วันต่อมา..
เปลือกตาบางค่อยๆขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมขึ้นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคยอย่างงัวเงีย เมื่อร่างกายเปลือยเปล่าสัมผัสถึงไอความร้อนระอุจากร่างกายเปลือยเปล่าของคนข้างหลังที่แนบชิด พร้อมกับท่อนแขนแกร่งกอดรัดเอวคอดอยู่
เนเน่ขยี้เปลือกตาเบาๆ พลางบิดขี้เกียจ "อึก!" ทว่าเพียงแค่ขยับขานิดเดียวใบหน้าสะสวยก็เหยเกไปด้วยความเจ็บปวดตรงใจกลางความเป็นสาวที่เมื่อคืนถูกเขาใช้งานต่อแทบนับครั้งไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้กระทั่งแผลที่ถูกกัดและบุหรี่จี้ด้วยความซานดิสในตัวของเขาที่ชอบเสียงร้อง และชอบเห็นเลือดจึงทรมานเธออย่างว่าเล่น
เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดยกแขนแกร่งออกจากเอว ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆหันมองเพลิงที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจพอเห็นผ้าพันแผลบนท่อนแขนเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด
"หึ" เนเน่แสยะยิ้มออกมาอย่างนึกสมเพชกับความอวดดีของเขาที่ไม่ต่างกันเลย ที่เป็นแบบนี้ก็เกิดจากความเลวของเขาเอง เธอไม่จำเป็นต้องสนใจหรือรับผิดชอบอีกต่อไป แค่ทำแผลให้เมื่อวานก็ถือหายกันกับที่เขาช่วยชีวิตแล้ว
หากอยากชำระแค้นนี่ถือว่าเป็นโอกาสดีของเธอ น่าเสียดายเพราะเธออยากให้เขารับรู้สึกถึงความทรมานนั้นจึงไม่อยากทำอะไรตอนไม่รู้สึกตัว
หญิงสาวพยุงตัวเองลุกขึ้นก้าวลงจากที่นอนตรงไปยังราว หยิบเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นของเขามาสวมใส่ เนื่องจากเสื้อผ้าของเธอถูกเขากระชากขาดจนใส่ไม่ได้ หลังจากนั้นก็เดินมาก้มหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งวางกองอยู่บนพื้นขึ้นมา เปิดล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องไว้มากดเปิด
ติ๊ง~
ข้อความเด้งเข้ามารัวๆจากสายที่พยายามติดต่อเข้ามาจำนวนมาก พร้อมข้อความจากแคนดี้ นิ้วโป้งเรียวยาวกดเปิดอ่านข้อความนั้น
'แกอยู่ไหนอีกเนี่ย รู้ไหมว่าทิมมาบุกมาหาแกถึงคอนโดฉันเลย'
ทิมคือลูกน้องคนสนิทของพี่ชายฝาแฝดของเธอ
'ถามว่าแกอยู่กับฉันไหม'
เธออ่านเพียงแค่สองประโยคแล้วรีบกดออกต่อสายหาแคนดี้ทันที รอสายไม่นานเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้น
(ฮัลโหลแกอยู่ไหนเนี่ย)
"มาทำธุระ"
(ธุระอะไรทำไมถึงไม่กลับบ้าน อย่าบอกนะว่ามันฉุดแกไปทำอะไรอีก)
"แกบอกทิมไปว่าไง แล้วทิมตามหาฉันทำไมรู้ไหม" หญิงสาวไม่ตอบคำถามของเพื่อนรัก รีบเอ่ยถามกลับแทนด้วยน้ำเสียงกังวล
(เฮ้อ! เปลี่ยนเรื่องเฉย)
"ตอบเร็วๆได้ไหมแคนดี้"
(บอกว่าแกนอนหลับอยู่ในห้อง ทิมเลยฝากฉันให้มาบอกแกว่าวันนี้ป๊าบอกให้กลับบ้านด้วย) เธอถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่ง ขืนบอกไม่อยู่มีหวังเธอได้ถูกผู้เป็นพ่อและพี่ชายซักถามไม่หยุดแน่ ดีนะที่แคนดี้เป็นคนหัวไวเลยช่วยเธอให้รอดพ้นไปได้
"ขอบใจแกมากนะที่ช่วยฉัน"
(แล้วแกจะตอบฉันได้ยังว่าทำธุระ..) ไม่รอให้คนปลายสายได้พูดจบ เธอก็กดตัดสายทิ้งทันทีเพราะขี้เกียจจะตอบ เก็บมือถือใส่ในกระเป๋าดังเดิมแล้วจับสายของมันสวมเข้ามาสะพาย
ดวงตากลมโตมองไปยังเพลิงที่ยังนอนหลับสนิทเพราะพิษไข้อีกครั้ง ก่อนจะตัดสิ้นใจหมุนตัวเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าไปชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เขา อยากจะเดินออกไปเลย แต่ถ้าไม่ดูแลเดี๋ยวจะตายซะก่อนที่ยังไม่ได้แก้แค้น
@คฤหาสน์มาเฟีย
รถสปอร์ทคันหรูเลี้ยวขับเข้ามาจอดหน้าบันไดประตูบ้าน หลังจากกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโด เนเน่เปิดประตูก้าวขาลงมาในชุดไปรเวทเสื้อแขนยาวคอเต่าสีครีม ชายของมันด้านหน้าสอดเข้าไปในกางเกงขายาวเอวสูงสีดำ
ถึงจะปกติรอยต่างไปด้วยรองพื้นแล้วแต่แผลที่ถูกกัดและบุหรี่จี้ยังคงเห็นอยู่ เลยต้องใส่อย่างมิดชิดเพื่อไม่ให้ทุกคนเห็นรอยพวกนั้น
"ม๊ากับป๊าอยู่ไหน" เสียงเรียบเอ่ยถามลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ขณะกำลังเดินขึ้นบันไดเข้าไปในบ้าน
"นายหญิงอยู่ในห้องนั่งเล่นครับ ส่วนนายใหญ่น่าจะอยู่ในห้องทำงาน ยังไม่เห็นลงมาเลยครับ" ลูกน้องคนหนึ่งตอบกลับ
"……." เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วไม่รอช้ารีบเดินไปยังห้องนั่งเล่น
แกร็ก|
เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิดขึ้นด้วยฝีมือลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ ก่อนเนเน่จะเดินเข้าไปทำเอาคนที่นั่งอยู่หันมามอง
"ม๊า เจ้คลีนสวัสดีค่ะ" มือบางยกขึ้นประนม พร้อมกล่าวคำทักทายผู้เป็นแม่และพี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองคนก็พยักหน้ารับไหว้ด้วยรอยยิ้ม
"คิดถึงม๊าจังเลย ฟอด~" ว่าแล้วเนเน่ก็หย่อนตัวนั่งลง โผกอดผู้เป็นแม่ พร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง ไม่ได้เจอกันเกือบสองวันเต็ม หลังผู้เป็นแม่ขึ้นมาดูวันนั้นก็ออกไปเรียนแล้วไม่ได้กลับมาบ้านเลย
"หื้ม~ คิดถึงก็กลับมานอนบ้านบ้างสิลูก" แนทหอมแก้มลูกสาวกลับ มือบางลูบศีรษะทุยเบาๆจนเจ้าของรู้สึกอบอุ่น
"เป็นไงบ้างเนเน่ เจ้ได้ข่าวว่าช่วงนี้ไม่ค่อยกลับมาบ้านเลยเหรอเรา" ยังไม่ทันที่เนเน่จะได้พูดอะไรคลีนก็เอ่ยถามขึ้นเสียก่อน
"ช่วงนี้เน่เรียนหนักนิดนึงค่ะ เลยไปนอนบ้านแคนดี้"
"สงสัยจะหนักจริง หน้าตาโทรมเลย" คลีนพยักหน้ารับรู้โดยไม่ติดอะไร เพียงแค่หน้าของน้องสาวเธอก็รับรู้แล้วว่าเจ้าตัวคงไม่โกหกเหมือนที่ผู้เป็นลุงคิด
"……." ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนไม่พูดอะไรต่อ
"อย่าหักโหมมากสิลูก ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำยังไงก็ผ่านอยู่แล้ว" เป็นแนทที่บอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้สนใจมันมากจะทำเสียสุขภาพเอาเปล่าๆ
"หนูอยากเก่งๆนิคะ จะได้มาช่วยงานป๊าได้"
"รู้ แต่หนูต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยสิ"
"โอเคค่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้หนูจะไม่หักโหม จะดูแลสุขภาพให้สวยๆเหมือนเดิมเลย" ได้ยินแบบนั้นแนทก็สบายใจ หอมขมับบางของลูกสาวเบาๆ
"แนแน่" เสียงเล็กของเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งที่เพิ่งลืมตาตื่นอย่างงัวเงียดังขึ้น พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นจากตักแม่ของตนวิ่งดุ้ยๆเข้าไปกอดขาเรียวของผู้เป็นน้าไว้หลวมๆด้วยท่าทางดีอกดีใจ นานหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันเลยทำให้เธอคิดถึงคนทางนี้เป็นอย่างมาก
"ว่าไงคะ หลานสาวคนสวยของน้า" หญิงสาวคลายพันธนาการออกจากอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ก้มลงอุ้มหลานสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งคร่อมบนหน้าตัก ก่อนจะเลื่อนใบหน้าสะสวยเข้าไปหอมแก้มยุ้ยทั้งสองข้างหนักๆด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน
"คิตึงจาง (คิดถึงจัง)" ควีนกอดผู้เป็นน้าแน่น พลางซุกหน้าลงบนหน้าอกใหญ่ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสะสวยได้ไม่ยาก
"น้าก็คิดถึงน้องควีนที่สุดเลยค่ะ" มือบางลูบศีรษะน้อยเบาๆ ทำเอาคนที่เพิ่งตื่นจากนอนเมื่อสักครู่เคลิ้มหลับลงไปอีกครั้ง
เนเน่ก้มมองหน้าหลานสาว ก็เห็นว่าหลับปุ๋ยจึงปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้น
"เน่น้องควีนหลับอีกแล้วเหรอ" เมื่อเห็นว่าลูกสาวเงียบไป คลีนจึงเอ่ยถามออกมาเบาๆ
"……" คนถูกถามพยักหน้าเป็นคำตอบ
"อุ้มมานอนบนตักเจ้มา เน่จะไม่เมื่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ น้องควีนตัวนิดเดียวเองเน่ไม่เมื่อยหรอก" ซึ่งคลีนก็พยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปดูซีรีส์ที่เปิดคาไว้อยู่
"แล้วนี่อาวอมกับน้องคอมพ์ไปไหนเหรอ" พอเนเน่นึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นพี่เขยกับหลานชายจึงเอ่ยถาม
"ไปสนามแข่งรถอ่ะ" คลีนตอบแค่นั้น โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่หน้าจอ
"อ่อ"
สักพักความเงียบก็ปกคลุมภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไรต่อ มีแต่เสียงโทรทัศน์และเครื่องปรับอากาศเป่ารดลงมาเท่านั้น
—————————————