จริงอยู่ที่จอมมารมีพระบรมราชีทั้งสิ้นห้าพระองค์ แต่การที่ราชินีทั้งห้าจะเข้าร่วมการประชุมที่วังหลวงเป็นภาพที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง
หนึ่งในหลายเหตุผลก็คือ บรรดาเหล่าราชินีต่างเป็นเจ้าเผ่าพันธุ์ของตน พวกนางต่างพำนักที่เขตแดนตนเอง มีข้อยกเว้นในกาลที่บรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายยังเยาว์ เมื่อเหล่ารัชทายาทเติบโตขึ้นข้อยกเว้นเหล่านั่นก็อันตรธานหายตามไป
ทว่าการที่ราชินีถึงสองพระองค์ตามเสด็จจอมมารเข้าร่วมการประชุมสภามิใช่เรื่องที่เลวร้าย อย่างไรเสียก็เป็นภาพที่แปลกตายิ่งสำหรับเหล่าอำมาตย์
“สมกับที่เป็น ฉัตร ‘จอมก่อกวน’ จริงๆ”
ซิลวานหลุดพึมพำออกมา ฉัตรจอมก่อกวนเป็นฉายาที่เหล่าข้าราชบริพารตั้งให้ลับหลัง นั่นเพราะในทุกครั้งที่เจ้าชายฉัตรเข้าร่วมการประชุมสภาจะมีเหตุการณ์ที่ผิดแปลกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ถึงกระนั้นเมื่อเหตุผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นความปกติในอีกรูปแบบหนึ่ง ยามที่ปราชญ์ดาบเข้าร่วมการประชุมอาจทำให้เกิดการตกใจหมู่ แต่ในครั้งนี้ผู้ร่วมสภาหลายตนเริ่มมีภูมิต้านทานขึ้นบ้าง
‘เริ่มจะชินกันแล้วสินะ’
ครั้งที่สี่ที่อินกองเข้าร่วมการประชุมสภา ครั้งที่สี่ที่เหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ความผิดปกติสี่ครั้งด้วยเหตุปัจจัยเดียวกัน จึงไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติอีกต่อไป เฟลิซีเป็นหนึ่งในผู้ที่มีการปรับตัวมากที่สุด นางไม่มีอาการตกตะลึงเช่นในครั้งแรก นางโล่งอกเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากที่คาดเดาไว้
‘ดูเหมือนเฟลิซีกับซิลวานจะไม่รู้เรื่องที่ซิลเวียแวะมา’
ราชินีซิลเวียไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังการเสด็จในครั้งนี้ จึงเป็นไปได้ว่าทรงเสด็จมาอย่างกระทันหัน
“เจ้าชายลำดับที่ห้า ซิลวาน ดูมเบลด”
เสียงเรียกจากพี่สาวผู้ดูแลกระทรวงเกียรติยศขานชื่อซิลวานจากหน้าเวที บรรยากาศในห้องโถงอาจเปลี่ยนไปแต่ขั้นตอนดำเนินการยังคงเดิม
ซิลวานจัดบุคลิคของตนพร้อมก้าวออก ตามด้วยชื่อของเฟลิซีกับเคทลินถูกขานเรียกตามลำดับ ก่อนจะถึงชื่อเจ้าชายฉัตรเป็นลำดับสุดท้าย
การประชุมสภาได้เริ่มขึ้นดั่งเคย
&
“แล้ววว ก็จบลงด้วยดี”
หลังเสร็จสิ้นวาระการประชุม เฟลิซีก็ออกมานั่งโซฟาที่ห้องรับรอง
ไม่เกิดเหตุโกลาหลในการประชุมครั้งนี้ อิซเบลเล่าความสำเร็จของรัชทายาทแต่ละตน พร้อมเสียงปรบมือจากบรรดาขุนนาง มีเพียงการเข้าร่วมจากราชินีทั้งสองพระองค์เท่านั้นที่ทำให้การประชุมครั้งนี้ผิดแปลกไป
“แต่ก็แอบผิดหวังอยู่บ้างที่ท่านพ่อไม่พูดอะไรเลย”
เฟลิซีหลับตาพึมพำออกมา จอมมารนั่งเงียบเคร่งขรึมเช่นทุกครั้ง หากแต่ความผิดปกติจากอินกองส่งผลให้เกณฑ์ของเฟลิซีเปลี่ยนไป การที่จอมมารนิ่งเงียบจึงผิดไปจากที่เฟลิซีคาดคิด
‘มันจะต้องมีข่าวให้ซุบซิบกันแน่’
อาจเกิดข่าวลือที่ว่าจอมมารมิได้เอ็นดูเจ้าชายฉัตรอีกแล้ว
‘แต่ก็น่าสงสัยอยู่นะ ว่าทำไมครั้งนี้จอมมารไม่พูดอะไรเลย?’
อินกองกระวนกระวายในทุกครั้งที่จอมมารเอ่ยถ้อยคำออกมา ครั้งนี้ที่เขาเตรียมใจมาก่อน จอมมารกลับนิ่งเงียบ นั่นทำให้เขาครุ่นคิด
‘จะว่าไปแล้ว เราก็ไม่ได้รับการเอ็นดูอะไรทั้งนั้น’
สายตาที่จอมมารจ้องมองไม่ต่างไปจากในทุกครั้ง ไม่มีความสนใจหรือผิดหวังอันใด
‘ไม่สิ แบบนี้สิที่เรียกว่าปกติ’
เมื่อคิดตามเนื้อเรื่องจากเกมบทกวีแห่งผู้กล้า จอมมารไม่เคยพูดอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ คิดได้ดังนั้นอินกองก็เริ่มสงบสติ
‘แล้วก็รายงานเกี่ยวกับพวกอาชา รณการ อาสัญ ทุพภิกขภัย… เงียบหายอย่างที่คิดไว้เลย’
การจัดแบ่งภารกิจให้เหล่าทายาทอาจมีการเมืองแอบแฝง แต่เดิมที่แล้วบทบาทของการประชุมสภาเป็นเพียงเวทีประกาศมอบรางวัล เรื่องเภทภัยจากอาชาแห่งโลกาวินาศจึงมิได้มีการกล่าวในพิธี
อินกองหันไปสบตากับเฟลิซี ทั้งคู่พยักหน้าให้กันราวกับว่าสามารถสื่อความคิดได้ หากพวกเขาต้องการรายละเอียดบางทีกระทรวงเกียรติยศอาจเป็นตัวเลือกที่ตรงกว่า หรืออาจต้องติดต่อเสนาธิการทหารเพื่อรับข้อมูลโดยตรง
ระหว่างที่อินกองกับเฟลิซีสบตาส่งทอดความคิด ซิลวานก็เดินมาโอบไหล่เฟลิซี
“ไม่ต้องห่วงลิซซี่ ท่านพ่ออาจไม่พูดอะไร แต่พี่ชายคนนี้จะไม่ทำให้น้องเหงาแน่นอน”
ซิลวานสูดหายใจเตรียมตัวร่ายอาขยานก่อนเฟลิซีจะศอกใส่ท้องของเขาขัดบทอาราธนาเอาไว้
“เงียบไปเลยซิลวานแล้วก็ฉันไม่คิดว่าจะเจอท่านแม่ที่นี้ท่านแม่มาตั้งแต่เมื่อไรทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลย”
เฟลิซีเปลี่ยนบทสนธนาอย่างชัดเจน อินกองกับเคทลินต่างให้ความร่วมมือ ซิลวานทำเพียงแสดงสีหน้าผิดหวังที่ไม่ได้กล่าวโอ้อวดน้องสาวพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้พบเห็นราชินีซิลเวียนานมากกก ท่านหน้าเหมือนออนนี่ไม่ผิดเพี้ยนเลย”
ราชินีซิลเวียมีความคล้ายคลึงเฟลิซีราวกับเป็นบุคคลเดียวกัน ข้อแตกต่างระหว่างทั้งสองมีเพียงส่วนสูงราวหนึ่งฝ่ามือ ดวงตาที่คมชัดมากกว่าบ่งบอกถึงอายุ และสีตาที่ต่างกัน อย่างไรเสียหากทั้งสองยืนติดกัน ผู้พบเห็นสามารถระบุถึงความสัมพันธ์ได้ทันที
‘นาง… ดูเหมือนพี่สาวมากกว่าแม่’
เผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวยอมมีวันหนุ่มสาวที่นานกว่า นั่นทำให้รูปโฉมภายนอกของซิลเวียดูไม่ต่างไปจากเด็กสาวย่างยี่สิบปี รวมความคล้ายคลึงด้วยแล้วทำให้นางดูเหมือนเป็นพี่สาวเสียมากกว่า
เคทลินวาดมือไปมาพยายามวาดซิลเวีย เฟลิซีหัวเราะให้กับท่าทางของนาง
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ราชินีเอเลนดูเหมือนเคทไม่มีผิด”
เผ่าไลแคนโทรปไม่ได้มีอายุที่ยาวนานดั่งเอลฟ์รัตติกาล นั่นทำให้ราชินีเอเลนดูบ่งบอกว่ามีอายุ ในกรณีของเคทลินทั้งสองจึงให้ภาพลักษณ์แม่ลูกมากกว่ากรณีของเฟลิซี
ความสัมพันธุ์ระหว่างทั้งสองเป็นภาพที่น่ารักทำให้อินกองผ่อนคลาย
“ผมดีใจที่พิธีจบลงด้วยดี หลังกลับคฤหาสน์ผมคงแวะไปที่กระทรวงเกียรติยศ จากนั้นก็คงนอนพักยาวเลยครับ”
เพื่อให้การมาเยือนวังหลวงในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น อิงกองจึงพยายามจัดตารางเวลาทำธุระที่จำเป็นให้หมดสิ้นโดยไวที่สุด หนึ่งในนั้นคือการตรวจสอบระดับเกียรติยศรวมถึงแต้มคะแนนผลงาน จุดประสงค์หลักเพื่อตรวจสอบสิทธิในการเข้าถึงอาคารของเจ้าชายฉัตร
“เพราะฉะนั้น… ”
ก่อนที่อินกองจะพูดเสร็จ เฟลิซีหันไปมองหน้าซิลวานแล้วพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง ราวกับคาดหมายบางสิ่ง
“ออนนี่คะ?”
ในขณะที่เคทลินกำลังทักถามอาการเฟลิซีที่เปลี่ยนไป มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงขออนุญาต
“อย่างที่คิดเลย…”
ซิลวานหันบอกซีพิร่าให้เปิดประตู ผู้ส่งสารนายหนึ่งโค้งคำนับยื่นซองจดหมายให้คณะของอินกอง จากนั้นเขาก็ถอยไปเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น
เมื่อปิดประตูตรวจสอบจดหมาย ซีพิร่าก็กล่าวออกมา
“ใต้ฝ่าพระบาทเพคะ นี่เป็นราชสารเชิญจากราชินีซิลเวียเพคะ”
กระดาษสีขาวตกแต่งด้วยสัญลักษณ์มีใจความสำคัญเชื่อเชิญร่วมงานเลี้ยงน้ำชา
คารัคมองเก็บรายละเอียดจดหมายครู่หนึ่ง
“หืม? วันที่นี่มัน วันนี้ไม่ใช่หรือ? ส่วนเวลาก็ อีก 2 ชั่วโมง?”
จดหมายเชิญจากราชินีซิลเวียถูกส่งก่อนงานเลี้ยงเริ่มขึ้นในเวลาสองชั่วโมง แตกต่างจากในครั้งของเจ้าชายไบคาลที่ส่งล่วงหน้าหลายวัน
“หา? นายอ่านผิดหรือเปล่า?”
“ไม่ผิดแน่นอน”
“ใช่แล้วเพคะ วันที่ระบุเป็นวันนี้เพคะ”
คารัคกับเซร่าตอบข้อกังขาของอินกอง
เฟลิซีกับซิลวานถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“คิดไว้แล้วเชียว นาง… ชอบทำอะไรแบบนี้เสมอ”
ซิลวานยิ้มพลางลุกขึ้นยืนก่อนไปพยุงเฟลิซี
“เพราะอย่างนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ ถ้ารีบกลับคฤหาสน์กันตอนนี้น่าจะเตรียมตัวกันทันเวลาอยู่”
เวลาเพียงสองชั่วโมงค่อนข้างกระทันหัน แต่หากเร่งมือก็เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนชุดสำหรับงานเลี้ยงน้ำชา
คำกระตุ้นจากเฟลิซีทำให้สมาชิกทุกท่านต่างเร่งรีบราวกับต้องมนต์สะกด
&
ใกล้เคียงกับใจกลางวังจอมมารมีปราสาทสีดำตั้งอยู่ สถานที่เรียกว่าวังจอมมารที่แท้จริง ติดกับปราสาทนี่มีราชวังรับรองของเหล่าราชินีทั้งห้าพระองค์
ราชวังของราชินีซิลเวียดูคล้ายกับโบราณสถานหากเทียบกับปราสาทอื่น ภายในประดับตกแต่งอย่างโบราณด้วยต้นไม้และเถาวัลย์ให้ความรู้สึกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เมื่อคณะของอินกองมาถึงก็ได้รับการต้อนรับนำทางสู่ประตูห้องโถง
ภายในมีสตรีท่านหนึ่งนั่งอยู่ดังที่คาดคิด ทว่าถัดไปกลับมีสตรีอีกท่านนั่งอยู่เคียงข้าง สร้างความประหลาดใจให้อินกอง
‘ราชินีเอเลน?’
การพบเจอราชินีซิลเวียในที่พำนักของนางถือเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเมื่อนางเป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงด้วย แต่การพบเจอกับราชินีเอเลนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด
อินกองเริ่มฟุ้งซ่านในทันที หรือความจริงแล้วราชินีทั้งสองสนิทสนิทกันอยู๋แล้ว? หรือเป็นเพราะความสัมพันธ์ในตอนนี้เป็นฐานะพันธมิตร? บางทีงานน้ำชาในครั้งนี้อาจสำคัญกว่าที่เขาคิดไว้
“ยินดีต้อนรับทำตัวกันตามสบายเลย นี่เป็นงานอย่างไม่เป็นทางการนัก ถ้ามองไปรอบๆจะเห็นว่ามีองค์รักษ์แค่ 1-2 คนแค่นั้น”
น้ำเสียงกับภาษาที่ผ่อนคลาย สถานที่มีเพียงห้องจัดงานไม่มีห้องรับรองแขก ยิ่งไปกว่านั้นบนโต๊ะยังมีเพียงของหวานไม่กี่ชนิด
เคทลินผู้คุ้นเคยกับการที่ราชินีเอเลนเลือกใช้ภาษาตามสถานที่ผ่อนคลายความกังวลลง
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ราชินีซิลเวียมองจ้องไปยังราชินีเอเลนอย่างไม่พอใจ
”นี่เป็นงานเลี้ยงของฉันนะเอเลน ควรให้ฉันเป็นผู้กล่าวต้อนรับไม่ใช่รึ?”
“นั่นก็ถูก”
ราชินีเอเลนตอบปัดผ่านอย่างไม่แยแส ราชินีซิลเวียขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่ม บ่งบอกว่าทั้งสองต่างสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง
‘พอคิดดูแล้วก็จริง ทั้งสองไม่มีความทะเยอทะยานจะให้ลูกของตัวเองเป็นจอมมาร’
การแข่งขันระหว่างเหล่าทายาททำให้ความสัมพันธ์ระหว่างราชินีพระองค์อื่นค่อนข้างขัดแย้งกัน แต่ราชินีซิลเวียกับเอเลนไม่มีเหตุปัจจัยนั้น
หากมองในอีกมุม เรียกได้ว่าทั้งสองต่างตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันเสียด้วยซ้ำ
เอเลนหัวเราะให้กับท่าทีของเพื่อน ส่วนซิลเวียก็หันมาส่งยิ้มให้กับอินกอง
“นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงส่วนตัวฉะนั้นไม่ต้องประหม่าอะไร แล้วก็ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเราฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวลืออะไรทั้งสิ้น”
“ท่านแม่”
เฟลิซีก้าวเข้าต้องการจะสวมกอดแม่ของนาง
“ลิซซี่ จะไม่แนะนำพรรคพวกหน่อยรึ?”
เฟลิซีได้ยินแล้วก็หยุดชะงักก่อนนางจะเริ่มแนะนำตัวสมาชิกคณะอินกอง
จากนั้นทหารส่วนตัวของซิลเวียเข้ามาช่วยนำสมาชิกทั้งหมดเข้าประจำที่นั่งของตน ซิลวานกับเฟลิซีนั่งข้างซิลเวีย เคทลินนั่งข้างเอเลน ส่วนอินกองนั่งห่างออกไปยังอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ เผชิญหน้ากับราชินีทั้งสอง
“อย่างแรกต้องขอขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของเรา ส่วนที่ส่งคำเชิญในวันนี้ก็เพราะ เราต้องการพูดคุยกับเธอ”
ซิลเวียกล่าวพลางจ้องไปยังอินกอง ผิดไปจากเอเลนที่เคยพบเจอกับอินกองมาก่อนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ซิลเวียได้พบกับเขา แน่นอนว่าซิลเวียอาจเคยพบเจอกับเจ้าชายฉัตรมาก่อน ทว่าเจ้าชายฉัตรในอดีตกับอินกองเรียกได้ว่าเป็นคนละคน
การที่เผ่าเอลฟ์รัตติกาลจะสนับสนุนอินกองได้ ซิลเวียต้องการพบเจอกับเขาให้เห็นด้วยตาของนางเองก่อน
อินกองจ้องซิลเวียกลับโดยไม่ลดละสายตาทำให้นางยิ้มออกมา หากเปรียบเปรยแล้วนี่เสมือนกับอินกองพูดคุยกับเฟลิซีในอนาคต
“เราได้ยินเสี่ยงเลื่องลือจากการประชุมสภามาสักพักแล้ว ฉะนั้นมาคุยกันเถอะ”
อินกองจิบแก้วน้ำชาตรงหน้าแล้วพยายามคิดทบทวนในหัว ราชินีซิลเวียต้องการอะไรจากเขากัน?
ข้อมูลเกี่ยวกับราชินีพระองค์นี้เมื่ออ้างอิงจากในเกมเรียกว่าเป็นศูนย์ นั่นเพราะนางไม่ปรากฎตัว
ราชานีลำดับที่สามซิลเวีย ดูมเบลด ผู้ที่อินกองรู้จักแต่เพียงชีวประวัติกำลังจดจ้องพลางจิบน้ำชา
*หายไปนานจนนึกว่าจะมีคนเอาไปแปลต่อซะแล้ว