Artifact Reading Inspector 21 ภาพสองภาพ (2)

ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2)

Artifact Reading Inspector ARI ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2)

 

“ระวังด้วยไม่งั้นลูกอาจทํามันเสียหาย

 

บยองกุกพูดแบบนี้ตั้งแต่เห็นว่าภาพวาดมันจางลง มีคราบ และก็ทรุดโทรม ด้วยเหตุนี้มันจึงดูเก่ามาก

 

“นายคิดว่ายังไง?”

 

ซูจองกางภาพวาดอย่างระมัดระวังก่อนจะตรึงด้วยแหนบ และถามขณะมอง

 

มันเป็นภาพวาดของหมู่บ้านในเมืองที่เงียบสงบ เราสามารถเห็นชายคนหนึ่งที่มีวัวและเด็กชายอยู่ด้านบนขณะที่กําลังเล่นฟลุต

 

“เธอต้องการให้ฉันประเมินให้?”

 

“ใช่ ฉันศึกษาภาพวาดของตะวันตก แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาดทางตะวันออก แม้ว่าฉันจะคิดว่านี่อาจเป็นภาพที่ดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ นายคิดว่าไง?”

 

“อืมม.. การแสดงออกดูมีชีวิตและมีการอธิบายการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งอย่างละเอียด ดูตรงนี้ ตามันถูกทาด้วยสีที่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าศิลปินใส่ใจกับการจ้องมอง เขาสร้างสิ่งที่เขาเห็นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้เขาก็ยังใช้เส้นต่างๆในการวาดพ่อและเด็ก พื้นหลังดูเรียบง่ายเพื่อให้ไปโฟกัสที่ผู้ชาย เขามีบรรยากาศแบบชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดูหยาบกระด้าง โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างอบอุ่น

 

“สรุปคือ?”

 

มันไม่มีทั้งลายเซ็นและข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้นแฮจินจึงทําได้เพียงหาเบาะแสจากภาพวาด

 

มันเป็นงานที่ยากมาก แต่ผู้ประเมินที่แท้จริงจะต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริงหรือไม่ และจะต้องค้นหาศิลปินของภาพวาดโดยไม่มีเครื่องหมายหรือบันทึกใดๆได้

 

มันเป็นหน้าที่ของผู้ประเมินในการวิเคราะห์ภาพวาดโดยคํานึงถึงข้อมูล เช่นอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน สไตล์ของเขา องค์ประกอบที่เขาชอบใช้ สัมผัสของแปรง รายละเอียด รูปแบบการอธิบายและตัดสินว่าเป็นศิลปินคนใดภายในไม่กี่วินาที

 

“ฉันคิดว่าเป็นยูน ดูซอ”

 

“ยูน ดูซอ? เขาคือใคร?”

 

ซูจองเอียงหัว แต่บยองกุกมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป

 

“ฮะ? จริงเหรอ? นี่คือภาพของยูน ดูซอจริงๆ?”

 

“เขามีชื่อเสียง? งั้นดีแล้วใช่ไหมที่ฉันซื้อภาพนี้มา?”

 

ซูจองสับสนในขณะที่บยองกุกที่กําลังตื่นเต้นตบไหล่ของเธอ

 

“ลูกซื้อมาจากไหน? มันเป็นของจริง? มันราคาเท่าไหร่?”

 

ซูจองรู้สึกประหลาดใจที่เห็นบยองกุกตื่นเต้นมาก

 

“ฮะ? โอ้… หนูเจอมันที่ตลาดนัดในฝรั่งเศส มันดูเหมือนภาพวาดของเกาหลี ดังนั้นหนูเลยซื้อมาเพราะคิดว่ามันอาจจะมีค่า แต่เขามีชื่อเสียงจริงๆใช่ไหม?”

 

“ลูกซื้อมันมาจากตลาดนัด? แฮจิน เธอคิดว่านี่เป็นของจริงไหม?”

 

แฮจินไม่ต้องใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ํา แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพเลวร้าย แต่มันเป็นของจริง

 

“ใช่ มันเป็นของจริง แต่มันเสียหายเกินไป… เธอเคยบอกว่าเธอฟื้นฟูของเก่าเก่งใช่ไหม?”

 

แฮจินคิดว่าซูจองจะพูดว่าโอเค แต่ใบหน้าของเธอกลับมืดมน

 

“โรงเรียนของฉันเชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดตะวันตก ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องสี กระดาษ และกาวที่ใช้สําหรับภาพวาดตะวันออกมากนัก นอกจากนี้ภาพวาดตะวันตก และภาพวาดตะวันออกก็แสวงหาสิ่งที่แตกต่างกัน ทําให้สไตล์ของมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

“หืมม… ฉันสามารถสอนเธอได้ แล้วเราจะซ่อมแซมมันไหม?”

 

บยองกุกชะงัก

 

“ซูจองวัตถุโบราณที่มีค่าแบบนี้จะต้องได้รับการบูรณะอย่างดีและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย มันเป็นวัตถุโบราณของบรรพบุรุษของเรา มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม

 

ซูจองมองบยองกุกแล้วขมวดคิ้ว

 

“พ่อจะบอกว่าให้หนูควรขายมันให้กับคนที่มีสถานที่แบบนั้น?”

 

“หากเราอยากจะเก็บมันไว้ เราต้องมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามโกดังของพ่อในอินซาดงมีไว้สําหรับเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับภาพวาดจึงมีค่าใช้จ่าย…”

 

เขาส่ายหัวและบีบซูจอง

 

“เราจะได้เท่าไหร่?”

 

เสียงของเธอเบาลง เธอเป็นลูกสาวของบยองกุก…

 

“อย่างน้อยก็พันล้าน ใช่ไหมแฮจิน?”

 

ยูน ดูซอเป็นปู่ของช็อง ยักยอง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นําของศิลปินในช่วงปลายสมัยโชซอน และได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอนร่วมกับ ซิมซาจอง และจองซอน ภาพเหมือนของเขาเป็นสมบัติของชาติและคาดว่าเป็นภาพเหมือนทางตะวันออกที่ดีที่สุด

 

“นี่เป็นอีกหนึ่งภาพของยูน ดูซอที่ยังไม่ถูกค้นพบ ฉันคิดว่ามันต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

 

ที่แฮจินพูดว่าหนึ่งพันล้านสําหรับภาพวาดของยูน ดูซอในขณะที่เขาให้ที่ห้าพันล้านสําหรับภาพวาดของหม่าวอน ไม่ใช่เพราะยูนดูซอมีฝีมือน้อยกว่า

 

แต่เป็นเพราะหลังจากเจียงไคเชกเอาสมบัติทั้งหมดของราชวงศ์จีนไปยังไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่จึงมีความอ่อนไหวอย่างมากเกี่ยวกับการส่งออกวัตถุโบราณมันจึงส่งผลให้ราคาวัตถุโบราณของจีนพุ่งสูงขึ้น

 

ตอนนี้เครื่องเคลือบของจีนจํานวนมากถูกขายไปในราคากว่าสิบล้านวอน (ประมาณเก้าล้านดอลลาร์) ที่งานประมูลของคริสตี้ในฮ่องกง แต่มันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงตามราคาของวัตถุโบราณ

 

“ซูจองเธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะขายมันในราคาที่สูงที่สุด”

 

“แล้วเงินนั่นจะเป็นของฉันใช่ไหม?”

 

บยองกุกสะดุ้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“โอเค แต่ลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้พอประมาณ 10%?”

 

“หนูให้พ่อมากขนาดนั้นก็ได้ โอเค แล้วฉันจะเอาเงินไปทําอะไรดี? ฉันควรเปิดร้านที่อินซาดงดีไหม? เป็นร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซม”

 

ซูจองกําลังมีความสุข แต่ก็ถูกแฮจินหยุดเอาไว้

 

“แล้วเธอจะฟื้นฟูมันยังไง?”

 

“นายจะไม่ช่วยฉันเหรอ?”

 

“ฟรี?”

 

ซูจองขมวดคิ้ว

 

“ฉันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าฉันแบ่งนั่นและแบ่งนี้”

 

“คุณรู้ไหมว่าการฟื้นฟูมันยากกว่าการขาย? ฉันจะเอา 20%”

 

“โห… คุณหัวขโมย”

 

ซูจองคิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่นั่นเป็นวิธีการทํางานในสาขา

 

“คุณจะให้ที่ทํางานผมใช่ไหม?”

 

“ดะ ได้สิ โกดังในอินซาดงมันค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเธอจะไปทํางานที่นั่นก็ได้ ฉันจะให้ที่อยู่กับเธอไว้แล้วเธอค่อยเข้าไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย ฉันว่าจะเปลี่ยนการตกแต่งภายในสักหน่อยและถ้าเธอต้องการอะไรเพื่อการฟื้นฟูก็บอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้”

 

“เยี่ยม!”

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ดื่มไวน์เพื่อเฉลิมฉลองแก่การพบสมบัติ จากนั้นแฮจินก็กลับบ้านและเข้านอน

 

กริ้งงงง

 

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในตอนเช้า เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและตอบกลับ

 

“สวัสดีครับ?”

 

“คุณแฮจินใช่ไหม? ฉันอึนแฮเองค่ะ ขอโทษที่โทรมาตอนเช้านะคะ เราคุยกันได้ไหม?”

“แน่นอนครับ”

 

“คือผู้อํานวยการหยาง โซจินต้องการพบคุณ”

 

แฮจินสะดุ้ง แต่เขาพยายามแสร้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปก

 

“คุณไปพูดอะไรให้เธอฟัง เธอถึงอยากเจอผม?”

 

“ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก ฉันแค่บอกเธอว่าเราจะไม่ยอมรับข้อตกลงและเธอขอให้ฉันปล่อยให้เธอได้พบคุณ”

 

“เธออยากได้อะไรจากผมกัน?”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด เธอต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

 

แฮจินอยากนอนมากกว่านี้ แต่ตาของเขามันปิดไม่ลง

 

หลังจากที่เขาเริ่มใช้เวทมนตร์ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง และนอกเหนือจากผลของมานาที่ออกจากร่างกายของเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้จะนอนน้อย

 

เขาทานอาหารเช้าง่ายๆและตรงไปที่ฮันบิทแกลเลอรี่ เขาสงสัยว่าหยางโซจินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชาหรือไม่เมื่อเธอเสนอการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้หากเธอพบว่าโมโมโกะสารภาพความจริง โมโมโกะจะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้พบกันอีกครั้ง

 

“ยินดีต้อนรับ”

 

เช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนโซจินยังเป็นคนที่สง่างามและสวมใส่สินค้าหรูหรา อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีความกังวลเพิ่มเข้ามาในดวงตาของเธอ นั่นทําให้แฮจินอยากรู้

 

“คุณอึนแฮบอกผมว่าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม แต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะขอให้ผมช่วย คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”

 

โซจินดื่มชาอย่างหรูหราและมองเข้าไปในตาของแฮจิน 

 

“ก่อนหน้านั้นฉันอยากถามบางอย่างจากคุณ หลังจากการเยี่ยมชมของคุณ จู่ๆพนักงานจากญี่ปุ่นของเราก็หายตัวไประหว่างทํางาน”

 

“อะไรนะ? แต่ทําไม?”

 

แฮจินคิดว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะหายไปจริงๆ เพราะความกดดันที่หนักหน่วง? หรือเพราะมิซึโนะ โทรุ น่ากลัวกว่าที่แฮจินคิดไว้?

 

“ฉันก็ไม่รู้ แต่มันทําให้ฉันงงมาก เธอถูกส่งมาโดยคนที่ขอให้ฉันดูแลข้อตกลงนี้ เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคนๆนั้นก็เย็นชามาก ฉันจึงต้องอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

 

ดังนั้นโมโมโกะจึงหนีไปเพราะเธอไม่สามารถรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางทีเมื่อแฮจินเห็นเธออีกครั้งคงจะเป็นในข่าวที่รายงานว่าเธอตาย

 

“ผมเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันค่อนข้างแปลก ผมมีคําถามเรื่องศิลาดล แต่เธอก็ดูตกใจและพูดบางอย่างออกมา ดังนั้นผมจึงถามเธอว่าทําไมและเธอก็ทรุดตัวลงราวกับว่ามีคนตีเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไป ในตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดใจมาก…”

 

โซจินมองไปที่แฮจินด้วยความสงสัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถพูดได้จริงๆ เพราะกล้องวงจรปิดของเธอมันไม่มีระบบบันทึกเสียง

 

“จริงเหรอ? โอเค งั้นเรามาทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง และมาเข้าประเด็นกันดีกว่า ฉันได้ยินจากรองประธานเมื่อวานนี้ว่าถ้วยชา มันเป็นวัตถุโบราณที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง”

 

“ใช่ครับ มันเป็นวัตถุโบราณที่สําคัญมาก”

 

“คุณพบความลับที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของฉันก็ยังทําไม่ได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นฉันเลยอยากพบคุณ”

 

“คุณคงเคยได้ยินเรื่องของค่าธรรมเนียมประเมินของผมมาแล้วใช่ไหม? ค่าธรรมเนียมของผมแพงกว่าคนอื่นมาก…”

 

“ฉันรู้ 1% ของสิ่งที่ประเมินใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม ผมก็จะคิด 19% ของราคาวัตถุโบราณของจริง รู้แบบนี้แล้วคุณยังต้องการให้ผมช่วยอยู่ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

จริงๆแล้วที่แฮจินมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เขาใช้เวทมนตร์กับโมโมโกะไป ตอนนี้เขารู้แล้วเขาจึงไม่อยากจะรับงานของโซจินมา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นพ่อค้างานศิลปะที่ชั่วร้ายที่ส่งออกวัตถุโบราณของเกาหลี

 

อย่างไรก็ตามมันคงดูแปลกที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอเนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมสูง แฮจินต้องการข้อแก้ตัว

 

“อืมม.. งั้นเราไปดูวัตถุโบราณกันก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมสามารถประเมินได้ผมก็จะรับงานนี้ แต่ถ้าไม่ผมก็คงต้องขอปฏิเสธ

 

นั่นอาจฟังดูไร้สาระ แต่เนื่องจากแฮจินทําสิ่งแปลกๆมากมาย โซจินจึงพยักหน้าและลุกขึ้นยืน

 

“โอเค งั้นตามฉันมา”

 

แฮจิน โซจินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวใหญ่เดินลงไปยังโกดังเก็บของ

 

มันถูกเรียกว่าวัตถุโบราณ แต่ภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาและประติมากรรมทั้งหมดอยู่ในกล่องแก้วที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แม้ว่าโซจินจะเป็นคนเลว แต่เธอก็เข้าใจวัตถุโบราณ

 

โซจินเปิดห้องกระจกหลายห้องและเดินเข้าไป ตรงกลางมีโต๊ะไม้อยู่เธอจึงนําภาพวาดมาวางไว้อย่างระมัดระวัง

 

“กว่าจะได้มันมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

 

ทันทีที่แฮจินเห็นภาพวาดเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความตกใจ

 

“นี่มัน… คุณได้มันมาได้ยังไง? สิ่งนี้ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไม่ใช่เหรอ?”

Artifact Reading Inspector

Artifact Reading Inspector

Score 10
Status: Completed

โดย นำเรื่อง Artifact Reading Inspector มาเป็นบางส่วน

บทนำ

ตลาดของเก่าที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าและขยะ

ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ แฮจิน เขาคือคนที่พยายามจะเป็นนักประเมินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

เรื่องย่อ

ณ ห้องหินสีดำสนิท สถานที่แห่งนี้มันสูญเสียรูปลักษณ์เดิมของมันไปแล้ว ตอนนี้ทั้งห้องมันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง บนพื้นมีหลุมที่ถูกขุดอยู่ทุกที่

 

หากไม่ใช่เพราะโคมไฟLEDขนาดเล็กที่แขวนอยู่บนผนัง เราก็จะไม่สามารถเห็นแม้แต่มือของตัวเอง

 

“เฮ้ ปาร์ค! นายกำลังทำอะไรอยู่ ? ตอนนี้เราต้องรีบออกไปแล้ว!”

 

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงกระซิบ แต่มันก็แฝงไปด้วยความเร่งรีบ ยอนซอกมองกลับไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็หันกลับมาเหมือนเดิม

 

ดวงตาแดงก่ำของเขากำลังจ้องมองไปที่กองดินในความมืด

 

‘มันมีบางอย่างอยู่ตรงนั้น!’

 

เขารู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขาอยู่ ในตอนแรกนั้นเสียงมันฟังคล้ายกับว่ามีคนกำลังแทะอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่เขาฟังต่อไป เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงนั้นมันกำลังพูดกับเขาอยู่

 

ราวกับเขาถูกครอบงำโดยบางสิ่ง เขาเริ่มขุดโดยไม่ใช้จอบหรือมีด เขาใช้เพียงแค่มือของเขาเท่านั้น แต่ราวกับว่าเขารู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ทำให้มือของเขาขยับไปยังทิศทางนั้นโดยไม่ลังเล

 

เขาไม่ได้กังวลเลยว่าการขุดของเขามันจะไปทำลายของที่ซ่อนอยู่ข้างใน ไม่สิ ในหัวของเขามันไม่ได้มีเรื่องนั้นอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ปาร์ค! ตำรวจกำลังจะมาแล้ว! ตอนนี้นายบ้าไปแล้วรึไง? รีบออกไปกันได้แล้ว!”

 

“รอ….. รอเดี๋ยว….”

 

ในขณะที่เขาถูกเร่งจากด้านหลัง ยอนซอกกลับพูดออกมาเพียงให้โจรอเขาเท่านั้น

 

“แม่ง…งั้นฉันจะออกไปแล้วนะ นายอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วกัน ฉันจะอยู่ที่ท่าเรือชองโดถึงวันที่ 17 และนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันจะไม่รอนายถ้านายมาสาย”

 

“…….”

 

ยอนซอกไม่ได้ตอบกลับไป มือของเขายังคงขุดอยู่ น่าแปลกที่ดินซึ่งควรจะแข็งและขุดได้ยากกลับขุดได้ง่ายราวกับว่ามันเป็นเพียงทรายในสนามเด็กเล่น โดยปกติแล้วเขาจะต้องสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้ ตอนนี้เขากลับไม่ติดใจอะไร

 

“อ้า…อย่ามาโทษฉันล่ะกันถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้น!”

 

หลังจากสิ้นเสียง โจก็คลานผ่านอุโมงค์เล็กๆที่นำมายังห้องที่ยอนซอกอยู่ ตอนนี้พวกเขาได้ปล้นวัตถุโบราณมาค่อนข้างมาก ดังนั้นหลังจากนี้พวกเขากำลังจะได้รับเงินจำนวนมหาศาล โจจึงไม่อยากเสียเวลาและเสี่ยงที่จะถูกจับ

 

ด้านยอนซอกเขาก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน หากเขาคิดถึงลูกชายของเขาที่กำลังรอเขาอยู่สักนิด เขาก็คงจะวิ่งโดยไม่หันหลังกลับมามอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาสูญเสียความนึกคิดทั้งหมดไป เขาก็ยังคงขุดต่อไปดั่งเช่นคนบ้า ในหัวของเขามีเพียงแต่ความคิดที่จะหาของให้พบเท่านั้น

 

“แฮ่ก..แฮ่ก…”

 

ไม่ช้ามือของเขาก็ไปแตะโดนกล่องไม้สีดำเข้า จากนั้นยอนซอกก็ได้สติขึ้นมาพร้อมกับปัดดินออกจากมันเบาๆ

 

“มันยังไม่ผุ?”

 

วัตถุโบราณของสุสานแห่งนี้มีอายุอย่างน้อยสองถึงสามศตวรรษ อย่างไรก็ตามกล่องที่มีสัญลักษณ์แปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนกลับไม่มีร่อยรอยของการผุพังเลย บางทีมันอาจจะไม่ได้ทำมาจากไม้จริงๆก็ได้

 

คลิก…

 

ยอนซอกสะดุ้ง เขาไม่ได้เปิดมัน ไม่สิบางทีมือของเขาอาจจะไปแตะโดนมันก็ได้…. ภายในมีวัตถุทรงสี่เหลี่ยมสีดำที่ไม่มีการตกแต่งวางอยู่ ยอนซอกเอาของข้างในใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขาและทิ้งกล่องไป จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ขนาดเล็กที่พอดีกับร่างกายของเขา

 

ตอนนี้มันได้เวลาหนีแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset