หลิงฮันถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเท่านี้ยังไม่พอ!”
“ฮึ่ม นี่เจ้ากำลังโอ้อวด?” ทั่วทั้งใบหน้าหานซินเหยียนประดับไว้ด้วยความตกตะลึงจนลืมหยอกล้อหลิงฮัน
“ข้าจะโอ้อวดทำไม?” หลิงฮันประหลาดใจ
“ก็เจ้าบอกเองว่าจดจำสมุนไพรได้ถึงสี่แสนชนิดไม่ใช่รึไง?” หลินอวีฉีกล่าวย้ำ
หลิงฮันชะงัก เขาสามารถจดจำสมุนไพรได้ราวๆสี่แสนกว่าชนิดจริงๆ แต่ลืมไปว่าสำหรับโลกภายนอก การจดจำสมุนไพรได้ถึงสี่แสนชนิดนั้นเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เกินไป
แต่ในเมื่อกล่าวออกไปแล้วคงคืนคำพูดตัวเองไม่ได้ เขาทำได้เพียงพยักหน้า
“นี่ไม่เจ้ากำลังโกหกก็คงเป็นสุดยอดอัจฉริยะ!” หลินอวีฉีกล่าว
“ข้าศึกษารูปลักษณ์ของสมุนไพรมาตั้งแต่อายุแปดปี หนึ่งแสนหกพันปีที่ผ่านมานี้ข้าไม่เคยพลาดที่จะลืมจดจำเลยซักวัน แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังจดจำสมุนไพรได้เพียงสองแสนเจ็ดหมื่นชนิดเท่านั้นซึ่งนับว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว” หานซินเหยียนเอ่ยแทรก
หลิงฮันตกตะลึง นี่สมองของเจ้าทำด้วยอะไร เวลาตั้งหนึ่งแสนปีเจ้าจดจำสมุนไพรได้เพียงสองแสนเจ็ดหมื่นชนิด?
แต่ตำหนักเป่าหลินจะยอมฟูมฟักนักปรุงยาที่มีศักยะภาพปานกลางได้อย่างไร? พรสวรรค์ของในศาสตร์แห่งการปรุงยาของหานซินเหยียนนั้นโดดเด่นมากเขาเองก็เห็นด้วยตาตนเองแล้ว
ดังนั้นปัญหาจึงไม่ใช่ที่ตัวหานซินเหยียนแต่เป็นเขา!
เขาที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นจักรพรรดิแห่งศาสตร์ปรุงยา ย่อมมีพรสวรรค์ในการจำแนกสมุนไพรที่หาใครทัดเทียม
“ขอพี่สาวทดสอบเจ้าหน่อย” หลินอวีฉีนำสมุนไพรออกมาและเอ่ยถาม “สมุนไพรชนิดนี้คืออะไร?”
“ดอกบัวตะวันแผดเผา” เขาตอบกลับไปในขณะที่ชำเลืองมองเพียงพริบตา
หลินอวีฉีหั่นสมุนไพรออกเป็นหลายส่วนและกล่าว “ต่อพวกมันกลับให้เป็นเหมือนเดิม”
หลิงฮันสะบัดมือ ชิ้นส่วนสมุนไพรนับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศและค่อยๆเชื่อมต่อกันด้วยปราณก่อเกิด ผ่านไม่นานดอกบัวก็กลับมามีสภาพตูมดังเดิม
ทั้งหลินอวีฉีกับหานซินเหยียนตรวจสอบสมุนไพรก่อนที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
“ต่อเลย” หลินอวีฉีหยิบสมุนไพรชิ้นอื่นๆออกมาเพื่อเพื่อทดสอบหลิงฮัน
สมุนไพรบางชนิดที่เขายังจดจำไม่ได้เขาข้ามพวกมันไปทันที แต่ถ้าเป็นอันไหนที่เขารู้เขาสามารถเชื่อมพวกมันให้กลับมาในสภาพเดิมได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะถูกหั่นออกเป็นกี่ส่วน
หลินอวีฉีกลายเป็นไร้คำพูด เขารู้ว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์โดดเด่นในด้านหลอมเม็ดยา แต่ไม่คาดคิดว่าแม้กระทั่งพรสวรรค์ในด้านสมุนไพรก็ยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า นางหันหลังและใช้อำนาจแห่งกฏเกณฑ์เป็นโล่ป้องกันการรับรู้ของหลิงฮัน
เมื่อหันกลับมา บนมือของนางก็มีชิ้นส่วนที่ถูกหั่นจากสมุนไพรหลายชนิดวางอยู่ปะปนกัน
“ในมือข้ามีสมุนไพรอยู่ทั้งหมดกี่ชนิดและพวกมันคือสมุนไพรอะไร?” นางถาม การทดสอบครั้งนี้ถูกเพิ่มระดับความยากขึ้น
หลิงฮันเอ่ยชื่อของสมุนไพรแต่ละชนิดออกมาทีละอัน จนสุดท้ายมีสมุนไพรเพียงสามชนิดที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อของมันออกมา “ส่วนที่เหลือข้ายังไม่ได้จดจำพวกมัน”
หลินอวีฉีกับหานซินเหยียนตกตะลึงจนไร้คำพูด เพื่อที่จะทดสอบแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องจดจำสมุนไพรมาบ้างเหมือนกัน แต่ต่อให้พวกนางรู้จักสมุนไพรเหล่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่อของพวกมันออกมาได้รวดเร็วเหมือนหลิงฮัน
ชายคนนี้ราวกับว่าจดจำสมุนไพรทั้งหมดจนฝังลึกไปยังแก่นแท้ของสมอง เขาสามารถจำแนกชนิดสมุนไพรได้จากชิ้นส่วนทุกส่วนของสมุนไพร
มีสมุนไพรบางชนิดที่มีรูปลักษณ์คล้ายกันมากแต่หลิงฮันกลับสามารถเอ่ยชื่อแยกประเภทได้โดยไม้ต้องเสียเวลาครุ่นคิด การทดสอบเมื่อครู่หลินอวีฉีจงใจนำชิ้นส่วนของสมุนไพรที่คล้ายคลึงกันถึงสิบชนิดปะปนกันแต่หลิงฮันก็แยกแยะพวกมันได้โดยไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย
“ครั้งนี้จะยากขึ้นอีก” หลินอวีฉีนำสมุนไพรร้อยชนิดออกมา ซึ่งหลิงฮันสามารถบอกชื่อของพวกมันได้ทั้งหมด หลังจากนั้นนางได้หั่นพวกมันออกเป็นหลายล้านชิ้นก่อนจะทำให้กระจัดกระจายกันออกไปและวางไว้บนโต๊ะ “ทำให้กลับเป็นเหมือนเดิม”
หลิงฮันยิ้ม เขาสะบัดมือนำสมุนไพรลอยขึ้นฟ้าและกวาดตามอง ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของสมุนไพรเหล่านี้ถูกจดจำไว้ในสมองของเขาหมดแล้ว สมองของเขาทำงานด้วยความเร็วสูงและรวมสมุนไพรให้เข้ากันอย่างรวดเร็ว
ในศาสตร์แห่งการปรุงยาไม่ว่าจะส่วนใดพรสวรรค์ของเขาถือว่าโดดเด่นไร้ใครเทียบ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในทวีปฮงเทียน ตราบใดที่เห็นสมุนไพรแม้แต่ครั้งเดียวเขาก็จะจดจำพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แม้พลังบ่มเพาะจะไม่สูงเหมือนตอนนี้
และยิ่งพลังบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น ความสามารถในการจดจำก็ยิ่งแม่นยำขึ้น
เศษสมุนไพรที่ถูกหั่นออกเป็นหลายล้านชิ้นค่อยๆกลับมาสู่รูปทรงดั้งเดิมของพวกมัน
ดวงตาคู่งามของหลินอวีฉีกับหานซินเหยียนเริ่มขยายกว้างขึ้น แม้กระทั่งปากก็อ้าออกเป็นวงกลม
ผ่านไปอีกไม่นานหลิงฮันก็หยุดมือพร้อมกับรวมสมุนไพรทั้งหมดให้กลับสู่สภาพเดิมได้เสร็จสมบูรณ์
“เจ้ามันไม่ปกติ!” หลินอวีฉีดึงสายตากลับมาจากความตะลึง แววตาของนางปริ่มไปด้วยความหลงไหลกับว่าการเคลื่อนไหวอันลื่นไหลของหลิงฮันนั้นทำให้จิตใจของนางหวั่นไหว
หานซินเหยียนไม่ปกปิดความรู้สึกเลื่อมใสที่ผุดขึ้นในใจ “กว่าข้าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยล้านปี”
“พ่อหนุ่ม จงเข้าร่วมกับตระกูลหลินของข้า!” แววตาของหลินอวีฉีส่องประกาย “ข้ายกหานซินเหยียนให้เจ้าเลยเป็นไง?”
“พี่สาวอวีฉี!” หานซินเหยียนตะคอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “เจ้าชอบพูดล้อเล่นอยู่เรื่อย”
.
เมื่อเห็นหลิงฮันปฏิเสธ หานซินเหยียนก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย สตรีผู้นี้ช่างแปลกประหลาดนัก นางเป็นคนไม่ยินยอมแท้ๆ แต่พอเขาปฏิเสธกลับมีท่าทีไม่พอใจ
หลินอวีฉีทำท่าทียั่วยวนก่อนจะเขยิบเข้าใกล้หลิงฮัน กลิ่นหอมจากร่างของนางเย้ายวนเป็นอย่างมาก “น้องชาย หรือว่าเจ้าจะชอบสตรีมีอายุเช่นพี่สาวคนนี้?”
“พี่สาวอวีฉี!” หานซินเหยียนรีบดึงหลินอวีฉีกลับมากด้วยท่าทีเขินอาย เมื่อครู่เพิ่งจะยกนางให้คนอื่น คราวนี้ถึงขนาดยกตัวเองให้แล้ว?
“หน้าอกเล็กๆเช่นเจ้าน่ะ ไม่มีใครเอาหรอก!” หลินอวีฉีผลักหานซินเหยียนไปด้านข้างและเผยเนินอกของตนเอง ภูเขาสองลูกมีขนาดที่น่าอัศจรรย์และเป็นความภาคภูมิใจของสาวงามเช่นนาง
หลิงฮันทำเพียงยิ้มตอบและกล่าว “ข้ามีภรรยาแล้ว หากเจ้าต้องการเข้าตระกูลหลิงคงต้องเป็นภรรยาคนที่ยี่สิบสอง”
“เจ้าเคยบอกว่าคนที่สิบเก้าไม่ใช่รึ?” หลินอวีฉีหัวเราะและจงใจทำให้ภูเขาขนาดมหึมากระเพื่อมเพื่อดึงดูดสายตาหลิงฮัน
หลิงฮันกล่าว “คนฝักใฝ่ในรักเช่นข้า ในช่วงครึ่งปีนี้เป็นธรรมดาที่จะมีภรรยาเพิ่มขึ้น”
หานซินเหยียนไม่รู้ว่าที่หลิงฮันกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือล้อเล่นแต่เผลอแอบคิดในใจไปว่าหลิงฮันที่เป็นนักปรุงยามากพรสวรรค์จะมีเวลาเพียงพอให้กับภรรยาถึงสิบสองคนรึ?