หลันหลวนเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่ในตอนนี้ด้วยกลิ่นอายของวิหคจะงอยฟ้าทำให้พลังของนางบรรลุขั้นกลางชั้นสูงสุดหรือกระทั่งขั้นสูงชั้นต้น ซึ่งแน่นอนว่าทำให้พลังต่อสู้ของนางเพิ่มมากขึ้น
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้น พวกเขาทุกคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
มันเท่ากับว่าพลังของนางเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น!
อย่างไรก็ตามเพื่อแลกมาซึ่งพลังดังกล่าว แน่นอนว่าหลันหลวนต้องได้รับผลกระทบ ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นซีดขาวและมีโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก ทั้งยังทำให้พลังชีวิตของนางลดลงไปมาก
นางเป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่มาก ทั้งที่มันเป็นแค่การต่อสู้แลกเปลี่ยนวรยุทธ แต่นางกลับทุ่มสุดตัว แล้วถึงแม้ว่านางจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่สูญเสียอย่างมหาศาล
ติงผิงส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าไปปะทะ แต่ทันทีที่หมัดของเขาสัมผัสกับวิหคจะงอยฟ้า ร่างของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทรุดลงกับพื้น มือทั้งสองข้างของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและชุ่มไปด้วยเลือด
ในขณะเดียวกันสภาพของหลันหลวนเองก็ไม่ได้สู้ดีนัก นางนั่งลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดขาวและดูเหน็ดเหนื่อย
หากการโจมตีของนางครั้งนี้ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ นางก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เองเพราะหมดแรง
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นชัยชนะที่น่าสังเวช เพราะติงผิงไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดตอบโต้
จักรพรรดิพิรุณกระโดดออกมาและพยุงร่างของติงผิงกลับไปที่ก้อนหิน แล้วพลางส่ายหัว
ในความเป็นจริงเขาคิดว่าติงผิงสามารถเอาชนะนางได้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าเขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีหรอกหรือ?
หลังจากวางติงผิงลง จักรพรรดิพิรุณก็กระโจนออกไปอีกครั้งและพูดว่า “ใครจะเป็นคู่มือให้กับข้า?”
เขาลดสถานะของจักรพรรดิลง แต่ก็ไม่ได้ลดความหยิ่งยโสจองหองของตัวเองลง ที่นี่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถปะมือกับจักรพรรดิพิรุณได้ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางก็ตาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเอง!” ชายหนุ่มชุดเขียวกระโจนออกมา บนชุดของเขาตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับจำนวนมาก และเครื่องประดับทุกชิ้นต่างปล่อยกลิ่นอายที่ลึกลับออกมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เครื่องประดับธรรมดา
ชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นคนที่มาจากตระกูลชั้นสูง มิฉะนั้นคงไม่มีเครื่องประดับมากมายบนชุด
“เขาคือเจาซวน”
“เจา? เจ้าหมายถึงตระกูลเจาอย่างนั้นรึ?”
“ใช่แล้ว เขามาจากตระกูลเจา”
ตระกูลเจาเป็นตระกูลใหญ่ บรรพบุรุษของพวกเขาคือจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปพวกเขาก็ไม่สามารถรักษาความรุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อนเอาไว้ได้
เจาซวนนั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง แต่เขาหยิ่งยโสเกินไปที่คิดว่าในที่แห่งนี้ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ – อย่างมากพวกเจ้าก็ทะลวงผ่านได้แค่ระดับดารา แต่ขณะนั้นจะกลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์!
ทว่า พลังบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้ยังค่อนข้างอ่อนแอ เขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเขายังเยาว์วัยและฝึกฝนวรยุทธได้แค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น แต่การที่เขาบรรลุได้ถึงระดับนี้ได้ถือก็ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากแล้ว
เมื่อระดับพลังสูงขึ้น มันก็ทำให้จักรพรรพิรุณดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของเขาจะไม่สามารถกลับไปเยาว์วัยเหมือนตอนอายุสิบถึงยี่สิบปีได้ ตอนนี้เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนอายุยี่สิบแปดปี มันทำให้เขาดูแก่ไปเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางคนหนุ่มสาวพวกนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอายุที่แท้จริงของจักรพรรดิพิรุณจะน้อยกว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ แต่ใครขอให้เขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานตอนอายุใกล้หกสิบปีกันล่ะ?
ในสายตาของทุกคน จักรพรรดิพิรุณถือเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์
หรือไม่จริง?
เพราะอัจฉริยะอย่างพวกเขาสามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้ตั้งแต่ตอนที่อายุเจ็ดหรือแปดปี!
ถึงแม้จะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเจาซวน แต่ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม – เจ้าแก่นี่เป็นอัจฉริยะเมล็ดพันธุ์เหมือนกับข้า นี่ถือเป็นความอัปยศของข้า!
ดี ข้าจะสอนบทเรียนให้กับมันเอง มันคงดีกว่าถ้าจะทำให้อีกฝ่ายโดนขับไล่ออกจากนิกาย เพื่อไม่ให้สถานะของศิษย์เมล็ดพันธุ์ต้องตกต่ำลง
“เตรียมรับมือ!” เจาซวนดูถูกจักรพรรดิพิรุณมาก และโจมตีอีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียว
จักรพรรดิพิรุณโจมตีออกไปเพื่อตอบโต้ ปัง หมัดทั้งสองปะทะกันและทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
อะไร!
เจาซวนเผยสีหน้าตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการโจมตีของจักรพรรดิพิรุณจะรุนแรงขนาดนี้ ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิพิรุณเลย ดังนั้นหลังจากที่ปะมือกับจักรพรรดิพิรุณหนึ่งครั้ง เขาก็รีบถอยห่างสร้างระยะและตั้งท่าป้องกัน
จักรพรรดิพิรุณนั้นมีประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชนมากจนทำให้หลิงฮันยังไม่แน่ใจว่าสามารถเอาชนะจักรพรรดิพิรุณได้ หากระดับพลังทั้งสองคนเท่ากันและห้ามใช้ไพ่ลับ
ปัง ปัง ปัง จักรพรรดิพิรุณเริ่มรุกและไล่ต้อนเจาซวน
เมื่อเจาซวนถูกทำให้ล่าถอยออกไปสิบเจ็ดก้าว เขาก็ถ่มโลหิตออกมาและโจมตีออกไปด้วยหมัด
“เปล่าประโยชน์!” จักรพรรดิพิรุณคำราม
นี่เป็นการแค่การต่อสู้แลกเปลี่ยนวรยุทธเท่านั้น ดังนั้นจะปะมือกันนานเท่าไหร่ก็ได้
หลังจากที่เจาซวนถูกกระหน่ำโจมตีหลายครั้ง ใบหน้าของเขาก็ปูดบวมเหมือนกับหัวหมู
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขาดูถูกจักรพรรดิพิรุณเอาไว้ แต่กลับไม่มีโอกาสสวนกลับการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ นี่ถือเป็นความอัปยศที่จะติดตัวไปตลอดชีวิตของเขา!
เขาจะยอมรับความอัปยศดังกล่าวได้อย่างไร? ถ้าในอนาคตเขาต้องการเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์
“อีกครั้ง!” เจาซวนกระโจนออกไป แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าทำตัวประมาท รอบร่างของเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างแห่งเต๋าที่ผสมผสานกับอักขระศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พลังต่อสู้ของเขาผลักดันจนถึงขีดสุด
เมื่อทุกคนเห็นการเคลื่อนไหวของเจาซวน พวกเขาต่างพากันส่ายหัวอยู่ในใจ
เจ้าพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และนั่นมีแต่จะทำให้เจ้าดูน่าสังเวชมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นพรสวรรค์จึงเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง พรสวรรค์อย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม คนอย่างจักรพรรดิพิรุณนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและไม่ควรประมาท
จักรพรรดิพิรุณเค้นเสียงอยู่ในลำคอ เขาเองก็เริ่มโกรธแล้วเหมือนกัน คนที่พ่ายแพ้ไปแล้วแต่ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองมันทำให้เขาดูเหมือนคนโง่
ถ้างั้นรับการโจมตีของข้าไปซะ!
เขาปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของเจาซวน
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากที่ถูกต่อยทีละหมัดทีละหมัด เจาซวนก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้และยืนหยัดด้วยพลังทั้งหมด แต่สุดท้ายเขาก็ถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์
“ทำไมหมัดของเขาถึงน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้?”
“ทักษะหมัดของเขาทรงพลังมาก ทุกหมัดของเขาเหมือนกับได้รวบรวมพลังแห่งสวรรค์และปฐพีเอาไว้”
เมื่อทุกคนเห็นจุดแข็งของจักรพรรดิพิรุณ ทำให้พวกเขาตกใจ
ระดับพลังของจักรพรรดิพิรุณไม่ได้สูงมากนัก แต่ถ้าพูดถึงทักษะหมัดแล้ว เขาเหนือกว่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่อยู่ที่นี่และมาถึงจุดที่ทุกคนทำได้แค่เงยหน้ามอง
“ทักษะหมัดของพี่รองใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าขอแสดงความยินดีด้วย!” หลิงฮันพูดในใจและแสดงรอยยิ้มบนใบหน้า เขาเห็นเต๋าแห่งดาบในสุสานและทักษะหมัดของจักรพรรดิพิรุณก็เหมือนกับพลังเต๋า นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก
ในตอนที่หลิงฮันเห็นเต๋าแห่งดาบ มันทำให้เขาตระหนักถึงหนทางของตนเอง แต่จักรพรดริพิรุณนั้นแค่พึ่งพาความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกเคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก
พี่รองมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธโดยธรรมชาติ