Artifact Reading Inspector ARI ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2)
“ระวังด้วยไม่งั้นลูกอาจทํามันเสียหาย
บยองกุกพูดแบบนี้ตั้งแต่เห็นว่าภาพวาดมันจางลง มีคราบ และก็ทรุดโทรม ด้วยเหตุนี้มันจึงดูเก่ามาก
“นายคิดว่ายังไง?”
ซูจองกางภาพวาดอย่างระมัดระวังก่อนจะตรึงด้วยแหนบ และถามขณะมอง
มันเป็นภาพวาดของหมู่บ้านในเมืองที่เงียบสงบ เราสามารถเห็นชายคนหนึ่งที่มีวัวและเด็กชายอยู่ด้านบนขณะที่กําลังเล่นฟลุต
“เธอต้องการให้ฉันประเมินให้?”
“ใช่ ฉันศึกษาภาพวาดของตะวันตก แต่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาดทางตะวันออก แม้ว่าฉันจะคิดว่านี่อาจเป็นภาพที่ดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ นายคิดว่าไง?”
“อืมม.. การแสดงออกดูมีชีวิตและมีการอธิบายการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งอย่างละเอียด ดูตรงนี้ ตามันถูกทาด้วยสีที่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าศิลปินใส่ใจกับการจ้องมอง เขาสร้างสิ่งที่เขาเห็นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้เขาก็ยังใช้เส้นต่างๆในการวาดพ่อและเด็ก พื้นหลังดูเรียบง่ายเพื่อให้ไปโฟกัสที่ผู้ชาย เขามีบรรยากาศแบบชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดูหยาบกระด้าง โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างอบอุ่น
“สรุปคือ?”
มันไม่มีทั้งลายเซ็นและข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้นแฮจินจึงทําได้เพียงหาเบาะแสจากภาพวาด
มันเป็นงานที่ยากมาก แต่ผู้ประเมินที่แท้จริงจะต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริงหรือไม่ และจะต้องค้นหาศิลปินของภาพวาดโดยไม่มีเครื่องหมายหรือบันทึกใดๆได้
มันเป็นหน้าที่ของผู้ประเมินในการวิเคราะห์ภาพวาดโดยคํานึงถึงข้อมูล เช่นอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน สไตล์ของเขา องค์ประกอบที่เขาชอบใช้ สัมผัสของแปรง รายละเอียด รูปแบบการอธิบายและตัดสินว่าเป็นศิลปินคนใดภายในไม่กี่วินาที
“ฉันคิดว่าเป็นยูน ดูซอ”
“ยูน ดูซอ? เขาคือใคร?”
ซูจองเอียงหัว แต่บยองกุกมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป
“ฮะ? จริงเหรอ? นี่คือภาพของยูน ดูซอจริงๆ?”
“เขามีชื่อเสียง? งั้นดีแล้วใช่ไหมที่ฉันซื้อภาพนี้มา?”
ซูจองสับสนในขณะที่บยองกุกที่กําลังตื่นเต้นตบไหล่ของเธอ
“ลูกซื้อมาจากไหน? มันเป็นของจริง? มันราคาเท่าไหร่?”
ซูจองรู้สึกประหลาดใจที่เห็นบยองกุกตื่นเต้นมาก
“ฮะ? โอ้… หนูเจอมันที่ตลาดนัดในฝรั่งเศส มันดูเหมือนภาพวาดของเกาหลี ดังนั้นหนูเลยซื้อมาเพราะคิดว่ามันอาจจะมีค่า แต่เขามีชื่อเสียงจริงๆใช่ไหม?”
“ลูกซื้อมันมาจากตลาดนัด? แฮจิน เธอคิดว่านี่เป็นของจริงไหม?”
แฮจินไม่ต้องใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ํา แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพเลวร้าย แต่มันเป็นของจริง
“ใช่ มันเป็นของจริง แต่มันเสียหายเกินไป… เธอเคยบอกว่าเธอฟื้นฟูของเก่าเก่งใช่ไหม?”
แฮจินคิดว่าซูจองจะพูดว่าโอเค แต่ใบหน้าของเธอกลับมืดมน
“โรงเรียนของฉันเชี่ยวชาญด้านเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดตะวันตก ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องสี กระดาษ และกาวที่ใช้สําหรับภาพวาดตะวันออกมากนัก นอกจากนี้ภาพวาดตะวันตก และภาพวาดตะวันออกก็แสวงหาสิ่งที่แตกต่างกัน ทําให้สไตล์ของมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“หืมม… ฉันสามารถสอนเธอได้ แล้วเราจะซ่อมแซมมันไหม?”
บยองกุกชะงัก
“ซูจองวัตถุโบราณที่มีค่าแบบนี้จะต้องได้รับการบูรณะอย่างดีและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย มันเป็นวัตถุโบราณของบรรพบุรุษของเรา มันควรจะถูกเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม
ซูจองมองบยองกุกแล้วขมวดคิ้ว
“พ่อจะบอกว่าให้หนูควรขายมันให้กับคนที่มีสถานที่แบบนั้น?”
“หากเราอยากจะเก็บมันไว้ เราต้องมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามโกดังของพ่อในอินซาดงมีไว้สําหรับเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับภาพวาดจึงมีค่าใช้จ่าย…”
เขาส่ายหัวและบีบซูจอง
“เราจะได้เท่าไหร่?”
เสียงของเธอเบาลง เธอเป็นลูกสาวของบยองกุก…
“อย่างน้อยก็พันล้าน ใช่ไหมแฮจิน?”
ยูน ดูซอเป็นปู่ของช็อง ยักยอง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นําของศิลปินในช่วงปลายสมัยโชซอน และได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสามจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอนร่วมกับ ซิมซาจอง และจองซอน ภาพเหมือนของเขาเป็นสมบัติของชาติและคาดว่าเป็นภาพเหมือนทางตะวันออกที่ดีที่สุด
“นี่เป็นอีกหนึ่งภาพของยูน ดูซอที่ยังไม่ถูกค้นพบ ฉันคิดว่ามันต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”
ที่แฮจินพูดว่าหนึ่งพันล้านสําหรับภาพวาดของยูน ดูซอในขณะที่เขาให้ที่ห้าพันล้านสําหรับภาพวาดของหม่าวอน ไม่ใช่เพราะยูนดูซอมีฝีมือน้อยกว่า
แต่เป็นเพราะหลังจากเจียงไคเชกเอาสมบัติทั้งหมดของราชวงศ์จีนไปยังไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่จึงมีความอ่อนไหวอย่างมากเกี่ยวกับการส่งออกวัตถุโบราณมันจึงส่งผลให้ราคาวัตถุโบราณของจีนพุ่งสูงขึ้น
ตอนนี้เครื่องเคลือบของจีนจํานวนมากถูกขายไปในราคากว่าสิบล้านวอน (ประมาณเก้าล้านดอลลาร์) ที่งานประมูลของคริสตี้ในฮ่องกง แต่มันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงตามราคาของวัตถุโบราณ
“ซูจองเธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะขายมันในราคาที่สูงที่สุด”
“แล้วเงินนั่นจะเป็นของฉันใช่ไหม?”
บยองกุกสะดุ้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“โอเค แต่ลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้พอประมาณ 10%?”
“หนูให้พ่อมากขนาดนั้นก็ได้ โอเค แล้วฉันจะเอาเงินไปทําอะไรดี? ฉันควรเปิดร้านที่อินซาดงดีไหม? เป็นร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซม”
ซูจองกําลังมีความสุข แต่ก็ถูกแฮจินหยุดเอาไว้
“แล้วเธอจะฟื้นฟูมันยังไง?”
“นายจะไม่ช่วยฉันเหรอ?”
“ฟรี?”
ซูจองขมวดคิ้ว
“ฉันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าฉันแบ่งนั่นและแบ่งนี้”
“คุณรู้ไหมว่าการฟื้นฟูมันยากกว่าการขาย? ฉันจะเอา 20%”
“โห… คุณหัวขโมย”
ซูจองคิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่นั่นเป็นวิธีการทํางานในสาขา
“คุณจะให้ที่ทํางานผมใช่ไหม?”
“ดะ ได้สิ โกดังในอินซาดงมันค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเธอจะไปทํางานที่นั่นก็ได้ ฉันจะให้ที่อยู่กับเธอไว้แล้วเธอค่อยเข้าไปพรุ่งนี้ตอนบ่าย ฉันว่าจะเปลี่ยนการตกแต่งภายในสักหน่อยและถ้าเธอต้องการอะไรเพื่อการฟื้นฟูก็บอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้”
“เยี่ยม!”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ดื่มไวน์เพื่อเฉลิมฉลองแก่การพบสมบัติ จากนั้นแฮจินก็กลับบ้านและเข้านอน
กริ้งงงง
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในตอนเช้า เขาจึงหยิบมันขึ้นมาและตอบกลับ
“สวัสดีครับ?”
“คุณแฮจินใช่ไหม? ฉันอึนแฮเองค่ะ ขอโทษที่โทรมาตอนเช้านะคะ เราคุยกันได้ไหม?”
“แน่นอนครับ”
“คือผู้อํานวยการหยาง โซจินต้องการพบคุณ”
แฮจินสะดุ้ง แต่เขาพยายามแสร้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปก
“คุณไปพูดอะไรให้เธอฟัง เธอถึงอยากเจอผม?”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก ฉันแค่บอกเธอว่าเราจะไม่ยอมรับข้อตกลงและเธอขอให้ฉันปล่อยให้เธอได้พบคุณ”
“เธออยากได้อะไรจากผมกัน?”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด เธอต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
แฮจินอยากนอนมากกว่านี้ แต่ตาของเขามันปิดไม่ลง
หลังจากที่เขาเริ่มใช้เวทมนตร์ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง และนอกเหนือจากผลของมานาที่ออกจากร่างกายของเขาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้จะนอนน้อย
เขาทานอาหารเช้าง่ายๆและตรงไปที่ฮันบิทแกลเลอรี่ เขาสงสัยว่าหยางโซจินจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชาหรือไม่เมื่อเธอเสนอการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้หากเธอพบว่าโมโมโกะสารภาพความจริง โมโมโกะจะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้พบกันอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับ”
เช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อนโซจินยังเป็นคนที่สง่างามและสวมใส่สินค้าหรูหรา อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีความกังวลเพิ่มเข้ามาในดวงตาของเธอ นั่นทําให้แฮจินอยากรู้
“คุณอึนแฮบอกผมว่าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม แต่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะขอให้ผมช่วย คุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”
โซจินดื่มชาอย่างหรูหราและมองเข้าไปในตาของแฮจิน
“ก่อนหน้านั้นฉันอยากถามบางอย่างจากคุณ หลังจากการเยี่ยมชมของคุณ จู่ๆพนักงานจากญี่ปุ่นของเราก็หายตัวไประหว่างทํางาน”
“อะไรนะ? แต่ทําไม?”
แฮจินคิดว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะหายไปจริงๆ เพราะความกดดันที่หนักหน่วง? หรือเพราะมิซึโนะ โทรุ น่ากลัวกว่าที่แฮจินคิดไว้?
“ฉันก็ไม่รู้ แต่มันทําให้ฉันงงมาก เธอถูกส่งมาโดยคนที่ขอให้ฉันดูแลข้อตกลงนี้ เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคนๆนั้นก็เย็นชามาก ฉันจึงต้องอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”
ดังนั้นโมโมโกะจึงหนีไปเพราะเธอไม่สามารถรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางทีเมื่อแฮจินเห็นเธออีกครั้งคงจะเป็นในข่าวที่รายงานว่าเธอตาย
“ผมเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันค่อนข้างแปลก ผมมีคําถามเรื่องศิลาดล แต่เธอก็ดูตกใจและพูดบางอย่างออกมา ดังนั้นผมจึงถามเธอว่าทําไมและเธอก็ทรุดตัวลงราวกับว่ามีคนตีเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไป ในตอนนั้นผมรู้สึกประหลาดใจมาก…”
โซจินมองไปที่แฮจินด้วยความสงสัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอสามารถพูดได้จริงๆ เพราะกล้องวงจรปิดของเธอมันไม่มีระบบบันทึกเสียง
“จริงเหรอ? โอเค งั้นเรามาทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง และมาเข้าประเด็นกันดีกว่า ฉันได้ยินจากรองประธานเมื่อวานนี้ว่าถ้วยชา มันเป็นวัตถุโบราณที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง”
“ใช่ครับ มันเป็นวัตถุโบราณที่สําคัญมาก”
“คุณพบความลับที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของฉันก็ยังทําไม่ได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นฉันเลยอยากพบคุณ”
“คุณคงเคยได้ยินเรื่องของค่าธรรมเนียมประเมินของผมมาแล้วใช่ไหม? ค่าธรรมเนียมของผมแพงกว่าคนอื่นมาก…”
“ฉันรู้ 1% ของสิ่งที่ประเมินใช่ไหม?”
“ใช่ครับ แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม ผมก็จะคิด 19% ของราคาวัตถุโบราณของจริง รู้แบบนี้แล้วคุณยังต้องการให้ผมช่วยอยู่ไหม?”
“แน่นอน”
จริงๆแล้วที่แฮจินมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เขาใช้เวทมนตร์กับโมโมโกะไป ตอนนี้เขารู้แล้วเขาจึงไม่อยากจะรับงานของโซจินมา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นพ่อค้างานศิลปะที่ชั่วร้ายที่ส่งออกวัตถุโบราณของเกาหลี
อย่างไรก็ตามมันคงดูแปลกที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอเนื่องจากเขาอยู่ที่นี่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมสูง แฮจินต้องการข้อแก้ตัว
“อืมม.. งั้นเราไปดูวัตถุโบราณกันก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมสามารถประเมินได้ผมก็จะรับงานนี้ แต่ถ้าไม่ผมก็คงต้องขอปฏิเสธ
นั่นอาจฟังดูไร้สาระ แต่เนื่องจากแฮจินทําสิ่งแปลกๆมากมาย โซจินจึงพยักหน้าและลุกขึ้นยืน
“โอเค งั้นตามฉันมา”
แฮจิน โซจินและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวใหญ่เดินลงไปยังโกดังเก็บของ
มันถูกเรียกว่าวัตถุโบราณ แต่ภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาและประติมากรรมทั้งหมดอยู่ในกล่องแก้วที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แม้ว่าโซจินจะเป็นคนเลว แต่เธอก็เข้าใจวัตถุโบราณ
โซจินเปิดห้องกระจกหลายห้องและเดินเข้าไป ตรงกลางมีโต๊ะไม้อยู่เธอจึงนําภาพวาดมาวางไว้อย่างระมัดระวัง
“กว่าจะได้มันมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ทันทีที่แฮจินเห็นภาพวาดเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความตกใจ
“นี่มัน… คุณได้มันมาได้ยังไง? สิ่งนี้ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไม่ใช่เหรอ?”