“ไม่ใช่!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหน้า “ในตำแหน่งนั้นไม่ควรมีดวงดาว!”
หลิงฮันถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้ามั่นใจแค่ไหน?”
“มั่นใจมาก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ความสามารถด้านวรยุทธของนางห่างชั้นจากหลิงฮันมาก แต่นางเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือหาความรู้ ดังนั้นถ้าพูดถึงความรู้รอบตัวบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นางมีความรู้มากกว่าหลิงฮัน
“แปลกมาก ถ้างั้นมันคืออะไร?”
ทั้งสองคนจ้องมองท้องฟ้า ดาวดวงใหญ่ยังคงส่องแสงไปทั่วทุกซอกทุกมุมบนดาวเหอหนิง แสงสว่างของมันเพียงพอที่จะทำให้คนที่อยู่ในเอกภพใกล้เคียงมองเห็น
วันต่อมา ทุกคนต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดาวดางใหญ่ที่ปรากฏเมื่อคืนมันคืออะไร?
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก โดยปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นดาวในเวลากลางวัน เพราะแสงของดวงอาทิตย์สว่างเกินไป แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองเห็นดาวดวงใหญ่ นี่แสดงให้เห็นว่าแสงของมันเจิดจ้ามากกว่าดวงอาทิตย์
ทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัยว่าดาวดวงใหญ่นั่นมาจากไหน เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นดาวปรากฏในตำแหน่งดังกล่าวมาก่อน ราวกับว่าปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
ดาวขนาดใหญ่จะปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าได้อย่างไร?
มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
ทันใดนั้นเองก็มีกองกำลังส่งเรือเหินดาราไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่เพื่อสำรวจดาวดวงนั้นในระยะใกล้
เรือเหินดาราแตกต่างจากเรือบินมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้สร้างหรือพลังงานที่ต้องใช้ขับเคลื่อนมากกว่าเรือบิน นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องสร้างให้มันบินได้นานที่สุด
แล้วเรือเหินดารานั้นมีเพียงแค่ขุมพลังใหญ่อย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะมีครอบครอง เพราะค่าใช้จ่ายในการซื้อจนถึงการบำรุงรักษานั้นมากเกินไป
นอกจากนี้ ใครจะบินออกไปนอกดาวดวงนี้กัน?
การเดินทางจากดาวหนึ่งไปสู่อีกดาวหนึ่งใช้เวลาเป็นปีหรือแม้กระทั่งหลายแสนปี ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะเต็มใจเดินทางยาวนานขนาดนั้น
เพียงไม่กี่วันต่อมา เรือเหินดาราก็เดินทางกลับพร้อมกับข่าวใหญ่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
ดาวดวงใหญ่บนท้องฟ้าที่จริงแล้วคือสุสาน!
อะไรนะ!
หลิงฮันรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินว่ามันเป็นสุสาน นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ในเมื่อดาวที่พวกเขาเห็นอยู่ไกลขนาดนั้น แล้วสุสานจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน?
หลิงฮันอดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้และต้องการไปดูด้วยตาตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น นิกายสวรรค์เยือกแข็งยังออกประกาศพิเศษและเลื่อนการทดสอบเข้าสู่นิกายอย่างไม่มีกำหนด ดังนั้นหลิงฮันจึงมีโอกาสที่ไปสำรวจสุสาน
สุสานขนาดใหญ่บนท้องฟ้า แค่ได้ยินก็เหมือนมีสมบัติมหาศาลรออยู่แล้ว!
แต่มีเพียงแค่ไม่กี่ขุมพลังเท่านั้นที่มีเรือเหินดารา หลินฮันจะมีคุณสมบัติที่ได้ครอบครองมันได้อย่างไร?
แน่นอนว่าไม่!
แต่ไม่ใช่กองกำลังของจอมยุทธระดับดาราเท่านั้นที่เป็นเจ้าของเรือเหินดารา แต่ยังรวมถึงกองคาราวานด้วย
กองคาราวานบางแห่งทำธุรกิจข้ามดวงดาว พวกเขาเดินทางไปมาระหว่างดาวดวงใหญ่ต่างๆ โดยทำหน้าที่ส่งมอบวัสดุและขายผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีเฉพาะในดาวดวงนั้นเท่านั้น แต่ว่าการเดินทางข้ามดวงดาวนั้นต้องใช้เวลาและอาจเจอพายุในอวกาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องตายในจักรวาลที่มืดมน
แน่นอนว่ากองคาราวานจะต้องรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ พวกเขาเปิดเส้นทางใหม่สู่สุสานทันที แต่ราคาตั๋วเดินทางนั้น หึหึ หนึ่งคนต่อหนึ่งหมื่นผลึกก่อเกิด ราคาดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่สะดุ้ง
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ตั๋วก็ยังขาดตลาดและถูกขายหมดในเวลาอันสั้น
– ต้องทราบก่อนว่าแม้กระทั่งจักรพรรดินี แม่ทัพทั้งเจ็ด ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวายังเตรียมตัวที่จะเดินทางสู่สุสาน นี่แสดงให้เห็นว่าโอกาสครั้งนี้น่าอัศจรรย์เพียงใด
หลิงฮันได้รับตั๋วมาสองใบ ใบหนึ่งสำหรับเขาและอีกใบหนึ่งสำหรับสุ่ยเยี่ยนยวี่
แน่นอนว่าเขาจะพาจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆไปด้วย แต่พวกเขาจะต้องอยู่ในหอคอยทมิฬก่อน และค่อยพาออกมาเมื่อไปถึงสุสาน
แต่การสำรวมสุสานนั้นไม่ได้มีแค่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจักรวรรดิราชวงศ์อีกสองแห่งอีกด้วย แล้วแต่ละจักรวรรดิราชวงศ์ก็จะปล่อยให้คนที่แข็งแกร่งรักษาการณ์แทน อย่างเช่นจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะที่ให้ราชินีที่เก้าคอยดูแล
เรือของหลิงฮันจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปเยี่ยนเฒ่าหม่าก่อน ซึ่งเขาวางแผนว่าจะไปเยี่ยมอีกฝ่ายนานแล้ว แต่มักจะมีอะไรหลายอย่างที่เข้ามาขัดจังหวะ
ในตอนที่เขากลับมาถึงหอตำรา ที่นี่ไม่วุ่นวายเหมือนกับเมื่อก่อน เหมือนกับว่าคนส่วนใหญ่กำลังพยายามหาวิธีที่จะได้รับตั๋วมา
“คารวะผู้อาวุโส!” หลิงฮันเดินเข้าไปและคารวะเฒ่าหม่า
เขาติดหนี้ชายชราผู้นี้ไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นทักษะจิตเจ็ดสังหาร เทคนิคบ่มเพาะพลังหกธาตุ
เฒ่าหม่ากำลังงีบหลับ เมื่อเขาได้ยินเสียงหลิงฮัน เขาก็ลืมตาตื่นขึ้นทันทีและหันไปมอง แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ความก้าวหน้าของเจ้า ทำไมถึงรวดเร็วปานนี้?”
ถึงแม้หลิงฮันจะไม่รู้ว่าเฒ่าหม่านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาเชื่อว่าระดับบ่มเพาะพลังของอีกฝ่ายจะต้องสูงมากอย่างแน่นอน นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เฒ่าหม่าจะสามารถมองเห็นความก้าวหน้าได้เพียงแค่เหลือบมอง
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ข้ามีโชคนิดหน่อย”
เฒ่าหม่าไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขากลับพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าหนู เจ้าอย่าได้เร่งรีบจนเกินไป ถ้าเจ้าต้องการสร้างหอคอย เจ้าก็ต้องสร้างรากฐานให้แน่นทีละขั้นตอน และไม่ควรโลภมากจนเกินไป มิฉะนั้นมันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเจ้า!”
“ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าจะจดจำคำเตือนของท่านเอาไว้!” หลิงฮันตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
เฒ่าหม่าพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า “มันแปลกมาก ถึงแม้เจ้าจะมีความก้าวหน้าที่รวดเร็ว แต่รากฐานของเจ้ากลับมั่นคงมากจนชายชราอย่างข้าคาดไม่ถึง”
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหลิงฮันมีต้นสังสารวัฎ แล้วรากฐานของเขาจะไม่มั่นคงได้อย่างไร ในเมื่อฝึกฝนหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปี
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้ม ถึงแม้เขาจะติดหนี้เฒ่าหม่าไว้มาก แต่เรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับเฒ่าหม่าแทบจะเป็นศูนย์ แล้วเขาจะเปิดเผยการมีอยู่ของหอคอยทมิฬและต้นสังสารวัฎได้อย่างไร!
“ในเมื่อเจ้ามีความก้าวหน้าที่รวดเร็วมาก แต่ยังไงข้าก็ต้องตักเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ทำพลาด” เฒ่าหม่ากล่าวอีกครั้ง
“เตือน?” หลิงฮันถาม
เฒ่าหม่าไม่ตอบ แต่ถามหลิงฮันว่า “เจ้าคิดว่าจอมยุทธสามารถมีพลังต่อสู้ได้กี่ดาว?”
เอ่อ
เรื่องนั้นมันเป็นปัญหาด้วยหรือ?
อัจฉริยะระดับสี่ดาวนั้นหาตัวจับได้ยาก อัจฉริยะระดับห้าดาวมีเพียงแค่ในตำนาน นี่คือเรื่องทั่วไปที่ทุกคนทราบกันดี
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันรู้ว่าเขามีพลังต่อสู้มากกว่าห้าดาว ถ้าเขาใช้ตัวช่วยทุกอย่าง การที่เขาจะมีพลังต่อสู้เจ็ดดาวก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร