ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าของโน่เข้ามาในคฤหาสน์ของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบ หลังเพิ่งบินกลับมาจากคุยงานใหญ่กับคิมที่ฮ่องกง (ประเทศจีน)
งานใหญ่ที่ว่าคือธุรกิจท่าเรือส่วนตัวที่ทำร่วมกัน
พวกเขามีเกณฑ์ที่จะขยายท่าเรือให้ใหญ่ขึ้นและซื้อเรือขนส่งเพิ่มเป็นจำนวนมากจึงต้องปรึกษาดูงานกันอยู่หลายวัน เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ในแถบเอเชียและยุโรปเริ่มทยอยติดต่อมาขอเพิ่มจำนวนน้ำมันหลายตันกลัวจะล่าช้าในการจัดส่ง
“แด๊ด! ” แนทเอ่ยเรียกสามีออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจขณะกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง เธอรีบวิ่งเข้าไปโผกอดเขาด้วยความคิดถึง
หมับ!
“โอ๊ย! อ้วน” แรงกระแทกทำให้โน่ถึงกับจุกอก จากสีหน้าเรียบกลายเป็นอมยิ้มอ่อนๆกับท่าทางดีใจของภรรยาสุดที่รัก
แบบนี้ไม่ให้หลงทนไหวเหรอ
“คิดถึงจัง” ใบหน้าสวยแนบติดกับแผงอกแกร่งของเขา พูดเสียงอู้อี้บอกไป ปกติห่างกันนานสุดแค่วันเดียวเองนี่เล่นตั้งสองสามวันแหนะ..จะไม่ให้เธอคิดถึงได้ยังไง ตอนแรกเขาจะให้ไปด้วยนั่นแหละแต่ติดที่ว่าต้องช่วยลูกชายเลี้ยงหลานชายไงเพราะลูกสะใภ้ต้องไปเรียนหนังสือ ไหนจะต้องช่วยลูกสาวดูหลานสาวอีกพานทำเธอไปไหนไม่ได้เลย
“อ้อนเก่งแบบนี้คืนนี้อยากได้กี่ครั้งว่ามา” โน่หยอกล้อกลับ พลางยกมือขึ้นมาลูบหัวทุยอย่างเอ็นดูโดยที่มืออีกข้างตวัดรัดเอวคอดไว้หลวมๆ พร้อมกับก้มจูบกุมผมด้วยความรัก
“ไหนบอกกลับพรุ่งนี้ไง” เธอผละตัวออกทำหน้าบึ้งถามไม่ได้สนใจคำหยอกล้อของเขา เมื่อวานตอนเช้าวิดีโอคอลกันเขาบอกจะกลับมาพรุ่งนี้ไหงอยู่ๆกลับมาวันนี้เฉย แถมยังไม่โทรบอกกันก่อนอีกน่าน้อยใจชะมัด
“พอดีงานลงตัวเร็วเลยกลับมาก่อน” ว่าแล้วเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ “แล้วนี่ลูกกับหลานหายไปไหนทำไมบ้านเงียบ” พอเห็นว่าบ้านดูเงียบๆไม่ได้ยินเสียงเล่นกันของเด็กน้อยอย่างที่เคยเป็น เขาจึงถามออกไป
“ตาเนพาลูกๆไปรับมัมเขาที่มหาวิทยาลัยโน้น ส่วนยัยเน่ก็พาลูกๆไปทำงานด้วยตั้งแต่เมื่อวานแล้วขอนอนคอนโดป่านนี้คงไปทำงานและมั้ง และตา..”
“ทำไมนอนคอนโด..” พอได้ยินว่าลูกสาวพาหลานนอนคอนโดโน่ก็ไม่รอให้ภรรยาพูดจบประโยครีบถามต่อแทรก
“นายครับ” แต่แล้วเขาก็ถามยังไม่ทันจบประโยคเหมือนกันต้องหยุดชะงักกะทันหันเมื่อจู่ๆดินลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างหลังเดินเข้ามากระซิบเรียกขัดจังหวะ
เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที ก่อนหันไปตะคอกเสียงดุดันว่าให้ “อะไรของมึงไม่เห็นเหรอว่ากูคุยกับเมียอยู่”
“ขอโทษครับ พอดีผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกนาย” ดินก้มหน้าเล็กน้อยกล่าวคำขอโทษผู้เป็นนาย แล้วก้าวมายืนหันหน้าข้างๆเจ้านายทั้งสองคน โน่กระชับเอวภรรยาเข้ามาแนบชิดกายหันไปประจันหน้ากับลูกน้องคนสนิทตรงๆ
“เรื่องอะไร? ”
“มีพนักงานคอนโดของคุณหนูส่งรูปมาบอกว่าเมื่อคืนมีผู้ชายอุ้มคุณหนูน้อยทั้งสองคนเดินคู่กับคุณหนูขึ้นลิฟต์ไปครับ” ว่าแล้วมือหนาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของตนที่เปิดข้อความ พร้อมกับรูปภาพค้างไว้อยู่จากเบอร์แปลกให้เจ้านาย หลังเพิ่งเปิดเห็นและอ่านเมื่อสักครู่
ทว่าระยะเวลาของข้อความนั้นถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เนื่องจากดินยุ่งๆมัวแต่เตรียมงานให้เจ้านายพร้อมกับลูกน้องอีกคนตามคำสั่งเลยไม่ได้แตะโทรศัพท์ ไม่แปลกที่พนักงานจะส่งมารายงานเขาเพราะตั้งแต่รู้เรื่องทั้งหมดโน่ก็สั่งให้จัดการป้องกันความปลอดภัยให้ลูกสาว ไม่ถึงกับตามติดแค่เข้าออกที่ไหนกับใครจะรู้ทุกอย่างเท่านั้นเอง
ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวไม่รู้
“ใคร? ฟีฟายรึเปล่า” โน่ยื่นมือไปรับมือถือมาดู นัยน์ตาสีดำเงาของเขาสะท้อนแสงจอจ้องเข้าไปที่รูปภาพบนนั้นไม่ละ
เป็นภาพของลูกสาวที่กำลังเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอุ้มหลานสาวทั้งสองคนของเขา เล่นหยอกล้อกันดูมีความสุข ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างคาดไม่ถึง ไม่ต่างจากม่านตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อผู้ชายในภาพที่เห็นชัดเจนนั่นคือ’เพลิง’ลูกน้องคนโปรดที่ได้ยิงทิ้งไปกับมือเมื่อสองสามปีก่อน
“เป็นไปได้ยังไง” เสียงทุ้มพูดออกมาเบาๆ ทั้งเขาและลูกน้องทุกคนต่างก็เห็นกันกับตาว่าเพลิงสิ้นลมหายใจไปแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงกลับมาอยู่กับลูกสาวเขาได้..
“มีอะไรหรือเปล่าแด๊ด” เมื่อเห็นท่าทีของสามีแปลกไปแนทจึงเอียงหน้าแหงนมอง พลางเอ่ยถามขึ้น แต่โน่ไม่ตอบกลับยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ดูเองแทน
“ทำไมมันถึงยังไม่ตาย ไหนมึงบอกว่าให้การ์ดและลูกน้องจัดการเอาศพมันไปโยนทะเลแล้วไง ทำไมมันถึงมาอยู่กับลูกกูได้” เขาตวัดสายตาไม่พอใจขึ้นมองลูกน้องคนสนิท พร้อมกับถามออกไป ขณะที่แนทกำลังตกใจกับภาพที่เห็น
“แด๊ดหนูเป็นห่วงยัยเน่กับหลาน” ยังไม่ทันที่ดินจะได้ตอบอะไรเธอก็พูดแทรกเสียงสั่น มือเล็กเกาะแขนสามีแน่นด้วยความเป็นห่วงลูกสาวกับหลานสาว แม้ว่าภาพตรงหน้าหลานสาวตัวเองจะดูมีความสุขมากแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอเลิกรู้สึกกลัวได้เลย ยิ่งเคยทำร้ายลูกสาวเธอมาแล้วยิ่งกลัวอยู่ดีขึ้นชื่อว่าสถานะโจรยังไงก็ไว้ใจไม่ได้
“มันไม่ทำอะไรลูกกับหลานเราหรอก เดี๋ยวแด๊ดจัดการเองอ้วนไม่ต้องกลัวนะ” เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ว่าปลอบขวัญภรรยา ยกมือลูบศีรษะทุยเบาๆ
“ค่ะ” เธอพยักหน้ามุ่ยด้วยความกังวลใจอยู่หน่อยๆ เลือดความเป็นแม่มันอดที่จะเป็นห่วงลูกไม่ได้จริงๆ ก่อนสามีจะโน้มหน้าลงมาหอมขมับของเธอฟอดหนึ่ง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คืนนั้นพวกมันโทรมารายงานผมว่าได้โยนร่างของไอ้เพลิงลงกลางทะเลไปแล้ว” ทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของเจ้านายทั้งสองคนดินก็พูดตอบ ทีแรกที่เห็นข้อความเขาก็ตกใจไม่ต่างกันกับเจ้านายเลยและเชื่อว่าการ์ดกับลูกน้องไม่กล้าโกหกแน่ เพราะทุกคนรู้ดีว่าผู้เป็นนายนิสัยยังไงคงไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองไปแลก
“งั้นมึงไปตามพวกมันมาพบกูในห้องโถงเดี๋ยวนี้” โน่ออกคำสั่งแค่นั้น แล้วพาภรรยาเดินเบี่ยงไปรอยังห้องโถงชั้นใต้ดิน
ระหว่างนั้นก็ไม่วายพูดขึ้นในใจ กูจะต้องรู้ให้ได้ว่ามึงรอดมาได้ยังไง ถ้ากูรู้ว่าลูกน้องคนไหนกล้าทรยศกูเพื่อช่วยมึงมันผู้นั้นได้มีจุดจบเดี๋ยวกับมึงแน่ และต่อให้ครั้งนั้นมึงจะรอดมาได้ครั้งนี้อย่าหวังจะรอด คนอย่างมึงต้องตายด้วยเงื้อมมือกูคนเดียวเท่านั้น
กว่าลูกสาวของเขาจะหายเป็นปกติได้เขาและภรรยาต้องทนเจ็บปวดและทรมานด้วยขนาดไหน นอกจากความตายก็ไม่มีอะไรมาทำให้เขาหายจากความแค้นภายในใจได้ ไม่ว่าจะกี่เดือนกี่ปีหรือจนวันตาย
“มีใครอยากจะพูดหรือเสนออะไรให้กับลูกค้าอีกไหมคะ” เนเน่เอ่ยถามพนักงานหลังสิ้นสุดการพรีเซนต์งานในห้องประชุมที่บริษัทให้ลูกค้ารายใหญ่หลายบริษัทจบ ในครั้งแรกที่เธอได้เข้าประชุมแทนคลีนทุกอย่างก็ดูราบรื่นไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดพลาด
“ไม่มีค่ะ” พนักงานคนหนึ่งตอบกลับ ก่อนที่การประชุมจะปิดลง
“งั้นขอจบการประชุมเพียงเท่านี้นะคะ” พูดจบเธอก็หยัดกายลุกขึ้นหยิบแฟ้มเอกสารส่งให้เลขา พร้อมกับว่าวานต่อ “รันรบกวนส่งลูกค้าให้ด้วยนะคะ”
“ค่ะคุณเนเน่” เลขาสาวสวยวัยกลางคนพยักหน้ารับคำ ซึ่งเนเน่ก็พยักหน้ากลับด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินออกจากห้องประชุม ไปจัดการเซ็นเอกสารที่เหลืออีกไม่กี่เล่มในห้องทำงานตัวเองต่อให้เสร็จสรรพ
ครืด~ ครืด~
หญิงสาวละสายตาจากเอกสารตรงหน้าเมื่อโทรศัพท์มือถือแผดเสียงร้องดังขึ้น เธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หยิบมือถือที่วางอยู่ข้างแฟ้มเอกสารมากดรับสายทันทีที่เห็นชื่อของผู้เป็นพ่อเป็นคนโทรเข้ามา
“ฮัลโหลค่ะป๊า”
(ทำอะไรอยู่ ประชุมเสร็จแล้วเหรอ)
“เสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่ แล้วตอนนี้ป๊าอยู่ไหนกลับมาจากจีนหรือยัง”
(กลับมาแล้ว หลานสาวป๊าล่ะไม่ได้อยู่ด้วยเหรอทำไมห้องเงียบจัง)
“เจ้คลีนพาเด็กๆไปกินไอศกรีมที่ห้างกันค่ะ”
(อืม เห็นม๊าบอกเมื่อคืนขอไปนอนคอนโดหนิ)
“ค่ะ เมื่อวานหนูเหนื่อยๆเลยขี้เกียจขับรถกลับเลยพาลูกไปนอนคอนโด”
(เหรอ คงไม่ใช่เพราะใครหลอกใช่ไหม)
“…..” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจที่อยู่ๆผู้เป็นพ่อก็ถามแบบนี้ขึ้น หรือท่านไปรู้อะไรมางั้นเหรอ
(ได้ยินที่ป๊าถามไหม)
“มะ..ไม่นี่คะ” คนเงียบไปหลุดจากภวังค์รีบตอบกลับเสียงสั่นตะกุกตะกัก ฟันขมกัดลงบนริมฝีปากอวบอิ่มเบาๆ รู้สึกตงิดใจแปลกๆเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะรู้ว่าเมื่อคืนเพลิงได้มาอยู่กับเธอและลูกไม่งั้นอยู่ๆคงไม่ถามอะไรแบบนี้
(อืม แล้วทำไมต้องเสียงสั่นด้วยล่ะ มีอะไรปิดบังป๊าอยู่รึเปล่า)
“เอ่อ..ไม่มีนี่คะ หนูแค่เหนื่อยจริงๆแล้วเมื่อวานเด็กๆขอให้พาแวะกินไอศกรีมด้วย เห็นว่าฟ้ามืดแล้วระยะทางกลับบ้านก็ไกลกว่าหนูเลยเลือกนอนคอนโดเฉยๆไม่มีอะไรหรอกค่ะ ป๊าก็เป็นคนบอกเองหนิไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากให้หนูขับรถดึกๆมันอันตราย” เนเน่พยายามพูดแก้ตัวในเชิงหว่านล้อมให้คนปลายสายเชื่อ รู้ทั้งรู้ว่าโอกาสน้อยที่ผู้เป็นพ่อจะเชื่อแต่มันเป็นทางเดียวที่ทำให้เพลิงรอดจากวันนี้ไปได้ถ้าท่านรู้จริง
เธอจะพยายามคอยช่วยเขาให้หลุดพ้นจากความไม่ปลอดภัยในตอนนี้ให้สุดความสามารถ เพราะไม่อยากเห็นลูกต้องมาร้องไห้เสียใจและเกลียดตาตัวเอง ถ้าโตขึ้นแล้วรู้ว่าพ่อของพวกเขามาตายด้วยน้ำมือของคนเป็นตา เพลินลินกับเพลงพิณต้องไม่ให้อภัยคนที่ฆ่าพ่อตัวเองแน่เธอคิดแบบนั้น
(อืม งั้นลูกทำงานเถอะป๊าไม่กวนแล้ว) สิ้นสุดจากเสียงปลายสาย สายก็ถูกตัดไปทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันตอบรับใดๆกลับ
เนเน่กำโทรศัพท์มือถือแน่น ความกลัวและความรู้สึกบางอย่างถาโถมเข้าใส่จนหัวใจดวงน้อยมันอยู่ไม่สุข สิ่งที่เธอห่วงมากที่สุดก็คือความรู้สึกของลูกไม่อยากให้ลูกต้องรู้สึกขาด
“ต้องบอกเพลิงให้ระวังตัว ใช่ ต้องบอกเพลิง” เสียงร้อนรนพึมพำออกมา ก่อนนิ้วโป้งเรียวยาวจะกดเข้าไปที่เบอร์ของเพลิง พร้อมกับพิมข้อความส่งไปเตือนเขา
‘เหมือนป๊าฉันรู้แล้วว่าเมื่อคืนนายอยู่กับฉัน ตอนนี้นายกำลังไม่ปลอดภัยนะรีบหนีไปซะก่อนที่ป๊าฉันจะสั่งคนไปลากคอนาย หรือไม่ตอนนี้พวกลูกน้องป๊าอาจจะกำลังไปหานายแล้วก็ได้ ถ้ายังอยากมีชีวิตที่จะเจอฉันกับลูกอยู่ก็ทำตามที่ฉันบอกนะ’