การต่อสู้ที่รุนแรงใกล้ถึงคราวปะทุ
จ่างซุนเหลียงกล่าว “ข้าบ่มเพาะพลังมานานกว่าเจ้า เอาเป็นว่าข้าจะยอมให้เจ้าลงมือก่อนสามกระบวนท่า”
“ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง” เซียวเซิ่งแสยะยิ้มเหยียดหยาม
เจ้าจะอวดดีได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น รอถูกข้าเหยียบย่ำเมื่อไหร่ ตอนนั้นเจ้าจะร้องไห้ไม่ออก
เซียวเซิ่งไม่ผลีผลามลงมือ สายตาของเขาจดจ้องไปยังจ่างซุนเหลียงพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอาย เซียวเซิ่งทรงพลังเป็นอย่างมาก ออร่าสีแดงค่อยๆพรั่งพรูออกมาอย่างท่วมท้นจนกลายเป็นคลื่นมหาสมุทร ท่ามกลางออร่ามีตราประทับแห่งเต๋าจำนวนมากพัวพันอยู่
สิ่งนี้ยังเรียกว่าออร่าได้อีก? มันคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลัง… มหาสมุทรเปลวเพลิง!
สีหน้าของจ่างซุนเหลียงแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง อีกฝ่ายทรงพลังมากเขาไม่อาจประมาทได้
ศัตรูผู้นี้ไม่อ่อนแอไปกว่าหลิงฮัน! เขารีบโคจรปราณก่อเกิดเต็มพลังเพื่อรับมือ
“วายุพินาศ!” เซียวเซิ่งชี้นิ้ว ‘พรึบ’ คลื่นลมอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาและถาโถมเข้าใส่จ่างซุนเหลียง
จ่างซุนเหลียงยกมือขึ้นมาและผลักออกด้านหน้า
ตูม!
จ่างซุนเหลียงสามารถป้องกันคลื่นวายุเอาไว้ได้แต่ก็ถูกทำให้ล่าถอยสามก้าว ที่บริเวณฝ่ามือปรากฏบาดแผลและมีโลหิตไหลออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
เหล่าผู้ชมส่งเสียงเอะอะ
จ่างซุนเหลียงได้รับบาดเจ็บในกระบวนท่าแรก? เหลือเชื่อ!
พวกเขาคิดว่าเซียวเซิ่งเพียงแค่อยากเกาะชื่อเสียงของจ่างซุนเหลียงทำให้ตนเองโดดเด่นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งพอจะโค่นล้มจ่างซุนเหลียงได้เลย
หากจ่างซุนเหลียงพ่ายแพ้ขึ้นมาจริงๆ ชื่อเสียงต่างๆที่สะสมมาก็จะตกเป็นของเซียวเซิ่งทันที
“เหตุใดพี่ชายจ่างซุนถึงได้อ่อนแอเช่นนี้!” เซียวเซิ่งแสร้งทำเป็นประหลาดใจก่อนจะส่ายหัว “น่าผิดหวังจริงๆ ข้าคิดว่าท่านจะแข็งแกร่งกว่านี้เสียอีก ถึงได้โจมตีเต็มแรงไปตั้งแต่กระบวนท่าแรกจนท่านได้รับบาดเจ็บ”
“กระบวนท่าต่อไป ข้าจะระวังก็แล้วกัน!” เขากล่าวต่อ
จ่างซุนเหลียงไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราด สิ่งที่จะตัดสินการต่อสู้ระหว่างราชาในหมู่ราชานั้นไม่ใช่ฝีปากแต่เป็นพลัง
จ่างซุนเหลียงมั่นใจว่าพลังของตนเองไม่ได้อ่อนแอกว่าอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้เขาก็ประมาทเกินไปหน่อยเพราะไม่คิดว่าการโจมตีของเซียวเซิ่งจะทรงพลังขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นหากไม่ใช่เพราะเขาเปิดปากสัญญาเองกว่าจะยอมให้อีกฝ่ายโจมตีก่อนสามกระบวนท่า เขาคงลงมือโจมตีสวนกระบวนท่าที่แล้วและทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเหมือนกันไปแล้ว
จ่างซุนเหลียงขุดหลุมฝังตัวเองเพราะสัญญาที่จะให้เซียวเซิ่งโจมตีก่อนสามกระบวนท่าเลยแท้ๆ และด้วยศักดิ์ศรีของราชาแห่งยุคที่ค้ำจุนอยู่ เขาย่อมไม่มีทางผิดคำพูดตนเองเด็ดขาด
เซียวเซิ่งเริ่มโคจรพลังเพื่อเตรียมตัวโจมตีกระบวนท่าถัดไป เขาไม่รู้สึกอับอายที่เอาเปรียบจ่างซุนเหลียงเลยแม้แต่น้อย เพื่อชัยชนะแล้วใครกันจะไปสนวิธีการ?
หลังจากสะสมพลังปราณได้ครู่หนึ่ง เซียวเซิ่งก็ลงมือ เขาพุ่งทะยานร่างออกไปและโจมตีเข้าใส่จ่างซุนเหลียงด้วยหมัดที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
อำนาจของหมัดที่ซัดออกไปส่งผลให้ท่องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยฝนเปลวเพลิง
ประมุขของนิกายจันทราหม่นแสงยื่นมือออกไปควบคุมรัศมีของฝนเปลวเพลิงเอาไว้เพื่อไม่ให้คนนอกได้รับผลกระทบ
จ่างซุนเหลียงคำรามและสร้างโล่คุ่มกันรอบกาย
เนื่องจากคำสัญญาที่กล่าวออกไปเขาจึงทำได้เพียงแค่ป้องกันหรือหลบหลีกเท่านั้น ด้วยการที่เขาไม่สามารถโจมตีตอบโต้กลับไปได้ ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
เซียวเซิ่งหัวเราะ เปลวเพลิงจากหมัดที่ซัดออกไปแปรสภาพกลายเป็นปากเปลวเพลิงขนาดมหึมากัดเข้าใส่ร่างจ่างซุนเหลียง
ปัง!
ร่างของจ่างซุนเหลียงถูกคลื่นทำอำนาจจากเปลวเพลิงทำให้ต้องล่าถอยอีกครั้ง โล่คุ้มกันรอบกายเขาปรากฏรอบร้าวและพังทลาย
เพียงแต่ป้องกันอย่างเดียวจะต้านทานการโจมตีของราชาในระดับเดียวกันได้อย่างไร?
วิธีการตอบโต้ที่ได้ผลที่สุดคือต้องใช้การโจมตีสลายการโจมตี
แม้จ่างซุนเหลียงจะสามารถรับสองกระบวนท่าเอาไว้ได้ แต่สถานการณ์ของเขาเองก็ไม่สู้ดีนัก ร่างของเขาสั่นสะท้านแทบจะกระอักโลหิตออกมา
เหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า!
“พี่ชายจ่างซุน ท่านไม่เป็นอะไรนะ?” ใบหน้าของเซียวเซิ่งเป็นกังวลในขณะที่แววตาแสดงออกถึงความรู้สึกเยาะเย้ย
“เห้อ ก่อนหน้านี้ข้าอุตส่าห์คิดว่าจะได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าความจริงท่านกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้” เขากล่าวดูหมิ่นจ่างซุนเหลียง
“ไม่ต้องพล่ามไร้สาระ!” จ่างซุนเหลียงกล่าวอย่างไม่แยแส เขาเปลี่ยนความเกรี้ยวกราดให้กลายเป็นจิตวิญญาณสู้รบ รอให้ถึงคราวที่เขาสามารถโจมตีสวนกลับได้ก่อน เขาจะทำให้อีกฝ่ายได้รับรู้เองว่าคนที่ดูถูกจ่างซุนเหลียงจะมีชะตากรรมเช่นใด!
เซียวเซิ่งแสยะยิ้มและกล่าว “งั้นก็เชิญรับกระบวนท่าที่สามจากข้า!” เขาโคจรพลังเตรียมปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังอีกครั้ง คราวนี้เปลวเพลิงที่พรั่งพรูออกมาจากร่างของเขาได้แปรสภาพกลายเป็นสัตว์อสูร
สองตัว สามตัว สี่ตัว ห้าตัว…เปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดแปรสภาพกลายเป็นสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน สัตว์อสูรเพลิงแต่ละตัวมีตราประทับแห่งเต๋าพัวพันอยู่ ราวกับว่าเพียงแค่สัมผัสโดนเล็กน้อย เป้าหมายก็จะถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงแผดเผา
“กองทัพหมื่นอสูร!” เซียวเซิ่งหัวเราะและชี้นิ้วไปยังจ่างซุนเหลียง “จัดการ!”
‘ครืนน’ ฝูงสัตว์อสูรเพลิงบุกทะลวงพุ่งเข้าหาจ่างซุนเหลียง เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงสนั่นปฐพีของพวกมันทำให้ดูราวกับสงครามระดับกองทัพกำลังจะเกิดขึ้น
จ่างซุนเหลียงเค้นเสียงและยกหมัดขึ้นมากระหน่ำเข้าใส่ฝูงสัตว์อสูรเปลวเพลิง
เขาไม่กล้าใช้มือเปล่าโจมตีสัตว์อสูรที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิง ‘พรึบ’ มือของเขาปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าสีทองจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทองคำ
“พี่ชายจ่างซุน ท่านไม่รู้รึว่าเปลวเพลิงเป็นธาตุที่กดขี่ทองคำ?” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม ร่างของเขาในตอนนี้ยืนอยู่ห่างจากจ่างซุนเหลียงพอสมควร ซึ่งไม่ได้ตามไปสมทบกับกองทัพอสูรเพลิง
เขาต้องการใช้ช่วงจังหวะนี้ฟื้นฟูปราณก่อเกิด ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะทักษะที่อัญเชิญกองทัพอสูรเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนออกมานั้นได้เผาผลาญพลังงานของเขาไปอย่างมหาศาล กล่าวได้ว่าเขาใช้ประโยชน์จากคำสัญญา ‘ให้โจมตีก่อนสามกระบวนท่า’ ได้อย่างคุ้มค่า
จ่างซุนเหลียงขมวดคิ้ว เขาเองก็รู้ว่าธาตุเพลิงนั้นชนะทางธาตุทองคำ แต่ตราบใดที่พลังของผู้ใช้ธาตุทองคำเหนือกว่าพลังของผู้ใช้ธาตุเปลวเพลิงก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องข้อจำกัดอย่างหลักชนะธาตุแพ้ธาตุ
ตัวเขานั้นเป็นราชาแห่งยุคที่มีพลังต่อสู้เหนือทุกคนในระดับเดียวกัน ตามปกติแล้วเขาคงไม่สนใจเรื่องการแพ้ทางของธาตุ แต่การต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างออกไป พลังต่อสู้ของเซียวเซิ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา ซึ่งทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์