AtW ตอนที่ 101 หอคอยเวทย์มนตร์อีวาน
ชายหนุ่มคนหนึ่งกําลังสวมเสื้อคลุมสีเทาส่วนตัวของเขานั้นได้พิงอยู่ที่หน้าต่าง ชั้น 2 ของหอคอยเวทย์มนตร์ ดวงตาสีม่วงของชายคนนั้นมองไปที่ไกลแสนไกลจากหอคอยแห่งนี้ โลกแห่งเวทย์มนตร์กําลังเปิดรับให้ผู้คนได้พบกับความลึกลับของโลก
แห่งนี้
วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่อาเบลได้ตั้งรกรากอยู่ที่หอคอยเวทย์มนตร์อีวาน ตอนนี้ เขาไม่ได้สวมใส่ชุดคลุมสุดหรูหราแต่อย่างใด ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของแซม แซมเป็นจอมเวทย์ระดับกลางที่ 5 ที่หอคอยเวทย์มนตร์แห่งนี้เองตัวเขานั้นจะต้องสวมใส่ เสื้อคลุมสีเทายาวตลอดเวลา ทุกเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในหอคอยแห่งนี้ทุกๆคนจะต้องทิ้ง ความหรูหราเปลือกนอกไปทั้งหมด ตอนนี้อาเบลเป็นเพียงลูกศิษย์ของจอมเวทย์ธรรมดาๆ เพียงเท่านั้น
การดูแลจัดการปราสาทอาเบลนั้นอาเบลได้มอบให้กับลอร์ดมาแชลเป็นคนจัดการ ทั้งหมด ส่วนพ่าอบ้านเคนนั้นก็ยังคงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ในถนนไทรอัมพ์เช่นเคย ตัวเขานั้นได้รับหน้าที่ดูแลลอเรนและลมทมิฬต่อไป ส่วนอัศวินรับใช้ทั้ง 20 คนได้กลับไปทําหน้าที่คุ้มกันปราสาทแฮรี่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนนักรบชุดเกราะด่า 10 คน ที่เหลือได้ทําหน้าที่คุ้มกันคฤหาสน์ที่ถนนไทรอัมพ์ต่อไป ตั้งแต่ที่หัวหน้าผู้บัญชาการฮูเวอร์ได้พูดสัญญากับอาเบล คฤหาสน์ที่ถนนไทรอัมพ์ของอาเบลก็ไม่เคยถูกโจมตีอีกเลย
“นิวตันผู้น่าสงสาร เขาเพิ่งจะเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดแท้ๆ แต่ตอนนี้คุณแซมกลับไล่เขาออกไปซะแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านมาได้พูดขึ้น
“ฉันได้ยินมาว่าคุณแซมได้ไล่เขาออกไปเพราะว่าตอนนี้คุณแซมได้ผู้ติดตามใหม่มา” เสียงของคนอีกคนที่กําลังคุยกับชายคนนั้นดังขึ้น
“ฉันไม่ได้เห็นนิวตันมาหลายวันแล้วนะ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
“แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ได้อยู่ข้างนอกหอคอยเวทย์มนตร์หรอก นายจําได้ไหมละ ว่าตอนที่นิวตันยังอยู่ที่หอคอยเวทย์มนตร์นี้เขาไม่เหมือนกับลูกศิษย์ของจอมเวทย์คน อื่นๆเลย? แต่ตอนนี้เขาถูกไล่ออกไปแล้ว นิวตันคงจะได้ลิ้มรสความผิดหวังแล้วล่ะ”
“เพียงแค่พลังเวทย์มนตร์ที่รั่วไหลจากหอคอยเวทย์มนตร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่เหล่าลูกศิษย์จอมเวทย์จะฝึกฝนตัวเองต่อไปได้ ตอนนี้ก็ยังคงมีเหล่าลูกศิษย์จอมเวทย์ต้องฝึกฝนตัวเองต่อไปทุกวันอย่างแน่นอน”
“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรละนะ!”
“นั่นแหละ”
ในขณะนั้นเองชายหนุ่มสองคนอายุราวๆ 18-19 ปีที่กําลังสวมใส่ชุดคลุมสีเทาก็ได้ ปรากฏตัวขึ้นจากมุมมุมหนึ่ง เมื่อพวกเขาทั้ง 2 คนเห็นชายคนหนึ่งที่กําลังยืนอยู่ข้างๆ หน้าต่างพวกเขาก็โค้งคํานับให้กับชายคนนั้นในทันที แต่เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างนั้นเป็นอาเบลที่กําลังสวมใส่ชุดคลุมสีเทาเช่นกันพวกเขาทั้งสองคนก็ยืนตรงขึ้นมาทันที ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ถามอาเบลหลังจากที่ว่าเขาได้ “ทําไมนายมายืนอยู่ตรงนี้กันล่ะ? นายกําลังทําให้คนอื่นตกใจนะ?”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งได้หนึ่งชายหนุ่มคนนั้นเอาไว้ก่อนที่จะพยายามบอกให้ชายหนุ่มคนนั้นสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นเขาก็หันไปหาอาเบลก่อนจะพูดว่า “นายคงเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของคุณแซมสินะ?”
“ใช่แล้วครับ ผมชื่ออาเบล” อาเบลได้โค้งคํานับให้กับชายหนุ่มทั้งสองคน
“นายไม่ต้องทําความเคารพฉันหรอก ฉันก็เป็นลูกศิษย์ของคุณเรดเหมือนกัน ฉันชื่อว่าโคดี้” ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมตัวใหญ่ได้แน่นําตัวกับอาเบล จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่กําลังหงุดหงิดอยู่ ชายคนนั้นมีรูปร่างสูงผอม “นั่นเป็นผู้ติดตามของคุณคาร์โล เขาชื่ออีทานน่ะ”
“นับตั้งแต่จากนี้ไปนายจะต้องทําความสะอาดพื้นจากชั้นที่ต่ากว่านี้ด้วยล่ะ” อีทานพูดด้วยน้ําเสียงที่ฟังดูแข็งกร้าว
“ได้เลย” อาเบลไม่ได้ปฏิเสธ มันเป็นงานที่ใช้พลังร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และตอนนี้เองตัวอาเบลเองก็มีเวลาว่างพออยู่แล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้นชั้นที่ 2 ยังเป็นชั้นที่คุณแซมอาศัยอยู่ด้วย
เจ้าของหอคอยเวทย์มนตร์คือจอมเวทย์อีวานนั้นเอง เขาเป็นจอมเวทย์มือใหม่ระดับ 6 ส่วนหอคอยอีวานนั้นเป็นหอคอยที่มี 6 ชั้นด้วยกัน ชั้นล่างสุดของหอคอยนั้น เป็นเหมือนชั้นที่เหล่าผู้เยี่ยมชมทั้งหลายจะมาเยี่ยมเยียนได้ ส่วนชั้นระดับสูงสุดนั้น เป็นชั้นที่จอมเวทย์อีวานอาศัยอยู่นั่นเอง นอกจากนั้นชั้นอื่นๆ เองเป็นชั้นที่เหล่าสาวก ทั้ง 4 คนของจอมเวทย์อีวานนั้นอาศัยอยู่
เหล่าสาวกทุกคนจะให้อนุญาตให้พวกลูกศิษย์ของพวกเขาเข้ามาในห้องของอาจารย์ผู้ที่เป็นจอทมเวทย์เพื่อทําความสะอาดห้องและดูแลพวกจอมเวทย์นั่นเอง แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะถูกเรียกว่าผู้ติดตามจอมเวทย์ก็ตามที่แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงแค่คนรับใช้ของเหล่าสาวกเท่านั้น
แต่ถึงตําแหน่งนี้จะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไรก็ตามที่แต่เหล่าผู้ที่ต้องการเป็นจอมเวทย์นั้นต่างก็ต้องต่อสู้กันมาอย่างโชกโชนเพื่อที่จะได้รับตําแหน่งนี้มา ตอนนี้คุณแซมได้รับอาเบลมาเป็นลูกศิษย์คนใหม่ของหอคอยเวทย์มนตร์ ด้วยเหตุนี้เองอาเบลจึงตกเป็นที่อิจฉาริษยาของคนอื่นๆไปในทันที
เมื่อเห็นอาเบลยอมแต่โดยดี อิทานก็ได้สงบสติลงเล็กน้อย เขาได้ยืนไม้กวาดให้กับอาเบลก่อนที่จะหันกลับไปหาโคดี้ “กลับไปข้างบนกันเถอะ อาจารย์ของฉันจะต้องการตัวฉัน”
“แล้วเจอกันใหม่นะอาเบล ฉันชื่นชมนายจริงๆ ที่เป็นผู้ติดตามของคุณแซมได้” โคได้พูดขึ้นโดยไม่ได้สนใจอาเบลที่กาลังสับสนอยู่เลย หลังจากพูดเสร็จเขาก็ขึ้นไปชั้นบน
หลังจากนั้นไม่นานอาเบลก็ทําความสะอาดทั้ง 2 ชั้นของหอคอยเวทย์มนตร์อย่างรวดเร็ว เขาทําความสะอาดคนเดียวโดยที่ไม่มีใครสักคนช่วยเหลือเลย ตอนนี้อาเบลรู้แล้วว่าท้องฟ้านอกหอคอยนั้นมืดไปแล้ว เวลานี้เองเป็นเวลาที่อาเบลจะต้องร่ายคาถาเพื่อที่จะเสริมพลังให้กับลมทมิฬ และอาเบลเองก็ได้เคยบอกคุณแซมไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องๆ นี้
เมื่อแซมรู้ว่าอาเบลนั้นเป็นเจ้าของหมาป่าเขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จอมเวทย์ทุกคนต่างก็อยากได้สัตว์ที่เป็นพาหนะเป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าหมาป่าเองยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดของเหล่าจอมเวทย์ ดังนั้นแซมจึงไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากอาเบลจะใช้เวลาในส่วนเล็กๆ ในตอนนี้เพื่อที่จะเสริมพลังให้กับหมาป่าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจอมเวทย์อย่างเป็นทางการหรือเป็นเพียงจอมเวทย์ฝึกหัด การที่มีสัตว์ขี่ดีๆได้นั้นเป็นอะไรที่สําคัญมาก
อาเบลได้ใช้มือของตัวเองแตะไปที่ประตูด้านหน้าของหอคอยเวทย์มนตร์อย่างเบาๆ ทันใดนั้นเองประตูหอคอยเวทย์มนตร์ก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ในตอนที่อาเบลได้มาถึงที่หอคอยเวทย์มนตร์ครั้งแรก แซมได้ผูกมันวิญญาณของอาเบลเข้ากับหอคอยเวทย์มนตร์แห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอาเบลจะสามารถเข้าออกหอคอย 2 ชั้นแรกได้อย่างอิสระ
เมื่อก้าวเท้าออกมาจากหอคอยเวทย์มนตร์อาเบลก็รู้สึกได้เหมือนกับตัวเขาในตอน นี้กําลังตกอยู่ภายใต้ของสายคาคนนับพันอยู่ หลังจากที่ตัวเขานั้นมองไปรอบๆ อาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าที่รั้วรักษาความปลอดภัยของหอคอยเวทย์มนตร์อีวานนั้นมีคนกว่า 30 คนอาศัยอยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะนั่งหรือจะนอนอยู่แต่อาเบลก็รู้สึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็จ้องมองมาที่อาเบลด้วยความรู้สึกเดียวกัน และเมื่อพวกเขาได้จ้องมองไปที่อาเบลได้พักหนึ่งแล้วพวกเขาก็รู้ได้ว่าอาเบลนั้นไม่ใช่คนที่พวกเขาว่ากำลังตามหาอยู่ แต่ก็ยังมีคนอีกไม่กี่คนที่กําลังจ้องมาที่อาเบลอย่างไม่ลดละเช่นเดิม ดูเหมือนว่าสายตาพวกนี้จะเต็มไปด้วยความอิจฉามากกว่า
อาเบลไม่ได้สนใจพวกที่มองอยู่เลย แท้จริงแล้วคนเหล่านั้นเป็นเพียงแค่คนที่จะพยายามใช้ประโยชน์จากหอคอยเวทย์มนตร์แห่งนี้เพียงเท่านั้น ในทุกๆวันวงแหวน เวทย์มนตร์ของหอคอยเวทย์มนตร์นั้นจะดูดซับพลังเวทย์มนตร์จากบริเวณโดยรอบและเมื่อพลังเวทย์ถูกเก็บรวบรวมมาจะมีพลังเวทย์บางส่วนนั้นรั่วไหลออกไปภายนอกของหอคอยเวทย์มนตร์เล็กน้อย พลังเวทย์เหล่านั้นเป็นเหมือนกับทรัพยากรที่สําคัญที่พวกเขาเหล่านั้นจะใช้สําหรับทําสมาธิเพื่อฝึกฝนเวทย์มนตร์ของตัวเอง ถึงแม้ว่าโอกาสจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามแต่นี้เป็นเหมือนกับโอกาสที่พวกเขานั้นจะได้ฝึกฝนเวทย์มนตร์ต่อไป การกระทําแบบนี้นั้นมีมานานหลายปีแล้ว และการกระทําแบบนี้เองสหพันธ์จอมเวทย์ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรอีกด้วย ดังนั้นแล้วจึงไม่มีใครที่จะขับไล่พวกเขาเหล่านี้ไปจากที่รั้วของหอคอยเลยนั่นเอง
ในกลุ่มคนเหล่านั้นได้มีจอมเวทย์ฝึกหัดนั้นอาศัยอยู่ด้วย พวกจอมเวทย์ฝึกหัดพวกนั้นไม่พอใจที่มีจอมเวทย์ฝึกหัดคนอื่นนั้นออกมาจากหอคอยเวทย์มนตร์แห่งนั้น ทุกๆคนที่อยู่ที่รั้วหอคอยนั้นต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจมาอย่างยาวนานเพื่อที่จะฝึกเวทย์มนตร์อยู่ภายนอกหอคอยแบบนี้ ทันทีที่พวกเขาสามารถเป็นจอมเวทย์อย่างเป็นทาง การได้แล้วพวกเขาก็จะไปร่วมกับตระกูลอื่นๆ เพื่อที่จะอุทิศตนโดยหวังที่ว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้รับโอกาสในการไปสํารวจที่ไหนสักแห่งเพื่อที่ว่าสักวันหนึ่งพวกเขานั้นจะได้รับโอกาสที่จะพัฒนาฝีมือไปได้อีกครั้งหนึ่ง
จอมเวทย์ฝึกหัดหลายคนนั้นต่างก็หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะถูกเลือกโดยเหล่าสาวกทั้ง 4 ของจอมเวทย์อีวาน เพื่อที่ว่าพวกเขานั้นจะได้เป็นผู้ติดตามของจอมเวทย์ต่อไป แน่นอนว่าคนที่ถูกเลือกนั้นจะต้องมีอนาคตที่สดใสกว่าคนที่เหลืออย่างแน่นอน
“สวัสดี!” ผู้ฝึกฝนเวทย์มนตร์คนหนึ่งที่กําลังสวมใส่ชุดสีเทากําลังทักทายอาเบล จากระยะไกล ชายคนนั้นเป็นเหมือนกับผู้ฝึกเวทย์มนตร์ที่มีรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ นั่นเองใบหน้าของเขากลมเหมือนกับโคดี้ แต่เสื้อคลุมของเขานั้นกลับยาวและดูฟิตเป็นอย่างมาก อาเบลพยายามที่จะกั้นหัวเราะเอาไว้
“ฉันชื่อฟินเคอร์ ฉันเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดระดับ 1 ฉันสนิทกับคุณโคดี้ คุณอีทาน คุณเคริช และคุณนิวตันน่ะ ถ้าหากนายอยากจะฝากให้ฉันซื้ออะไรแล้วละก็ฉันยินดีที่จะช่วยนายเสมอนะ” ในตอนที่พึ่งเคอร์พูด ไขมันในร่างกายของตัวเขานั้นก็สั่นไหวไปมา อาเบลไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายผู้ที่มีรูปร่างอ้วนท้วมแบบนี้จะเป็นผู้ที่อาสาไปซื้อของให้ผู้คนที่อยู่ในหอคอยเวทย์มนตร์
“ฟังเคอร์ ฉันชื่ออาเบล ดูเหมือนว่านายจะยังไม่รู้สินะ นิวตันน่ะได้ออกไปจากหอคอยเวทย์มนตร์แล้ว ฉันมาแทนเขาเองน่ะ” อาเบลตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“โอ้พระเจ้า นั่นเป็นความจริงอย่างงั้นหรอ? นิวตันยังติดเงินฉันอีกเยอะเลยนะ!” ใบหน้าที่อวบอ้วนของฟังเคอร์นั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่เขานั้นก็กลับมายิ้มได้อีก ครั้ง “อาเบล นายสามารถวางใจฉันให้ฉันซื้อของได้เสมอเลยนะ ฉันจะซื้อของที่มีราคาที่ดีที่สุดให้กับนายเอง”
“ฟิงเคอร์ นายน่าจะเป็นนักธุรกิจที่ดีได้มากกว่าจอมเวทย์อีกนะ!” อาเบลได้พูดขึ้น อย่างอารมณ์ดีที่เขาพูดอย่างสนิทสนมแบบนี้ได้เป็นเพราะว่าฟังเคอร์พยายามที่จะตีสนิทเขานั่นเอง
“นายไม่รู้จักความทะเยอทะยานของฉันไงละ ฉันอยากจะเป็นนักธุรกิจก็เพื่อจะเป็นจอมเวทย์อะนะ ฉันน่ะอยากจะเป็นนักธรุกิจจอมเวทย์” ฟังเคอร์พูดออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เข้าใจแล้วล่ะฟังเคอร์ ถ้าฉันอยากได้อะไรฉันจะตามหานายเอง” อาเบลรู้สึกชอบฟิงเคอร์เป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะสามารถช่วยให้อาเบลนั้นหาสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ด้วยของต่างๆที่หามาได้เองเวลาที่แสนจะน่าเบื่อในตอนนี้ก็จะต้องหมดไปอย่างแน่นอน.