายชุดดำ
ปั่ก!
ไม่มีปฏิกิริยาใด
เขาหยิบอีกก้อนแล้วขว้างอีกที!
ปึ้ก!
ยังคงไม่มีปฏิกิริยา
ฟางหยวนยังคงสงสัย และหยิบหินก้อนใหญ่ขึ้นมาแทน เขาใช้กำลังทั้งหมดขว้างหินก้อนนั้นไปที่ชายชุดดำ
มีเสียงกระดูกหักดังมา…
“ยังไม่มีปฏิกิริยา? หรือว่าเขาบาดเจ็บสาหัส?”
ฟางหยวนมองเลือดที่ไหลนองเป็นลำธารเส้นเล็ก ๆ
“ฮวาหูเตียว ไปกัดคอมันเบา ๆ สักคำสิ!”
ฟางหยวนทำท่าทางสื่อสารกับฮวาหูเตียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะตรงไปงับคอชายชุดดำ ฟางหยวนค่อย ๆ เข้าไปตรวจดูใกล้ ๆ
ชายในชุดขาวกลายเป็นศพไปแล้วจริง ๆ เขาดูท่าทางธรรมดาและสัตย์ซื่อ อายุราว ๆ 30 ปี
แต่ชายชุดดำ ที่ยังมีชีวิต มีคางแหลม ทำให้ดูเป็นคนอำมหิต ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกระดาษ หน้าอกยุบเป็นรอย ซี่โครงและขาหัก
“ผู้ชายคนนี้อำมหิตนัก… แต่ว่าก็ยังมีประโยชน์…”
ฟางหยวนค้นตัวทั้งสองคน เขาไม่เจออะไรในตัวชายชุดดำ เขาสบถใส่ชายชุดดำเงียบ ๆ ส่วนในกระเป๋าของชายชุดขาวมีชุดไฟ แผ่นทอง และมียารักษาแผลคุณภาพดีสองขวด นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ชายชุดดำมองหา แต่โชคร้ายที่สลบไปเสียก่อนเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส
“ยานี่ดูจะคุณภาพดีและเป็นที่รู้จักทั่วไปในที่ไหนสักแห่ง โชคไม่ดี ข้าไม่รู้จักยานี่…”
หลังจากค้นหาอย่างละเอียด ฟางหยวนก็ไม่เจอตำรายุทธ์ที่เขาอยากได้ที่สุด จากนั้นเขาก็มองความวุ่นวายที่ชายชุดดำทำและรู้สึกลังเล
เขากัดฟัน ก่อนจะตัดสินใจขุดหลุมฝังผู้ชายในชุดขาว เขามองชายชุดดำอีกครั้ง ความรู้สึกผสมปนเป
…
“อย่า… อย่าเข้ามานะ!”
เขาฝันว่าศิษย์พี่ที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดกำลังร้องขอชีวิต
ฮั่นโจวกรีดร้องแล้วตื่นขึ้นจากฝัน
เขานอนอยู่บนเตียงไม้ที่มีขอบโค้งมน รอบข้างมีเครื่องเรือนทำด้วยไม้ ในห้องดูธรรมดา
สำหรับเขา ที่เพิ่งผ่านความเป็นตายมา ห้องนี้ดูราวกับสวรรค์
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าข้า…”
ฮั่นโจวตัวสั่นและพยายามจะลุก แต่เขาบาดเจ็บหนักมาก ในอกและขายังปวดหนึบ เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นดูแปลกประหลาด
เขาจำได้ชัดเจนว่าตนเองถูกศิษย์พี่ชกเข้าที่อกอย่างแรง แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมที่ขาจึงเจ็บมากเพียงนี้?
แล้ว เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ที่นี่คือที่ไหน?
“ในที่สุดท่านตื่นแล้ว?”
เสียงประตูเปิดออกให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาถือชามยาเข้ามาในห้อง เขาถอนหายใจก่อนพูด “เมื่อวันก่อนข้าออกไปเก็บสมุนไพรและบังเอิญพบท่านบาดเจ็บอยู่ ข้ากลัวแทบตาย แต่ก็ต้องขอบคุณสวรรค์…”
เขาช่วยฮั่นโจวลุกขึ้นนั่ง และป้อนยา
ฮั่นโจวลุกขึ้นนั่งได้ก็เห็นว่าเสื้อผ้าและรองเท้าข้างขวาไม่ได้ถูกแตะต้อง เขาผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งใจ
ฉื่อ* หน่วยวัดความยาวของจีน 1 ฉื่อ เท่ากับประมาณ 10 นิ้ว หรือ 1 ฟุต
ชื่อตอน ชาวประมง หมายถึงชาวประมงในนิทานที่นกกระสากำลังจิกกินหอยกาบอยู่แล้วหอยกาบก็ใช้เปลือกหอยหนีบปากของนกเอาไว้ ยื้อยุดกันไว้เช่นนั้น แล้วชาวประมงมาเห็น ก็ฆ่านกกระสาและเก็บทั้งนกทั้งหอยกาบไป หมายถึง มือที่สามที่ฉวยเอาผลประโยชน์ทั้งหมดไป