น่าเสียดายที่ต่อหน้าเซียนระดับสูง แม้จะเป็นเซียนระดับต้นที่แข็งแกร่งกว่าเซียนระดับต้นทั่วไปก็ยังเป็นเพียงเซียนระดับต้นอยู่ดี
ฮูอิงมู่ไม่มีหยดโลหิตราชาเซียนติดตัวเนื่องจากการจะควบแน่นหยดโลหิตออกมาจะทำให้ราชาเซียนเจ้าของโลหิตเผลาผลาญพลังชีวิตอย่างมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีเสื้อคลุมสมบัติที่สามารถต้านทานการโจมตีของเซียนระดับสูงได้ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาไปทุกที่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างปลอดภัย
แต่ว่าเขาดันต้องมาพบเจอกับสองจอมยุทธที่มีพลังระดับเซียนขั้นสูงที่แม้จะรับรู้ถึงขุมอำนาจเบื้องหลังเขาแล้วก็ยังไม่หวาดหวั่นที่จะสังหารเขา
ฮูอิงมู่ดิ้นรนหลบหนีด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่ต่อหน้าหลิงฮันในตอนนี้เรื่องที่จะหลบหนีพ้นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
เหล่าศิษย์ที่มองดูอยู่ตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง เซียนจะกำลังจะถูกสังหาร!
เซียนเป็นตัวตนที่สูงส่ง ต่อให้เป็นปรมาจารย์อย่างเซียนซิงฉาก็ไม่สามารถกำราบเซียนระดับต้นได้อย่างง่ายดายเนื่องจากเซียนนั้นมีความเร็วแทบจะเท่าเทียมกัน หากฝ่ายหนึ่งเลือกหลบหนีไปก่อนอีกฝ่ายที่ไล่ตามก็แทบจะไม่มีหวังตามทัน
เพราะงั้นแล้วในระยะเวลาอย่างน้อยหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้จึงไม่มีใครเคยพบเห็นเซียนถูกสังหารมาก่อน เซียนที่ตายไปตามอายุขัยนั้นมีอยู่บ้าง แต่เซียนถูกตายเพราะถูกสังหารในการต่อสู้นั้นแทบจะไม่มี
แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไป ฮูอิงมู่เป็นคนเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตัวเอง ต่อให้จะหลบหนีก็ช้าเกินไปแล้ว
ฮูอิงมู่แทบจะบ้าคลั่ง เขาไม่มีลังเลที่จะเผาผลาญแก่นพลังชีวิตของตัวเองเพื่อหลบหนี หากไม่ทำเช่นนั้นเขาคงต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ แต่ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เซียนระดับต้นเผาผลาญพลังชีวิตของตนเองก็ไม่สามารถทำให้มีพลังทัดเทียมกับเซียนระดับสูงได้อยู่ดี
“อ้ากก!” เขากรีดร้องพร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่ถูกฉีกขาด
“อึก!” ฮูอิงมู่หายใจติดขัด ที่บริเวณหน้าของเขาปรากฏรูขนาดใหญ่
“อั่ก!” เขาขมวดคิ้ว แผ่นหลังของเขาถูกฝ่ามือกระแทกใส่จนหัวใจบดขยี้
พลังชีวิตของเซียนมหาศาลอย่างมาก ต่อให้ไร้หัวใจเขายังคงดิ้นรนต่อไปได้ แถมพลังต่อสู้ก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่
เพียงแต่ว่าดวงวิญญาณนั้นถูกผนึกติดอยู่กับร่างกาย หากไร้กายหยาบดวงวิญญาณก็ไม่อาจมีที่สิงสถิต หรือก็คือตราบใดที่กายหยาบของฮูอิงมู่ถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก ดวงวิญญาณของเขาก็จะแหลกสลายและตกตาย
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆออร่าของหลิงฮันก็เริ่มอ่อนแอลง
ฮูอิงมู่ชะงักก่อนจะเผยท่าทางดีใจ หยดโลหิตราชาเซียนของหลิงฮันกำลังจะหมดอำนาจ
หากเขาต่อต้านไปได้อีกพักหนึ่ง เขาจะมีชีวิตรอดกลับไปได้
“ฮ่าๆๆๆ!” ฮูอิงมู่หัวเราะลั่น “เป็นแค่ระดับวารีนิรันดร์แต่คิดจะสังหารข้า ความคิดเจ้ามันอ่อนหัดเกินไป!”
เซียนก็ยังเป็นเซียน ต่อให้หลิงฮันจะใช้หยดโลหิตของราชาเซียนการจะสังหารเซียนสักคนก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
“งั้นรึ?” หลิงฮันแสยะยิ้มและนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ‘ฉัวะ’ ดาบถูกแทงทะลวงไปยังร่างของฮูอิงมู่
“เจ้าเพียงแค่หยิบยืมพลังจากหยดโลหิตราชาเซียน ตราบใดที่พลังของมันแห้งเหือด ต่อหน้าข้าคนนี้เจ้าก็ไม่นับเป็นอันใด!” ฮูอิงมู่ยิ้มและกล่าว “มดปลวกก็ยังคงเป็นมดปลวกอยู่วันยังค่ำ! อะ… อ้ากก!”
เขาตกตะลึงและกรีดร้อง จู่ๆพลังอันน่าสะพรึงก็แทรกผ่านเข้ามาในร่างของเขาและบดขยี้พลังชีวิตของเขาจนแหลกสลาย
เป็นไปได้อย่างไร?
เขารีบถอดวิญญาณของจากร่างทันที ต่อให้ต้องทิ้งกายหยาบเขาก็ไม่มีลังเลทีจะรักษาชีวิตเอาไว้ ตราบใดที่วิญญาณยังอยู่ เขาย่อมมีโอกาสกลับมาล้างแค้น
ทว่าทุกอย่างนั้นสายไปแล้ว!
ดาบอสูรนิรันดร์ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะนิรันดร์ หากถูกพลังทำลายล้างของดาบทะลวงเข้าใส่ร่างกายตรงๆแบบนี้แล้ว ไม่มีทางเลยที่จะรอดชีวิตไปได้
วิญญาณของฮูอิงมู่สามารถออกมาจากร่างได้ก็จริง แต่พลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวก็ค่อยๆกัดกร่อนวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง
“ไม่!” เสียงกรีดร้องของเขาดังก้องไปถึงห้วงจิตวิญญาณของทุกคน
พริบต่อมาดวงวิญญาณของฮูอิงมู่ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
ตัวตนระดับเซียนได้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
‘ครืนน’ เสียงสั่นสะเทือนดังก้องจากท้องฟ้าราวกับฟ้าผ่าเนื่องจากโลหิตที่ร่วงหล่นลงสู้เบื้องล่างราวกับห่าฝนของฮูอิงมู่
ทุกคนชะงักแน่นิ่งไร้คำพูด พวกเขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่เซียนถูกสังหารมาก่อน
‘สวรรค์!’
นี่ต้องเป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แน่นอน จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ไม่ใช่แม้แต่ขั้นสมบูรณ์สามารถสังหารตัวตนระดับเซียนได้
หลังจากผ่านชั่วครู่ฝนโลหิตก็หยุด หมู่เมฆสีดำค่อยๆสลายแยกตัว ทุกๆอย่างหวนคืนสู่สภาพปกติ
หลิงฮันเหาะเหินกลับมาที่เดิมโดยแสงแห่งเซียนบนร่างๆของเขาค่อยๆอ่อนแอลง ทุกมองจ้องมองไปยังเขาด้วยสีหน้าหวั่นเกรง
“มากับข้า” เซียนซิงฉาคว้าร่างของหลิงฮันและพาไปยังลานที่พักของตนซึ่งแม้แต่เซียนระดับต้นทั้งเก้าก็ไม่มีคุณสมบัติได้เข้าไป
จูซิ่วเอ๋อทั้งตกตะลึงและไม่สบอารมณ์ การที่หลิงฮันสามารถสังหารเซียนได้ทำให้นางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และการที่เซียนซิงฉาเมินเฉยไม่กล่าวอะไรต่อนางทั้งๆที่พบกันนั้นก็ทำให้นางโกรธมากเช่นกัน ข้าเป็นภรรยาของท่าน… เป็นมารดาของบุตรท่านนะ!
หลิงฮันพูดคุยกับเซียนซิงฉานานเกือบวันก่อนจะกลับออกมา เขาเรียกภรรยาทั้งสองของเขามารวมตัวและเตรียมพร้อมออกไปจากดาวมู่ถูแห่งนี้
เขาได้ปรึกษากับเซียนซิงฉาอย่างดีแล้ว หลิงฮันสามารถยกระดับพลังตนเองให้กลายเป็นราชาเซียนได้ก็จริง แต่นั้นก็แค่ระยะเวลาชั่วครู่ ยิ่งกว่านั้นผู้นำของดินแดนต้องห้ามแปดศิลาก็น่าจะเป็นตัวตนระดับราชาเซียนเหมือนกันด้วย
การตายของฮูอิงมู่จะทำให้ผู้นำที่ว่ามาที่นี่ในเร็วๆนี้แน่นอน เพราะงั้นหลิงฮันจึงจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่ ไม่ใช่เฉพาะสำนักละอองดาราเท่านั้น แม้แต่เขตดวงดาวสี่ทิศแห่งนี้ก็หรือเขตดวงดาวใกล้เคียงเขาไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เนื่องจากยิ่งอยู่ใกล้เท่าไหร่ราชาเซียนก็ยิ่งตามตัวได้ง่าย
นอกจากนั้นเขาก็ต้องรีบหลบหนีโดยทันทีด้วย เซียนสามารถเปิดช่องว่างมิติเพื่อเคลื่อนที่ได้ซึ่งไวกว่าอุปกรณ์บินแหวกเมฆาหลายเท่าตัว
หลิงฮันปรึกษากับจักรพรรดิพิรุณและสหายคนอื่นๆแล้ว คนอื่นๆจะยังอยู่ที่นี่ต่อไป สำนักละอองดารามีราชาอยู่เต็มไปหมดราวกับหมู่เมฆ หากได้ประมือกับราชาจะทำให้พลังบ่มเพาะของพวกเขายกระดับได้รวดเร็วกว่าปกติ
หลิงฮันทิ้งใบของต้นสังสารวัฏ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์และวัสดุเซียนจำนวนมากเอาไว้ให้กับพวกจักรพรรดิพิรุณ ด้วยทักษะบ่มเพาะระดับสูง อุปกรณ์ทรงพลังและทรัพยากรจากสำนัก หากพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถบรรลุระดับพลังที่สูงขึ้นได้หลิงฮันก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรแล้ว
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หลิงฮันก็พาจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะหลบหนี ณ เวลานี้ทุกวินาทีล้วนมีค่า
หลังจากหลิงฮันออกเดินทางไปได้สี่วัน แสงสว่างแห่งเต๋าสีทองก็ลอยลงสู่ดาวมู่ถู การเคลื่อนที่อันอุกอาจของเซียนทำให้ศิษย์ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน
“ยังไม่ออกมาต้อนรับข้าอีกงั้นรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายชราได้ปรากฏตัว ออร่าแห่งเซียนของเขาทรงพลังราวกับเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า 未完待续