Artifact Reading Inspector 20

ตอนที่ 20

“ไม่นานหลังจากที่ผมได้รับข้อมูลของโมโมโกะจากคุณฮโยยอน น่าแปลกที่เธอเป็นคนติดต่อผมก่อน ไม่สิ พูดให้ถูกคือลุงของผม”

 

ซองจุนเหลือบมองบยองกุก

 

“เขางั้นเหรอ?”

 

“เธอเสนอข้อตกลงให้เรา โดยเธอจะบอกความจริงเกี่ยวกับถ้วยชาเพื่อแลกกับวัตถุโบราณบางอย่างที่ลุงของผมส่งออกอย่างลับๆ”

 

ตอนนี้โมโมโกะได้กลายเป็นคนทรยศที่ขายข้อมูลไปแล้ว

 

“เจ้ามิซึโนะ โทรุนั่นไม่สามารถจัดการได้แม้แต่คนของเขาเอง ฮาฮาฮา! รั้วมักจะหักหลังกัน เยี่ยมมาก”

 

ความจริงแล้วไกดาซิสและโฮริดาซิส (ผู้ที่ทํากําไรจากการซื้อสินค้าในราคาต่ํา มันเป็นสํานวนลับที่พวกพ่อค้าของเก่าใช้) ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นมีลักษณะชอบหลอกลวงผู้อื่น

 

เช่นเดียวกันกับนักพนันที่เล่นไพ่ พวกเขามักจะหลอกลวงคนธรรมดาอยู่ตลอดเวลา และแม้แต่”ผู้เชี่ยวชาญ”เองก็พยายามที่จะฉ้อโกงกันอยู่บ่อยครั้ง

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมชาวเกาหลีถึงคิดว่าพ่อค้าของเก่ากว่าครึ่งเป็นพวกนักต้มตุ้น

 

“พูดกันตามตรง เธอเป็นเพียงพนักงานและจะไม่ได้อะไรเลยไม่ว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างดีที่สุดที่เธอจะได้รับคือโบนัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเธอได้รับวัตถุโบราณจากลุงของผมเธอก็จะทํากําไรได้มากในญี่ปุ่น แน่นอนว่าข้อตกลงนั้นก็ดีสําหรับลุงของผมเช่นกัน เพราะถือเป็นโอกาสดีที่จะได้รับเส้นทางขายที่หลากหลายในญี่ปุ่น”

 

“ดูเหมือนลุงของเธอมีชื่อเสียงมากทีเดียว”

 

ไม่ว่าแฮจินจะพูดความจริงหรือไม่ซองจุนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเพราะครั้งนี้เขาได้รับกําไรมามาก

 

“แน่นอนครับ ผมไม่ได้พูดแบบนี้เพียงเพราะเขาเป็นลุงของผม”

 

คราวนี้เป็นตาของบยองกุก

 

“ฮาฮา อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมนั้นขายสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะวัตถุโบราณของจีนและตะวันออกกลางที่หายาก วัตถุโบราณส่วนใหญ่จากตะวันออกกลางที่ซื้อขายในประเทศนี้ส่วนมากผ่านมือของผมมาหมดแล้ว”

 

เขาเป็นคนที่บลัฟเก่งมาก

 

“หืมม… ฉันอยากเห็นวัตถุโบราณจากตะวันออกกลาง ในประเทศนี้พวกมันค่อนข้างหายาก”

 

“หากผมได้รับของดีมารับรองเลยว่าผมจะนํามาให้คุณก่อนเลยครับ ส่วนที่เหลือผมค่อยเอาไปให้โมโมโกะดู”

 

มะ”

 

“ดี ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าควรทํายังไง”

 

ดูเหมือนซองจุนจะเชื่อเรื่องของพวกเขาแล้ว ดังนั้นแฮจินจึงก้าวไปสู่ข้อสรุปของเขาทันที

 

“ดังนั้นนี่คือผลประเมินของผม ผมคิดว่าศิลาดลของญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณห้าพันล้าน อย่างไรก็ตามสําหรับถ้วยชาเราไม่สามารถวัดค่าของมันได้ หากตัดสินเฉพาะคุณค่าทางศิลปะมันจะมีค่าน้อยกว่าศิลาดลมาก แต่ถ้วยชานี้มีลมหายใจของแม่ทัพ อีซุนชินอยู่”

 

“ฉันยอมรับว่าการกําหนดราคามันเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าถ้วยชานี้ถูกใช้โดยอีซุนชินจริงๆ”

 

เขาไม่สามารถมั่นใจได้จากบันทึกของครอบครัวหนึ่งเนื่องจากมันไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ

 

“จริงๆแล้วผมก็หวังว่าเราจะได้เห็นสมบัติของตระกูลเทราอุจิ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่สามารถมั่นใจได้ 100% ว่านี่คือความจริง อย่างไรก็ตามเราก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าถ้ามันไม่เป็นความจริงพวกเขาก็คงไม่มีเหตุผลที่จะใช้แผนที่มันซับซ้อนเช่น

 

ซองจุนคิดตามจากนั้นก็พยักหน้า

 

“อืมม.. ฉันเข้าใจแล้ว หลังจากนี้เราจะรับผิดชอบต่อเอง สุดท้ายนี้เธอต้องการให้ฉันจ่ายโดยใช้วัตถุโบราณชิ้นไหน?”

 

“ผมขอเป็น 1% ของราคาศิลาดลดังนั้นราคาประเมินของมันจะอยู่ที่ 50 ล้าน”

 

“ฉันขอเดาว่าเป็นเพราะถ้วยชาไม่มีค่า?”

 

“ใช่ครับ สําหรับบางคนมันอาจมีค่าแค่สิบล้าน แต่สําหรับบางมันอาจมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้าน น่าเสียดายที่คนที่รู้คุณค่าที่แท้จริงเป็นคนญี่ปุ่น”

 

“นั่นเพราะเขารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามเธอหน้าประทับใจมาก เธอจะได้รับค่าธรรมเนียมภายในวันนี้”

 

ซองจุนเดินเขาไปในห้องศึกษาของเขาอีกครั้ง

 

“มันไม่ใช่การประเมินแต่ดูเหมือนการสอบสวนมากกว่า ฉันยังไม่ยอมรับนายหรอกนะ อย่างไรก็ตามครั้งนี้นายทําได้ดี” ฮโยยอนยักไหล่และเดินขึ้นไป

 

เธอคิดถูกครึ่งหนึ่ง แฮจินใช้ปากของคนอื่นเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชา เพราะการที่เขาใช้เวทมนตร์เพื่อค้นหามัน เขาจะต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนมากเพื่อพิสูจน์มัน

 

ไม่นานพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์สุดหรู

 

แฮจินจึงถามอึนแฮว่า “คุณจะทํายังไง? หากเขาบอกให้คุณแลกมัน…”

 

อึนแฮยิ้มอย่างสดใสและหยุดความกังวลของเขา

 

“เขาจะไม่ทําแบบนั้น แม้บางครั้งเขาจะตัดสินใจบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ แต่เขาจะพยายามรักษากฏเมื่อมันเป็นวัตถุโบราณ อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าถ้วยชาที่ฉันซื้อมา มันจะเป็นวัตถุโบราณที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกคณะกรรมการจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”

 

จริงๆแล้วแฮจินไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดมา เขาได้ยินเรื่องราวมามากเกินพอแล้วจากทั้งบยองกุกและพ่อของเขาเกี่ยวกับผู้คนที่เป็นศูนย์กลางอํานาจ พวกเขาจะแสร้งทําในขณะที่พวกเขาจะทรยศต่อมโนธรรมของพวกเขาเอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เห็นวัตถุโบราณของจีนจัดแสดงที่แซยอนแกลเลอรี่ เขาคิดว่าบางทีซองจุนอาจพยายามเจรจาโดยบอกว่าเขาจะให้ถ้วยชาแก่อีกฝ่ายหากมิซึโนะโทรุเต็มใจที่จะมอบศิลาดลและเงินพิเศษให้พวกเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากอึนแฮเป็นผู้อํานวยการตัวจริงเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

 

ไม่ว่ายังไงอึนแฮในตอนนี้ก็กําลังมีความสุขกับผลลัพธ์ของงาน หยางโซจิน เธอยิ้มกว้างไม่เหมือนตอนที่พวกเขาเดินเข้าไป

 

“ดีแล้ว”

 

“เฮ้ ฉันขอโทษเรื่องครั้งล่าสุดนะ ช่วยรับมันไว้ด้วย” 

 

อึนแฮส่งซองสีขาวให้กับแฮจิน เมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่ามันมีเงินอยู่ 45ล้าน

 

“คุณไม่จําเป็นต้อง…”

 

“ไม่ได้ค่ะ ช่วยรับมันไว้ด้วยเพื่อที่ฉันจะได้ขอความช่วยเหลือจากคุณเมื่อมีเหตุจําเป็น”

 

แฮจินไม่สามารถปฏิเสธมันได้ แน่นอนว่าบยองกุกทําหน้ามุ่ยและมองไปทางอื่น

 

“โอ้ โอเค แต่ผมมีคําถาม”

 

“ถามได้เลยค่ะ”

 

“แกลเลอรี่ของคุณได้รับวัตถุโบราณของจีนมาได้ยังไง? ผมหมายถึงก่อนที่คุณจะรับช่วงต่อ”

 

อันที่จริงแฮจินกําลังหาโอกาสถามคําถามที่คาใจเขามาสักพักแล้ว

 

อึนแฮลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “วัตถุโบราณจากจีนส่วนใหญ่จะได้มาจากอินซาดง คุณก็น่าจะรู้ว่าการหาวัตถุโบราณของจีนในการประมูลไม่ใช่เรื่องง่าย”

 

แฮจินไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าวัตถุโบราณที่พ่อของเขาขุดพบนั้นเป็นของเกาหลี ในฐานะคนเกาหลีเขาคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรตราบใดที่วัตถุโบราณของเกาหลีไม่ได้ถูกส่งออกไป มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัว แต่มนุษย์น่าจะรู้สึกเช่นนั้น

 

ปัญหาคือหากมีการนําวัตถุโบราณของจีนเข้ามาในเกาหลีอย่างลับๆ งั้นวัตถุโบราณของเกาหลีก็คงถูกส่งออกไปอย่างลับๆเช่นกัน และแซยอนแกลเลอรีอาจอยู่ตรงกลางของมัน อึนแฮแสร้งทําเป็นไม่รู้แม้ว่าเธอกําลังทํามัน? หรือว่าเธอไม่รู้จริงๆ?

 

แล้วฮวาจินจะได้อะไรจากการส่งออกวัตถุโบราณของเกาห

 

“คุณบอกว่าอินซาดง งั้นแปลว่ามันก็ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน”

 

“ใช่ค่ะ รวมแล้วทั้งหมดจะมีอยู่สามคน เราได้รับวัตถุโบราณมาจากพวกเขา แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่ของที่ถูกขโมยมา ฉันจําได้ว่าเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้ตอนภาพวาดของหม่า วอนว่าของที่ขโมยมาไม่สามารถจัดแสดงได้และมันอาจทําให้เกิดปัญหา ดังนั้นเราจะไม่ซื้อพวกมันแม้ว่าจะเป็นของส่วนตัวก็ตาม”

 

อันที่จริงแล้วมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวัตถุโบราณที่ถูกขโมย วัตถุโบราณมันจะกลายเป็นของที่ถูกขโมยก็ต่อเมื่อหลังจากผู้เป็นเจ้าของถูกเปิดโปงแล้วเท่านั้น คล้ายกับการฟองเงิน

 

เมื่อมองจากมุมนั้นแล้วก็จะเห็นได้ว่าตัวแทนจําหน่ายจะนําวัตถุโบราณจากจีนเข้ามาหลังจากเปลี่ยนมันเป็นของถูกกฎหมายแล้วก็เท่านั้น นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่งานที่พ่อค้าสามารถทำาคนเดียวได้

 

“โอเคงั้นช่วยไปส่งเราที่อพาร์ตเมนต์ของผมหน่อยนะครับ”

 

“บางทีเราอาจจะไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน…”

 

แฮจินอยากจะตอบตกลง แต่เขาไม่สามารถทนความน่ารําคาญของบยองกุกได้

 

“ต้องขอโทษด้วยครับ คือผมมีธุระที่ต้องทําหลังจากมื้อเที่ยง”

 

เมื่ออึนแฮจากพวกเขาไปบยองกุกก็ตบไหล่ของแฮจินแล้วยกนิ้วโป้งให้

 

“ว้าว… นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก รองประธานคนนั้นไม่คิดจะสนใจโมโมโกะด้วยซ้ํา และตอนนี้โมโมโกะก็ได้กลายเป็นคนที่ทรยศมิซึโนะโทรุ ต่อจากนี้เธอคงจะไม่สามารถไปเหยียบญี่ปุ่นได้อีก”

 

“เธอไม่สามารถกลับไปได้อีกเนื่องจากตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการมันก็ตาม หากเธอบอกกับมิซึโนะว่า “นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” พวกเขาคงจะคิดว่าเธอบ้า เรื่องของผมมันฟังดูสมเหตุสมผลแม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จัก”

 

“แน่นอน ว้าว… เธอโตขึ้นมากแล้ว”

 

“ผมสูงกว่าคุณตั้งนานแล้ว คุณก็น่าจะรู้…”

 

พวกเขาคุยกันขณะทานอาหารกลางวันจากนั้นจึงกลับไปที่บ้านของแฮจิน แม้ว่าในตอนนี้ ผลกระทบจะเบาลง แต่เขาก็ยังรู้สึกอ่อนแอ

 

เขาตื่นขึ้นมาในตอนเย็นและไปที่สนามบินอินชอนพร้อมกับบยองกุก อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถแท็กซีบยองกุกก็พูดอะไรบ้าๆออกมา

 

“เธอจะไปเดทกับอึนแฮไหมหากเธอชวน?”

 

“เดทกับเธอ? ไม่เธอมีคู่หมั้นแล้ว”

 

ในตอนนั้นเองที่หน้าของบยองกุกสว่างขึ้นราวกับมีใครจุด

ไฟ

 

“จริงเหรอ? ฉันก็คิดว่า แต่ทําไมเธอถึงทําแค่หมั้นแทนที่จะแต่งงานไปเลย? เราไม่ได้ทําแบบนั้นแม้แต่ในปี 1988 หรือเป็นเพราะพวกเขารวยถึงทําเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้?” 3600

“คุณจะมาตามผมไหมเนี้ยถ้าผมบอกว่าจะไม่เดทกับซูจอง?”

 

“มม. ไม่ใช่อย่างนั้น.. ทําแบบนั้นมันไม่ได้ผล เธอควรจะเชื่อมต่อกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะบังคับได้ แต่เธอจะต้องเชื่อมติดกันได้อย่างแน่นอน”

 

บยองกุกหันกลับไป แต่แฮจินรู้ว่าเขาต้องการให้ซูจองตกหลุมรักเขาและปักหลักอยู่ที่เกาหลี

 

พวกเขามาถึงสนามบินและรอ ขณะที่แฮจินกําลังจะเป็นบ้า เพราะความเบื่อเครื่องบินของซูจองก็มาถึง

 

“พ่อคะ!”

 

เกทเปิดออกพร้อมกับมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมา เธอใช่ซูจองจริงๆงั้นเหรอ? ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันก็เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นประถม แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสวยไปแล้ว แม้ว่าแฮจินจะเคยเห็นรูปถ่ายของเธอในบางครั้ง แต่ตัวจริงของเธอน่ารักกว่าในรูปมาก

 

“โอ้ลูกสาวของพ่อ พ่อว่าลูกต้องเหนื่อยแน่”

 

“ไม่เลยค่ะ พ่อจองที่นั่งชั้นหนึ่งให้หนู ดังนั้นมันจึงพอทนได้”

 

บยองกุกเพิ่งหาเงินได้สามพันล้านภายในคืนเดียว ดังนั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวของเขาบินในชั้นประหยัดเกินสิบชั่วโมงแน่นอน

 

ทันใดนั้นซูจองก็หันมามองแฮจินก่อนจะต่อยเข้าที่ท้องของเขาด้วยหมัดของเธอ

 

มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่มันเป็นหมัดที่แฮจินไม่ได้คาดไว้ มันจึงทําให้เขารู้สึกประหลาดใจ ซูจองยิ้ม

 

“เฮ้ นายใจเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้”

 

“เอ่อ… ดูเหมือนเธอกําลังโกรธเลยนะ”

 

“นายน่าจะรู้ว่าทําไมฉันถึงโกรธ ฉันได้ยินเรื่องสถานการณ์ของนายมาแล้ว พ่อของนายเสียชีวิตและตอนนี้นายก็กําลังประเมินราคาวัตถุโบราณอยู่ใช่ไหม?”

 

“ใช่ เป็นธรรมดาที่ฉันจะทํางานในสาขานี้หลังจากพ่อของฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทําด้วย เธอเคยเกลียดมัน”

 

บยองกุกมองหันไปทางอื่นและแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดเพราะเขาซูจองถึงต้องย้ายหลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงตํารวจ…

 

“ฉันไม่จําเป็นต้องขโมย”

 

“อืมม.. พ่อไม่ได้ทําอย่างนั้นอีกแล้ว ตอนนี้พ่อแค่อยากช่วยให้เขาผ่านเวลานี้ไป จริงๆนะ” บยองกุกพูด

 

“อย่าทําอย่างนั้นอีก! หากหนูเห็นว่าพ่อทํามันอีกหนูจะไม่ถือว่าพ่อเป็นพ่อของหนู!”

 

“พ่อไม่ทําแล้ว! จริงๆนะ! ยังไงก็เถอะตอนนี้ลูกน่าจะต้องหิวแน่ ไปหาข้าวกินกัน ลูกคงไม่อยากพลาดอาหารเกาหลีหรอกใช่ไหม? ลูกอยากกินซัมกเยทัง (สตูว์ไก่เกาหลี)? หรือว่าจะริบอายดีล่ะ?”

 

บยองกุกบีบแก้มของซูจองขณะที่เธอยิ้มอย่างสดใส

 

“ต้องเป็นริบอายอยู่แล้ว! ไปกันเถอะ!”

 

เธอมีกระเป๋าเดินทางมากมายพวกเขาจึงต้องไปที่โรงแรมที่บยองกุกพักอยู่ หลังจากที่ซูจองเช็คอินพวกเขาก็ไปทานอาหารค่ําที่ร้านบาร์บีคิวเกาหลีที่อยู่ไม่ไกล แฮจินคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะเขาอยู่ท่ามกลางการรวมตัวของครอบครัว แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกสบายใจเมื่อเวลาผ่านไป

 

“ฉันมีอะไรจะโชว์ให้ดู ตามฉันมา”

 

หลังอาหารค่ํา แฮจินกําลังจะจากไป แต่ซูจองก็หยุดเขาไว้ และพาเขาไปที่ห้องพักในโรงแรมของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบภาชนะเก็บวาดภาพยาวออกมา แน่นอนว่าบยองกุกก็อยู่กับพวกเขาด้วย

 

“มันคืออะไร?”

 

ซูจองหยุดเปิดมันและมองไปที่แฮจินก่อนจะมองไปที่บยองกุก แววตาขี้เล่นของเธอบอกว่ามันไม่มีอะไรสําคัญ แต่…. 

 

“สัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”

 

“โอเคฉันสัญญา ดังนั้นเอามันออกมาได้แล้ว”

 

เธอเปิดภาชนะและหยิบภาพวาดที่อยู่ด้านในออกมาอย่าง ระมัดระวัง

 

Artifact Reading Inspector

Artifact Reading Inspector

Score 10
Status: Completed

โดย นำเรื่อง Artifact Reading Inspector มาเป็นบางส่วน

บทนำ

ตลาดของเก่าที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าและขยะ

ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ แฮจิน เขาคือคนที่พยายามจะเป็นนักประเมินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

เรื่องย่อ

ณ ห้องหินสีดำสนิท สถานที่แห่งนี้มันสูญเสียรูปลักษณ์เดิมของมันไปแล้ว ตอนนี้ทั้งห้องมันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง บนพื้นมีหลุมที่ถูกขุดอยู่ทุกที่

 

หากไม่ใช่เพราะโคมไฟLEDขนาดเล็กที่แขวนอยู่บนผนัง เราก็จะไม่สามารถเห็นแม้แต่มือของตัวเอง

 

“เฮ้ ปาร์ค! นายกำลังทำอะไรอยู่ ? ตอนนี้เราต้องรีบออกไปแล้ว!”

 

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงกระซิบ แต่มันก็แฝงไปด้วยความเร่งรีบ ยอนซอกมองกลับไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็หันกลับมาเหมือนเดิม

 

ดวงตาแดงก่ำของเขากำลังจ้องมองไปที่กองดินในความมืด

 

‘มันมีบางอย่างอยู่ตรงนั้น!’

 

เขารู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขาอยู่ ในตอนแรกนั้นเสียงมันฟังคล้ายกับว่ามีคนกำลังแทะอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่เขาฟังต่อไป เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงนั้นมันกำลังพูดกับเขาอยู่

 

ราวกับเขาถูกครอบงำโดยบางสิ่ง เขาเริ่มขุดโดยไม่ใช้จอบหรือมีด เขาใช้เพียงแค่มือของเขาเท่านั้น แต่ราวกับว่าเขารู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ทำให้มือของเขาขยับไปยังทิศทางนั้นโดยไม่ลังเล

 

เขาไม่ได้กังวลเลยว่าการขุดของเขามันจะไปทำลายของที่ซ่อนอยู่ข้างใน ไม่สิ ในหัวของเขามันไม่ได้มีเรื่องนั้นอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ปาร์ค! ตำรวจกำลังจะมาแล้ว! ตอนนี้นายบ้าไปแล้วรึไง? รีบออกไปกันได้แล้ว!”

 

“รอ….. รอเดี๋ยว….”

 

ในขณะที่เขาถูกเร่งจากด้านหลัง ยอนซอกกลับพูดออกมาเพียงให้โจรอเขาเท่านั้น

 

“แม่ง…งั้นฉันจะออกไปแล้วนะ นายอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วกัน ฉันจะอยู่ที่ท่าเรือชองโดถึงวันที่ 17 และนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันจะไม่รอนายถ้านายมาสาย”

 

“…….”

 

ยอนซอกไม่ได้ตอบกลับไป มือของเขายังคงขุดอยู่ น่าแปลกที่ดินซึ่งควรจะแข็งและขุดได้ยากกลับขุดได้ง่ายราวกับว่ามันเป็นเพียงทรายในสนามเด็กเล่น โดยปกติแล้วเขาจะต้องสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้ ตอนนี้เขากลับไม่ติดใจอะไร

 

“อ้า…อย่ามาโทษฉันล่ะกันถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้น!”

 

หลังจากสิ้นเสียง โจก็คลานผ่านอุโมงค์เล็กๆที่นำมายังห้องที่ยอนซอกอยู่ ตอนนี้พวกเขาได้ปล้นวัตถุโบราณมาค่อนข้างมาก ดังนั้นหลังจากนี้พวกเขากำลังจะได้รับเงินจำนวนมหาศาล โจจึงไม่อยากเสียเวลาและเสี่ยงที่จะถูกจับ

 

ด้านยอนซอกเขาก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน หากเขาคิดถึงลูกชายของเขาที่กำลังรอเขาอยู่สักนิด เขาก็คงจะวิ่งโดยไม่หันหลังกลับมามอง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาสูญเสียความนึกคิดทั้งหมดไป เขาก็ยังคงขุดต่อไปดั่งเช่นคนบ้า ในหัวของเขามีเพียงแต่ความคิดที่จะหาของให้พบเท่านั้น

 

“แฮ่ก..แฮ่ก…”

 

ไม่ช้ามือของเขาก็ไปแตะโดนกล่องไม้สีดำเข้า จากนั้นยอนซอกก็ได้สติขึ้นมาพร้อมกับปัดดินออกจากมันเบาๆ

 

“มันยังไม่ผุ?”

 

วัตถุโบราณของสุสานแห่งนี้มีอายุอย่างน้อยสองถึงสามศตวรรษ อย่างไรก็ตามกล่องที่มีสัญลักษณ์แปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนกลับไม่มีร่อยรอยของการผุพังเลย บางทีมันอาจจะไม่ได้ทำมาจากไม้จริงๆก็ได้

 

คลิก…

 

ยอนซอกสะดุ้ง เขาไม่ได้เปิดมัน ไม่สิบางทีมือของเขาอาจจะไปแตะโดนมันก็ได้…. ภายในมีวัตถุทรงสี่เหลี่ยมสีดำที่ไม่มีการตกแต่งวางอยู่ ยอนซอกเอาของข้างในใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขาและทิ้งกล่องไป จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ขนาดเล็กที่พอดีกับร่างกายของเขา

 

ตอนนี้มันได้เวลาหนีแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset