A Warrior Exiled by the Hero and His Lover 28

ตอนที่ 28

ฉันรู้สึกว่าฉันมาถึงที่ไหนสักที่ แต่เพราะมันมืดฉันจึงมองไม่เห็นอะไรเลย

 

 

วิ้งงงงง

 

 

คอร์สีขาวที่กลางห้องก็เริ่มส่องแสงออกมา มันสว่างไปทั่วทั้งห้อง

 

 

“ฮิ๊ย๊าาา”

 

 

“นี่มันที่ไหนกันน่ะ !? ดันเจี้ยน!?”

 

 

[ ห้องของฉัน ] เป็นห้องที่มีขนาดกว้างพอสมควร

 

 

มันกว้างประมาณ 100 ตารางเมตร และสูงมากกว่า 10 เมตร

 

 

แหล่งกำเนิดแสงก็คือคอร์ที่กลางห้องซึ่งมันเป็นคริสตัล แต่มันสว่างอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าแสงถูกส่องออกมาจากทั่วทั้งห้อง

 

 

“ถ้าคอร์อยู่ที่นี่แสดงว่า….”

 

 

ฉันเปิดหน้าต่างสเตตัสและตรวจสอบชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน

 

 

น่าแปลกที่ชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนมีคอร์สีนํ้าเงินอยู่

 

 

เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างกัน

 

 

นอกจากนั้นห้องนี้ก็ตั้งอยู่ด้านล่างของชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน

 

 

ซึ่งอาจจะเรียกห้องนี้ว่าชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนก็ได้

 

 

บันไดทางลงนั้นจะถูกซ่อนไว้ด้วยประตูลับซึ่งนักผจญภัยทั่วไปคงหาไม่พบ

 

 

ฉันมองดูภายในห้องและเกิดความคิดขึ้นมา

 

 

บางทีเราอาจเปลี่ยนห้องนี้เป็นคลังเก็บของ?

 

 

ในอนาคตก็ยังมีอะไรอีกมากมาย และกระเป๋าเก็บของเวทมนตร์ของเราก็ใกล้จะเต็มแล้วด้วย

 

 

หาดฉันเก็บของไว้ที่นี่ ฉันก็สามารถรวบรวมสิ่งของได้มากเท่าที่ต้องการ

 

 

ฉันตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเดินทางและเงินบางส่วนไว้ที่นี่

 

 

“นายท่านฉันขอพื้นที่บางส่วนตัวนี้หน่อยได้มั้ยคะ?”

 

 

“อื้มเอาเลย อยากใช้แค่ไหนก็ตามใจเลย”

 

 

“แค่นิดหน่อยก็พอค่ะ”

 

 

“?”

 

 

คาเอเดะนำกล่องที่ไว้ใช้ใส่ข้าวของประจำตัวของเธอจากกระเป๋าเวทมนตร์ออกมา และวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ

 

 

เธอยังหยิบกล่องที่ฉันไม่เคยเห็นออกมาไว้ที่มุมห้องอีกด้วย

 

 

จากนั้นเธอก็เปิดกล่องใบหนึ่งแล้วหยิบสิ่งที่เหมือนผ้าออกมา แล้วเธอก็เอาหน้าซุกลงไป

 

 

หางของเธอสะบัดไปมาอย่างแรง

 

 

“นายท่าน นายท่านนนนนนนนนนนนนนน~~”

 

 

….รู้สึกเหมือนจะไปเห็นสิ่งไม่ควรเห็นเข้าแฮะ

 

 

คราวหน้าทำกำแพงเป็นห้องตรงมุมนั้นไว้ดีกว่าบางทีมันอาจจะดีกว่าสำหรับเธอก็ได้

 

 

“พื้นที่ตรงนี้เป็นของเฟรา!”

 

 

“คิ้ว”

 

 

“อะไรกันเจ้าว่าเจ้าเห็นก่อนงั้นเหรอ!?”

 

 

“คิ้ว”

 

 

“ใครเร็วกว่าก็ได้ก่อนสิ เจ้าควรไปตรงนู้นนะ!”

 

 

“คิ้ว”

 

 

“อะไรกันจะไฟต์งั้นเหรอ!”

 

 

อีกมุมหนึ่งเฟรากับแพนด้ากำลังนัวแย่งที่กันอยู่ แต่เพราะแพนด้าตัวใหญ่กว่าเฟราจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป

 

 

“ก็ได้เฟราจะไปมุมอื่น!”

 

 

“คิ้ว”

 

 

“ทำไมเจ้ายังตามมาอีกล่ะ หรือว่าจุดประสงค์คือมาขวางทางกันตั้งแต่แรก!?”

 

 

“คิ้ว คิ้ว คิ้ว~”

 

 

“เจ้าขนมปังบ้านี่!! เข้ามาเล๊ยยยยย!!”

 

 

ทั่งคู่เริ่มใส่กันอีกรอบ

 

 

พวกเขาดูสนิทกันดีนะ แพนด้าคงดีใจที่มีเพื่อน

 

 

“ตอนนี้คงเลือกที่กันได้แล้วสินะ เอาล่ะกลับขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”

 

 

“ค่ะ”

 

 

“เรียบร้อยแล้ว”

 

 

“คิ้ว”

 

 

 

 

เราเก็บสัมภาระและออกจากบ้าน

 

 

หลังจากล๊อกประตูบ้านฉันก็ส่งกุญแจให้คุณโจนาธาน

 

 

“คุณจะไปไหนต่อ?”

 

 

“ตอนนี้พวกเราว่าจะไปที่กรีจิท ถ้าหากมีอะไรผมจะติดต่อคุณผ่านกิลด์”

 

 

“ฉันจะบอกอีกครั้งนะ อย่าไปสร้างปัญหาในประเทศอื่นล่ะ เพราะคุณเป็นผู้กล้าที่ได้รับตำแหน่งในประเทศนี้”

 

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

 

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันอยู่ในเมืองหลวง

 

 

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราต้องจากไปแล้ว

 

 

ฉันรู้สึกเหมือนจะทำตัวขี้เกียจไปหน่อย แต่นี่ก็เป็นการเดินทางของฉันเหมือนกัน

 

 

กินอาหารอร่อย มองหาสถานที่น่าสนใจ และใช้เวลากับเพื่อน

 

 

นั่นแหล่ะคือ “มันยูเรียวดัง”

 

 

“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”

 

 

“โอ้รักษาสุขภาพด้วย”

 

 

ฉันจับมือกับคุณโจนาธาน

 

 

เขาดูแลฉันเป็นอย่างดี

 

 

ครั้งหน้าที่เจอกันหวังว่าจะได้คุยกันอีก

 

 

“หืม? ก้อนขาวๆนี่มันอะไรน่ะ?

 

 

“คิ้ว”

 

 

“อุก!”

 

 

แพนด้าหมุนรอบตัวเขาจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ท้องเขา

 

 

อาจจะเป็นวิธีกล่าวคำอำลาของแพนด้า

 

 

ยังไงก็ตามคุณโจนาธานเอามือกุมท้องร่วงลงไปกองที่พื้น บางทีเขาอาจไม่ทันคาดคิดว่าจะโดน

 

 

“ถ้าอย่างนั้นขอโทษกับสิ่งที่แพนด้าทำลงไปนะครับ”

 

 

“ดูท่าจะเจ็บนะคะ”

 

 

“คิ้ว?”

 

 

เราพยายามหลบหนีออกจากเมืองหลวง

 

 

 

 

 

หลังออกจากเมืองหลวงแล้วเราก็เข้าสู่เมืองกรีจิทอย่างปลอดภัย

 

 

กรีจิทเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยป่า และเป็นประเทศลึกลับที่มีตำนานมากมาย

 

 

นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องที่แฟรี่อาศัยที่นี่อยู่อีกด้วย

 

 

และยังมีวิหารของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อีก

 

 

“วันนี้อากาศดีนะ”

 

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน”

 

 

คาเอเดะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง

 

 

เธอดูอารมณ์ดีนะ เห็นได้จากการที่เธอยังยิ้มอยู่ แถมหูและหางของเธอก็ขยับมากกว่าปกติ

 

 

“งืม,งืม”

 

 

“คิ้ว……”

 

 

ในห้องยังมีแพนด้าที่ลอยอยู่และเฟราที่กำลังหลับอยู่บนตัวแพนด้า

 

 

แพนด้าดูหงุดหงิดนะ อาจเป็นเพราะนํ้าลายของเฟรามันไหลลงมาโดนตัวเขา

 

 

“วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านลับของเหล่าแฟรี่หรือเปล่าคะ”

 

 

“นั่นสินะ เพราะมันเป็นไอเดียของเฟรานั่นแหล่ะ”

 

 

“บางทีเธออาจจะอยากให้นายท่านทำอะไรสักอย่างนะคะ”

 

 

“ก็เป็นไปได้นะ เพราะดูเหมือนเธอก็ตามหาฉันอยู่”

 

 

ฉันมองหน้าเฟราแล้วหัวเราะ เพราะหน้าเธอมันเลอะนํ้าลายเต็มไปหมด

 

 

แพนด้าลอยเข้ามาใกล้ๆฉัน ฉันจึงเอานิ้วจิ้มแก้มเฟรา

 

 

“อีก….อือออออออ..อะไรน่ะ! นี่มัน…..กำแพงงั้นเหรอ!?”

 

 

“น่าแปลกนะคะ”

 

 

“แปลกจัง ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย”

 

 

“นายท่านขี้แกล้ง”

 

 

เอาล่ะหมดเวลาเล่นแล้ว

 

 

ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

 

 

จากนั้นก็มองดูที่ชุดเกราะ

 

 

มันสภาพยับเยินมาก ได้เวลาซื้อใหม่แล้วสินะ

 

 

เราแวะที่ร้านขายเกราะก่อนจะไปที่หมู่บ้านแฟรี่ดีกว่า

 

 

“เกราะนายท่านเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”

 

 

“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

 

 

“ฉันว่าฉันมีความคิดดีๆเกี่ยวกับชุดเกราะค่ะ”

 

 

ฉันรู้สึกเดจาวูขึ้นมาทันที

 

 

 

 

ระหว่างทางไปที่หมู่บ้านลับของเหล่าแฟรี่ เราก็แวะที่วิหารอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์

 

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะคาเอเดะ

 

 

เธอบอกว่าเธอมีไอเดียเกี่ยวกับชุด และที่คิดไว้ก็คือเกราะศักดิ์สิทธิ์

 

 

“เราแวะที่วิหารแล้วเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มาแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ฉันต้องการตอนนี้คือเกราะ”

 

 

“นายท่านจำได้มั้ยคะ ตอนแรกที่นายท่านได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มามันเป็นดาบมือเดียว”

 

 

มันก็จริงแต่มันไม่ใช่เกราะนะ

 

 

“โดยปกติมันจะถูกเรียกว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วอาวุธศักดิ์สิทธิ์มีคุณสมบัติที่ไม่ถูกจำกัดด้วยรูปร่าง หากคุณต้องการมันสามารถกลายเป็นดาบ หอก โล่ หรือแม้แต่ชุดเกราะได้ค่ะ”

 

 

“แต่ไม่เห็นดาบใหญ่มันกลายเป็นดาบมือเดียวเลยนะ”

 

 

“แน่นอนค่ะว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระตลอดเวลา มันจะอยู่ในรูปร่างที่คุณต้องการเมื่อคุณดึงมันออกมาจากแท่น”

 

 

ฉันพอจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดแล้วล่ะ

 

 

ฉันแค่ต้องนึกถึงชุดเกราะตอนฉันดึงมันออกมา

 

 

เท่าที่ได้ยินมา ไม่เคยมีผู้กล้าคนไหนครอบครองอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสองชิ้น

 

 

แม้แแต่ผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียว

 

 

“ไม่เป็นอะไรค่ะ นายท่านก็คือนายท่าน”

 

 

“ทำไมเธอถึงเชื่อใจในตัวฉันขนาดนั้น”

 

 

เฟราบนหลังแพนด้าก็กอดอกพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

แล้วทำไมเธอถึงเห็นด้วยกับคาเอเดะล่ะ?

 

 

“ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ”

 

 

วิหารนี้คล้ายกับที่อยู่ในริบิโอ้ของเมืองอารุมันมาก

 

 

ตัวอาคารเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีบรรยากาศที่ดูศักดิ์สิทธิ์และอธิบายไม่ได้

 

 

ฉันคิดว่าเหตุผลที่ไม่มีคนเข้ามาปกป้องที่นี่คงเป็นเพราะบรรยากาศของมันที่ทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้

 

 

“นายท่าน”

 

 

“รอยเท้า!?”

 

 

ฉันสังเกตุเห็นมันเพราะคาเอเดะชี้ให้ดู

 

 

เป็นรอยเท้าหลายรอยที่มุ่งหน้าเข้าไปในวิหาร

 

 

ดูจากจำนวนน่าจะมีสี่คน [ อิอิ ]

 

 

บางทีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อาจถูกนำออกไปแล้ว

 

 

ฉันไปที่ประตูและเปิดมันออก

 

 

ครืด

 

 

กิ๊ง

 

 

แสงไฟสลัวสองเข้ามาที่ทางเดินอันมืดมิด

 

 

ฉันเดินเข้าไปที่ด้วยหลังของวิหาร

 

 

“มันยังอยู่ค่ะ”

 

 

“ยังอยู่”

 

 

“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เอามันไป”

 

 

“คิ้ว~”

 

 

ดาบมือเดียวที่ปักอยู่บนพื้นส่งแสงสว่างเจิดจ้าจากไฟที่ถูกส่องเข้ามาผ่านกระจกหลากสี

 

 

เป็นไปได้มั้ยที่จะครอบครองอุปกรณ์ศักดิ์สิทธ์ถึงสองชิ้น

 

 

ฉันไม่ได้สงสัย ฉันแต่ไม่อยากเชื่อ

 

 

หรือมีเพียงแค่ฉันที่ไม่รู้ บางทีอาจจะมีคนที่ดึงอันที่สองอันที่สามได้โดยที่ไม่มีใครรู้

 

 

ถ้ามันถูกเรียกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงว่าอันที่2ก็เคยมีคนดึงออกไปได้  ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติศาสตร์เท่าไหร่

 

 

ถ้าดึงออกมาเดี๋ยวก็คงรู้เองแหล่ะ

 

 

ฉันมายืนอยู่ข้างหน้าดาบ

 

 

ฉันจับด้ามดาบแล้วปรับลมหายใจ

 

 

“เอาล่ะนะ”

 

 

“ค่ะ”

 

 

เสียงคาเอเดะตอบกลับอย่างมั่นใจ

 

 

Options

not work with dark mode
Reset