กลางคืนที่ควรจะเงียบสงบกลับพลันเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงตกใจของผู้คน ดวงจันทร์สีน้ำเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า รัศมีแสงของมันสาดส่องไปทั่ว ทั้งโลกดูคล้ายกับถูกเคลือบด้วยประกายสีฟ้าราวกับฝัน
เรเชล เด็กสาววัยรุ่นที่เคยเชื่อว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดา มองภาพตรงหน้าด้วยความทึ่งผสมความกลัว เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ดวงจันทร์สีฟ้าเหรอ? เรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย” เสียงของเธอสั่นแต่เต็มไปด้วยความงุนงง
ไม่นาน แสงสีน้ำเงินก็ท่วมท้นจนดวงตาของเธอพร่ามัวไปทั้งคู่ ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับไปเป็นความมืด
—
เมื่อเรเชลลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือป่าลึกแปลกประหลาดที่เธอไม่คุ้นเคย แต่ก็แปลกที่เธอรู้สึกว่ามันดูคล้ายกับฉากในเกมที่เธอเคยเล่นอยู่ไม่น้อย เสียงสัตว์และเสียงลมพัดเบาๆ ทำให้เธอเริ่มคิดว่าอาจไม่ใช่ความฝัน
“นี่มันอะไรกัน? ถูกดึงเข้ามาอีกโลกจริงๆเหรอเนี่ย?”
เธอค่อยๆ สูดลมหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังสับสน
—
เรเชลพยายามจะนึกถึงสิ่งที่เคยเห็นในเกม “ในเกมพวกนี้มันต้องมีระบบอะไรสักอย่างล่ะมั้ง…งั้นลองดูสิ”
“System!!”
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอหันมาบ่นกับตัวเองอย่างขำขัน “อา…แย่จริง ดันทำเรื่องน่าอายไปซะแล้ว”
แต่อารมณ์ขันนั้นไม่คงอยู่ได้ไม่นาน เรเชลนึกขึ้นได้ถึงซิลเวีย เด็กผู้หญิงที่เธอสัญญาจะปกป้องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม การหายตัวไปของน้องสาวคนนี้ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีเวลามาพล่ามเล่น
—
เธอจึงเริ่มออกสำรวจรอบๆ พร้อมพึมพำกับตัวเอง “ยังไงก็ต้องหาอาวุธป้องกันตัวก่อนแล้วกัน”
ขณะที่เธอกำลังคิดหาอาวุธ เสียงไม้ที่ดังสนั่นเหมือนต้นไม้ใหญ่ถูกล้มลงดังก้องไปทั่ว เรเชลรีบหันไปดูอย่างตกใจ ปีศาจวัวตัวใหญ่ ถือขวานมหึมา กำลังเดินเข้ามาทางเธอ มันเป็นมิโนทอร์ในตำนาน และในวินาทีนั้นเอง เรเชลรู้ว่าชีวิตเธออาจต้องจบลงตรงนี้
“บ้าจริง! เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน จะไปสู้มอนสเตอร์แบบนี้ได้ยังไง!”
ทันใดนั้น งูยักษ์สีดำขลับก็ปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าจู่โจมมิโนทอร์จนทำให้มันล้มลง พวกมันต่อสู้กันจนพื้นสั่นสะเทือน เรเชลใช้โอกาสนี้รีบหันหลังและวิ่งออกจากตรงนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เธอตระหนักแล้วว่าในโลกใหม่นี้อาจเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่อาจคาดเดาได้
“ฉันยังไม่พร้อมจะตายตอนนี้ ยังมีคนที่ต้องตามหาอยู่…”
เรเชลยังคงวิ่งสุดแรงเกิด ฝ่าอุปสรรคที่ดูไม่มีวันสิ้นสุด เสียงของมิโนทอร์และงูยักษ์สู้กันดังสนั่นตามหลังเธอมาจนดินใต้เท้าสั่นสะเทือน ทว่าราวกับโชคชะตายังไม่พอใจจะปล่อยเธอไปง่ายๆ
ทันใดนั้น รากไม้ขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นจากพื้นดิน ขวางทางเรเชลไว้ รากไม้นั้นค่อยๆ เปิดเผยรูปร่างเป็นพืชปีศาจกินคนที่กำลังตื่นจากการหลับใหลในใจกลางป่า ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องไปที่เธอ
“นี่มันอะไรกัน… หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ” เรเชลพูดออกมาด้วยความท้อแท้และสิ้นหวัง เสียงเธอแผ่วเบาด้วยความเหนื่อยล้า
พืชปีศาจค่อยๆ สะบัดเถาวัลย์หนาและยาวที่เหมือนแส้ โจมตีเข้าใส่เรเชลจากทุกทิศทาง เถาวัลย์มัดตัวเธอไว้อย่างแน่นหนา กดร่างของเธอลงกับพื้น หัวใจเธอเต้นระรัวด้วยความกลัว จนแทบจะหยุดเต้น เธอพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ประโยชน์
“ฉันยังไม่อยากตาย… ไม่ได้! ใครจะไปช่วยซิลเวีย ถ้าฉันจากไปตอนนี้…” ความคิดถึงน้องสาวเพียงคนเดียวแวบขึ้นมาในหัว ดึงความหวังสุดท้ายให้เรเชลพยายามจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ความมืดมิดของป่ากลับดูเหมือนจะกลืนกินแสงสว่างทั้งหมดไป
—
ความรู้สึกของการโดนขังอยู่ในความสิ้นหวังบดขยี้จิตใจเธออย่างช้าๆ และเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะดับสิ้น… สติของเธอก็ดับวูบไป
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เรเชลกลับรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ “ฉันยังไม่ตาย… ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
เธอพบว่าตัวเองยืนอยู่บนผืนน้ำกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด พื้นน้ำใสบริสุทธิ์สะท้อนภาพของเธออย่างชัดเจน ขอบฟ้าที่กว้างไกลเกินเอื้อมสร้างความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ยิ่งใหญ่ ทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาแผ่วเบา
“[มาทางนี้สิ สาวน้อย…]”
เสียงนั้นฟังดูอ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับ เรเชลตัดสินใจเดินไปตามเสียงอย่างลังเล แต่เพราะไม่เห็นทางเลือกอื่น
เธอก้าวไปข้างหน้า พลางถามตัวเองว่านี่คือภาพหลอนหรือไม่ จนกระทั่งรอบตัวเธอหยุดนิ่ง ราวกับเวลาถูกหยุดไว้ แสงสีฟ้าสาดส่องไปทั่ว ทุกอย่างสงบนิ่ง มีเพียงเธอกับร่างหนึ่งตรงหน้าเท่านั้น
—
หญิงสาวลึกลับยืนอยู่ตรงหน้า แม้จะอยู่ในระยะประชิด แต่เรเชลกลับไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้ ร่างของหญิงสาวนั้นพร่ามัวล่องลอย มีเพียงรอยยิ้มอันน่าหวาดหวั่นที่ปรากฏให้เห็น
“เธอเป็นใคร…” เรเชลพึมพำออกมาอย่างหวาดกลัว
เสียงของหญิงสาวนั้นแฝงด้วยความเย็นชาและน่าขนลุก ราวกับเสียงสะท้อนจากความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด มือของหญิงสาวยกขึ้นมาวางไว้บริเวณหน้าอกของเธอเอง พลางพูดขึ้นช้าๆ
“[เธอมีคนที่อยากจะปกป้องใช่มั้ย?]”
คำถามของหญิงสาวนั้นกรีดแทงเข้าไปในใจของเรเชล ความรู้สึกต้องการปกป้องซิลเวียพุ่งขึ้นมาในใจของเธอทันที แต่ปากของเธอกลับสั่นและพูดไม่ออก
“[เธอต้องการพลังไหม? พลังที่จะเอาตัวรอด พลังที่จะปกป้องคนที่เธอรัก…]”
เรเชลจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสับสน คำว่า “พลัง” ก้องอยู่ในหัวเธอ ซ้ำไปซ้ำมา ความรู้สึกอ่อนแอที่เธอมีต่อโชคชะตาที่เล่นตลกใส่เธอตลอดเวลา ตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้และมีชีวิตอยู่ต่อไป
“พลังเหรอ?” เรเชลพึมพำกับตัวเอง “ฉันต้องการพลังจริงๆ เหรอ?”
หญิงสาวคนนั้นแสยะยิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มที่ดูน่าขนลุกนั้นทำให้เรเชลรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ราวกับความปรารถนานั้นไม่ใช่ของเธอเอง
—
หญิงสาวผู้นั้นค่อยๆ เอื้อมมือเข้ามาใกล้ราวกับจะส่งต่อบางสิ่งให้กับเรเชล
“[พลังนี้มีราคาที่เธอต้องจ่าย แต่หากเธอยอมรับมัน…เธอจะมีชีวิตรอดและสามารถปกป้องคนที่เธอรักได้]”
เรเชลลังเล เธอไม่รู้ว่าอะไรคือราคาที่ต้องจ่าย แต่หัวใจของเธอตอบรับโดยไม่ต้องคิดนาน ภาพของซิลเวียที่ยังอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกใบนี้ทำให้เธอมีความกล้าพอที่จะยอมเสี่ยง
“ฉันยอมรับ” เธอกล่าวอย่างหนักแน่น
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าสว่างจ้าก็พุ่งตรงเข้ามาสู่ร่างกายของเรเชล ความรู้สึกเหมือนพลังงานบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกายทำให้เธอทั้งเจ็บปวดและตื่นเต้นที่ได้รับพลังมาในเวลาเดียวกัน ร่างของเธอเปล่งแสงและพลังบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยก็ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใน
—
เมื่อทุกอย่างสงบลงอีกครั้ง เรเชลก็พบว่าตัวเองกลับมายังป่ามืดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รอบกายของเธอเต็มไปด้วยพลังอันน่าทึ่ง ดวงตาของเธอสว่างวาบขึ้น ความรู้สึกแข็งแกร่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนพุ่งขึ้นมา
เสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังมาไกลๆ เรเชลยิ้มเยาะและคิดในใจว่า ตอนนี้เธอจะไม่ใช่เพียงเหยื่ออีกต่อไป
“ซิลเวีย รอหน่อยนะ…พี่กำลังจะไปช่วยเธอแล้ว”
#####################################
สวัสดีทุกท่านนี้คือ my first original novel เรื่อง Blue Moon The Last Hope
หวังว่าทุกท่านจะสนุกไปกับการอ่านในครั้งนี้เราจะพัฒนาต่อไปให้ดีขึ้นกว่าเดิม