ฉันรู้สึกว่าฉันมาถึงที่ไหนสักที่ แต่เพราะมันมืดฉันจึงมองไม่เห็นอะไรเลย
วิ้งงงงง
คอร์สีขาวที่กลางห้องก็เริ่มส่องแสงออกมา มันสว่างไปทั่วทั้งห้อง
“ฮิ๊ย๊าาา”
“นี่มันที่ไหนกันน่ะ !? ดันเจี้ยน!?”
[ ห้องของฉัน ] เป็นห้องที่มีขนาดกว้างพอสมควร
มันกว้างประมาณ 100 ตารางเมตร และสูงมากกว่า 10 เมตร
แหล่งกำเนิดแสงก็คือคอร์ที่กลางห้องซึ่งมันเป็นคริสตัล แต่มันสว่างอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าแสงถูกส่องออกมาจากทั่วทั้งห้อง
“ถ้าคอร์อยู่ที่นี่แสดงว่า….”
ฉันเปิดหน้าต่างสเตตัสและตรวจสอบชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน
น่าแปลกที่ชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนมีคอร์สีนํ้าเงินอยู่
เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างกัน
นอกจากนั้นห้องนี้ก็ตั้งอยู่ด้านล่างของชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน
ซึ่งอาจจะเรียกห้องนี้ว่าชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนก็ได้
บันไดทางลงนั้นจะถูกซ่อนไว้ด้วยประตูลับซึ่งนักผจญภัยทั่วไปคงหาไม่พบ
ฉันมองดูภายในห้องและเกิดความคิดขึ้นมา
บางทีเราอาจเปลี่ยนห้องนี้เป็นคลังเก็บของ?
ในอนาคตก็ยังมีอะไรอีกมากมาย และกระเป๋าเก็บของเวทมนตร์ของเราก็ใกล้จะเต็มแล้วด้วย
หาดฉันเก็บของไว้ที่นี่ ฉันก็สามารถรวบรวมสิ่งของได้มากเท่าที่ต้องการ
ฉันตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเดินทางและเงินบางส่วนไว้ที่นี่
“นายท่านฉันขอพื้นที่บางส่วนตัวนี้หน่อยได้มั้ยคะ?”
“อื้มเอาเลย อยากใช้แค่ไหนก็ตามใจเลย”
“แค่นิดหน่อยก็พอค่ะ”
“?”
คาเอเดะนำกล่องที่ไว้ใช้ใส่ข้าวของประจำตัวของเธอจากกระเป๋าเวทมนตร์ออกมา และวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
เธอยังหยิบกล่องที่ฉันไม่เคยเห็นออกมาไว้ที่มุมห้องอีกด้วย
จากนั้นเธอก็เปิดกล่องใบหนึ่งแล้วหยิบสิ่งที่เหมือนผ้าออกมา แล้วเธอก็เอาหน้าซุกลงไป
หางของเธอสะบัดไปมาอย่างแรง
“นายท่าน นายท่านนนนนนนนนนนนนนน~~”
….รู้สึกเหมือนจะไปเห็นสิ่งไม่ควรเห็นเข้าแฮะ
คราวหน้าทำกำแพงเป็นห้องตรงมุมนั้นไว้ดีกว่าบางทีมันอาจจะดีกว่าสำหรับเธอก็ได้
“พื้นที่ตรงนี้เป็นของเฟรา!”
“คิ้ว”
“อะไรกันเจ้าว่าเจ้าเห็นก่อนงั้นเหรอ!?”
“คิ้ว”
“ใครเร็วกว่าก็ได้ก่อนสิ เจ้าควรไปตรงนู้นนะ!”
“คิ้ว”
“อะไรกันจะไฟต์งั้นเหรอ!”
อีกมุมหนึ่งเฟรากับแพนด้ากำลังนัวแย่งที่กันอยู่ แต่เพราะแพนด้าตัวใหญ่กว่าเฟราจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
“ก็ได้เฟราจะไปมุมอื่น!”
“คิ้ว”
“ทำไมเจ้ายังตามมาอีกล่ะ หรือว่าจุดประสงค์คือมาขวางทางกันตั้งแต่แรก!?”
“คิ้ว คิ้ว คิ้ว~”
“เจ้าขนมปังบ้านี่!! เข้ามาเล๊ยยยยย!!”
ทั่งคู่เริ่มใส่กันอีกรอบ
พวกเขาดูสนิทกันดีนะ แพนด้าคงดีใจที่มีเพื่อน
“ตอนนี้คงเลือกที่กันได้แล้วสินะ เอาล่ะกลับขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”
“ค่ะ”
“เรียบร้อยแล้ว”
“คิ้ว”
◇
เราเก็บสัมภาระและออกจากบ้าน
หลังจากล๊อกประตูบ้านฉันก็ส่งกุญแจให้คุณโจนาธาน
“คุณจะไปไหนต่อ?”
“ตอนนี้พวกเราว่าจะไปที่กรีจิท ถ้าหากมีอะไรผมจะติดต่อคุณผ่านกิลด์”
“ฉันจะบอกอีกครั้งนะ อย่าไปสร้างปัญหาในประเทศอื่นล่ะ เพราะคุณเป็นผู้กล้าที่ได้รับตำแหน่งในประเทศนี้”
“เข้าใจแล้วครับ”
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันอยู่ในเมืองหลวง
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราต้องจากไปแล้ว
ฉันรู้สึกเหมือนจะทำตัวขี้เกียจไปหน่อย แต่นี่ก็เป็นการเดินทางของฉันเหมือนกัน
กินอาหารอร่อย มองหาสถานที่น่าสนใจ และใช้เวลากับเพื่อน
นั่นแหล่ะคือ “มันยูเรียวดัง”
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
“โอ้รักษาสุขภาพด้วย”
ฉันจับมือกับคุณโจนาธาน
เขาดูแลฉันเป็นอย่างดี
ครั้งหน้าที่เจอกันหวังว่าจะได้คุยกันอีก
“หืม? ก้อนขาวๆนี่มันอะไรน่ะ?
“คิ้ว”
“อุก!”
แพนด้าหมุนรอบตัวเขาจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ท้องเขา
อาจจะเป็นวิธีกล่าวคำอำลาของแพนด้า
ยังไงก็ตามคุณโจนาธานเอามือกุมท้องร่วงลงไปกองที่พื้น บางทีเขาอาจไม่ทันคาดคิดว่าจะโดน
“ถ้าอย่างนั้นขอโทษกับสิ่งที่แพนด้าทำลงไปนะครับ”
“ดูท่าจะเจ็บนะคะ”
“คิ้ว?”
เราพยายามหลบหนีออกจากเมืองหลวง
หลังออกจากเมืองหลวงแล้วเราก็เข้าสู่เมืองกรีจิทอย่างปลอดภัย
กรีจิทเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยป่า และเป็นประเทศลึกลับที่มีตำนานมากมาย
นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องที่แฟรี่อาศัยที่นี่อยู่อีกด้วย
และยังมีวิหารของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อีก
“วันนี้อากาศดีนะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน”
คาเอเดะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง
เธอดูอารมณ์ดีนะ เห็นได้จากการที่เธอยังยิ้มอยู่ แถมหูและหางของเธอก็ขยับมากกว่าปกติ
“งืม,งืม”
“คิ้ว……”
ในห้องยังมีแพนด้าที่ลอยอยู่และเฟราที่กำลังหลับอยู่บนตัวแพนด้า
แพนด้าดูหงุดหงิดนะ อาจเป็นเพราะนํ้าลายของเฟรามันไหลลงมาโดนตัวเขา
“วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านลับของเหล่าแฟรี่หรือเปล่าคะ”
“นั่นสินะ เพราะมันเป็นไอเดียของเฟรานั่นแหล่ะ”
“บางทีเธออาจจะอยากให้นายท่านทำอะไรสักอย่างนะคะ”
“ก็เป็นไปได้นะ เพราะดูเหมือนเธอก็ตามหาฉันอยู่”
ฉันมองหน้าเฟราแล้วหัวเราะ เพราะหน้าเธอมันเลอะนํ้าลายเต็มไปหมด
แพนด้าลอยเข้ามาใกล้ๆฉัน ฉันจึงเอานิ้วจิ้มแก้มเฟรา
“อีก….อือออออออ..อะไรน่ะ! นี่มัน…..กำแพงงั้นเหรอ!?”
“น่าแปลกนะคะ”
“แปลกจัง ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย”
“นายท่านขี้แกล้ง”
เอาล่ะหมดเวลาเล่นแล้ว
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็มองดูที่ชุดเกราะ
มันสภาพยับเยินมาก ได้เวลาซื้อใหม่แล้วสินะ
เราแวะที่ร้านขายเกราะก่อนจะไปที่หมู่บ้านแฟรี่ดีกว่า
“เกราะนายท่านเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ฉันว่าฉันมีความคิดดีๆเกี่ยวกับชุดเกราะค่ะ”
ฉันรู้สึกเดจาวูขึ้นมาทันที
◇
ระหว่างทางไปที่หมู่บ้านลับของเหล่าแฟรี่ เราก็แวะที่วิหารอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะคาเอเดะ
เธอบอกว่าเธอมีไอเดียเกี่ยวกับชุด และที่คิดไว้ก็คือเกราะศักดิ์สิทธิ์
“เราแวะที่วิหารแล้วเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มาแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ฉันต้องการตอนนี้คือเกราะ”
“นายท่านจำได้มั้ยคะ ตอนแรกที่นายท่านได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มามันเป็นดาบมือเดียว”
มันก็จริงแต่มันไม่ใช่เกราะนะ
“โดยปกติมันจะถูกเรียกว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วอาวุธศักดิ์สิทธิ์มีคุณสมบัติที่ไม่ถูกจำกัดด้วยรูปร่าง หากคุณต้องการมันสามารถกลายเป็นดาบ หอก โล่ หรือแม้แต่ชุดเกราะได้ค่ะ”
“แต่ไม่เห็นดาบใหญ่มันกลายเป็นดาบมือเดียวเลยนะ”
“แน่นอนค่ะว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระตลอดเวลา มันจะอยู่ในรูปร่างที่คุณต้องการเมื่อคุณดึงมันออกมาจากแท่น”
ฉันพอจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดแล้วล่ะ
ฉันแค่ต้องนึกถึงชุดเกราะตอนฉันดึงมันออกมา
เท่าที่ได้ยินมา ไม่เคยมีผู้กล้าคนไหนครอบครองอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสองชิ้น
แม้แแต่ผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียว
“ไม่เป็นอะไรค่ะ นายท่านก็คือนายท่าน”
“ทำไมเธอถึงเชื่อใจในตัวฉันขนาดนั้น”
เฟราบนหลังแพนด้าก็กอดอกพยักหน้าเห็นด้วย
แล้วทำไมเธอถึงเห็นด้วยกับคาเอเดะล่ะ?
“ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ”
วิหารนี้คล้ายกับที่อยู่ในริบิโอ้ของเมืองอารุมันมาก
ตัวอาคารเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีบรรยากาศที่ดูศักดิ์สิทธิ์และอธิบายไม่ได้
ฉันคิดว่าเหตุผลที่ไม่มีคนเข้ามาปกป้องที่นี่คงเป็นเพราะบรรยากาศของมันที่ทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้
“นายท่าน”
“รอยเท้า!?”
ฉันสังเกตุเห็นมันเพราะคาเอเดะชี้ให้ดู
เป็นรอยเท้าหลายรอยที่มุ่งหน้าเข้าไปในวิหาร
ดูจากจำนวนน่าจะมีสี่คน [ อิอิ ]
บางทีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อาจถูกนำออกไปแล้ว
ฉันไปที่ประตูและเปิดมันออก
ครืด
กิ๊ง
แสงไฟสลัวสองเข้ามาที่ทางเดินอันมืดมิด
ฉันเดินเข้าไปที่ด้วยหลังของวิหาร
“มันยังอยู่ค่ะ”
“ยังอยู่”
“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เอามันไป”
“คิ้ว~”
ดาบมือเดียวที่ปักอยู่บนพื้นส่งแสงสว่างเจิดจ้าจากไฟที่ถูกส่องเข้ามาผ่านกระจกหลากสี
เป็นไปได้มั้ยที่จะครอบครองอุปกรณ์ศักดิ์สิทธ์ถึงสองชิ้น
ฉันไม่ได้สงสัย ฉันแต่ไม่อยากเชื่อ
หรือมีเพียงแค่ฉันที่ไม่รู้ บางทีอาจจะมีคนที่ดึงอันที่สองอันที่สามได้โดยที่ไม่มีใครรู้
ถ้ามันถูกเรียกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงว่าอันที่2ก็เคยมีคนดึงออกไปได้ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติศาสตร์เท่าไหร่
ถ้าดึงออกมาเดี๋ยวก็คงรู้เองแหล่ะ
ฉันมายืนอยู่ข้างหน้าดาบ
ฉันจับด้ามดาบแล้วปรับลมหายใจ
“เอาล่ะนะ”
“ค่ะ”
เสียงคาเอเดะตอบกลับอย่างมั่นใจ