ถึงแม้หานเซิ่นจะรู้สึกสงสารเหล่าทาส แต่นี่คือความเป็นจริงในจักรวาลนี้ มันไม่ใช่ว่าการเข้าไปช่วยทาสเพียงไม่กี่คนจะแก้ไขปัญหานี้ได้
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าในหมู่ทาสเหล่านั้นมีเด็กอยู่หลายคน พวกเขาทุกคนถูกใส่กุญแจข้อมือข้อเท้า พวกเขาเหมือนกับหมาแมวที่ถูกไล่ให้เดินไปข้างหน้า หานเซิ่นส่ายหัวเมื่อเห็นแบบนั้น
เมื่อมิสเตอร์หยางเห็นท่าทางของหานเซิ่น เขาก็ถอนหายใจและพูด
“เมื่อก่อนผู้คนไม่ได้ถูกแบ่งเป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำ แต่ด้วยเทพสปิริตและโลหิตชีพจร ในยุคสมัยนี้จึงมีการแบ่งแยกเกิดขึ้น”
ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กผู้หญิง “แม่… แม่…”
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นแม่วัยสาวล้มลงไปกับพื้น การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามาและใช้แส้ในมือฟาดใส่เธอ
แม่วัยสาวคนนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกอดเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้และปล่อยให้แส้ฟาดมาถูกแค่เธอเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นมาจับแส้เอาไว้ มันคือมือของชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและการที่เขามีกุญแจข้อมือข้อเท้าอยู่ มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหนึ่งในทาสที่ถูกขาย
“เจ้าควรรู้จักการให้อภัย ถึงจะฆ่าพวกนางไปก็ไม่เป็นผลดีอะไรต่อเจ้า เจ้ามีแต่จะสูญเสียรายได้” ชายวัยกลางคนปล่อยแส้ไปขณะที่เขาพูดกับการ์ดคนนั้น
การ์ดนั้นมักจะชอบรังแกทาส ตอนนี้เมื่อมีทาสคนหนึ่งกล้าหือกับเขา เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายหมิ่นเกียรติของเขา เขาฟาดแส้ใส่ทาสคนนั้นพร้อมกับขึ้นเสียงว่า “ข้ายินดีที่จะฟาดแส้ใส่พวกเจ้าจนตาย!”
ชายวัยกลางคนยอมรับแส้ที่ฟาดเข้ามา ทำให้มีรอยเลือดปรากฏบนร่างกายของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ปล่อยให้แส้ฟาดไปถูกแม่ลูกคู่นั้น เขายังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นแบบนั้นการ์ดก็รู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาออกแรงมากขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเจ้าอยากตายมากนัก ข้าก็จะทำให้เจ้าสมหวังเอง”
ทันใดนั้นข้อมือของเขากก็ถูกจับเอาไว้โดยมือของใครบางคน มันทำให้เขาไม่สามารถฟาดแส้ได้อีกต่อไป
“เจ้ากำลังทำอะไร?” การ์ดเห็นว่าคนที่เข้ามาหยุดเขาเอาไว้นั้นไม่ใช่ทาส แต่เป็นคนที่โดยสารยานอวกาศมาด้วยกัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิบัติกับหานเซิ่นอย่างเลวร้ายเช่นเดียวกับที่เขาทำกับเหล่าทาส
“พวกเขาทั้งสามคนนี้ราคาเท่าไหร่? ข้าจะซื้อตัวพวกเขา”
หานเซิ่นปล่อยมือและชี้ไปที่ชายวัยกลางคน แม่วัยสาวและลูกของเธอ
“ต้องการจะซื้อทาสทั้งสามคนนี้อย่างนั้นหรอ?” คนที่ดูเหมือนกับผู้จัดการเดินเข้ามาและตรวจเช็คหานเซิ่น
“ผู้จัดการเหวิน!” การ์ดรีบโค้งคำนับคนๆนั้น เขาปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทมากๆ
“ใช่” หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า
ผู้จัดการเหวินจ้องไปที่หานเซิ่นอยู่ชั่วครู่และยิ้ม “ทาสพวกนี้เป็นทาสสำหรับเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกราคาที่สูงกว่าพวกเขามา” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
ผู้จัดการเหวินดูดีใจที่ได้รู้ว่าวันนี้เขาได้พบกับเศรษฐีคนหนึ่งเข้า เขาคิดกับตัวเอง ‘ในเมื่อหมูอ้วนตัวหนึ่งเสนอหน้ามาถึงที่… แบบนี้ข้าคงจะไม่โก่งราคาก็ไม่ได้แล้ว’
ที่ผู้จัดการเหวินพูดเป็นความจริง ทาสเหล่านี้เป็นทาสสำหรับเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ และโดยปกติแล้วในระหว่างการขนส่งทาสนั้นมักจะมีทาสตายไปคนสองคนเสมอ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงนำทาสมามากกว่าที่จำเป็นเพื่อจะได้มีทาสสำรองเอาไว้
ในครั้งนี้เขามีทาสสำรองอยู่หลายคน ดังนั้นถ้ามีคนยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่า เขาก็ไม่รังเกียจที่จะขายทาสทั้งสามคน
“เจ้ากำลังสร้างปัญหาให้กับข้า” ผู้จัดการเหวินตัดสินใจจะโก่งราคาหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงพยายามทำเหมือนกับนี่เป็นเรื่องที่ยากมากๆ
หานเซิ่นมองไปที่ผู้จัดการเหวินและถาม “ราคาเท่าไหร่ถึงจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้า?”
ในที่สุดผู้จัดการเหวินก็ยิ้มและพูด “เห็นแก่ที่เจ้าต้องการพวกเขาจริงๆ ข้าก็จะขายพวกเขาให้กับเจ้าในราคาต่ำ จ่ายมาสามพันฉิน เจ้าเอาพวกเขาทั้งสามไปได้เลย และถ้าทางทางเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ต้องการคำอธิบาย ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“สามพันฉินจะไม่สูงเกินไปหน่อยหรอ?” มิสเตอร์หยางพูดขึ้นมา ในราคาตลาด ทาสผู้ใหญ่มักจะราคาแค่ห้าสิบถึงหกสิบฉินเท่านั้น แม้แต่ทาสคนหนุ่มสาวก็จะมีราคาไม่เกินร้อยฉิน ยิ่งทาสที่ส่งตัวมาเป็นกลุ่มจะมีราคาที่ถูกยิ่งกว่า ทาสสามคนในราคาสามพันฉิน ไม่ว่าดูยังไงราคามันก็สูงเกินไป
“เจ้าจะพูดแบบนั้นไม่ได้ พวกเขาเหล่านี้เป็นทาสที่เซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ต้องการ ที่ข้ายอมขายพวกเขาให้กับพวกเจ้าก็ถือว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมากแล้ว” ก่อนที่ผู้จัดการเหวินจะพูดจบ หานเซิ่นก็พูดขัดขึ้นมา
เขาพูดกับมิสเตอร์หยางว่า “มิสเตอร์หยาง มอบเงินให้กับเขา ข้าต้องการทั้งสามคนนี้”
มิสเตอร์หยางเชื่อว่าถูกโก่งราคา แต่ในเมื่อหานเซิ่นยอมตกลง เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมอบเงินสามพันฉินให้กับผู้จัดการเหวิน
“เจ้าเป็นคนฉลาด ถ้าเจ้ายังต้องการอะไรอีก เจ้ามาหาข้าได้” ผู้จัดการเหวินพูด ขณะที่เขารับเงินจากมิสเตอร์หยาง สีหน้าของเขาดูดีใจมากๆ
มันก็แค่ทาสสามคน พวกเขาไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก ถึงอย่างนั้นผู้จัดการเหวินกลับสามารถขายทาสทั้งสามในราคาที่สูงกว่าราคาปกติถึงร้อยเท่า ผู้จัดการเหวินจึงยิ่งกว่ายินดีที่จะมอบสัญญาทาสของทั้งสามคนให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นรับสัญญาทาสมาและส่งมันไปให้กับมิสเตอร์หยาง หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปพยุงแม่และลูกสาวขึ้นมา
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” หานเซิ่นหันไปถามชายวัยกลางคน
“ขอบคุณ นายน้อยมากที่ช่วยข้าเอาไว้ ชื่อของข้าคือเจียงปู้กู่” ชายวัยกลางคนพูด
หลังจากที่ได้ยินชื่อนั้น ทุกคนที่อยู่รอบๆก็ดูตกใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นการ์ดที่ฟาดแส้ใส่เหล่าทาสก็มีสีหน้าดูถูกและพูดขึ้นว่า
“เจ้าเป็นแค่ทาส แต่เจ้าใช้ชื่อว่าเจียงปู้กู่ เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะตัดหัวของเจ้าหรือยังไง?”
คนอื่นๆหัวเราะและพูด “ทาสคนนี้กล้ามาก เขาใช้ชื่อเดียวกันกับราชครูของอาณาจักรฉิน ถึงพวกเขาจะชื่อว่าเจียงปู้กู่เหมือนกัน แต่ชีวิตของพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งเป็นราชครูที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรฉิน ส่วนอีกคนเป็นแค่ทาสราคาถูก”
ผู้จัดการเหวินเองก็คิดว่ามันตลก “คาดไม่ถึงว่าชื่อของทาสคนนี้คือเจียงปู้กู่ แต่ถ้าเขาขายได้ในราคาสามพันฉิน ข้าก็ไม่สนใจว่าเขาจะมีชื่อว่าอะไร”
ด้วยการที่ทุกคนพูดถึงมัน หานเซิ่นก็ได้เข้าใจถึงที่มาของชื่อเจียงปู้กู่ ราชครูเป็นหนึ่งในสามเจ้าหน้าที่หลักของอาณาจักร ในตอนที่พระราชายังเด็กเกินไปหรือไม่มีใครครองบัลลังก์นั้น ราชครูก็จะเป็นคนที่รับหน้าที่ปกครองอาณาจักรชั่วคราว
เจียงปู้กู่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ราชครู เขายังเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของอาณาจักรฉิน แต่เมื่อสิบปีก่อนเจียงปู้กู่ได้หายตัวไป และไม่มีใครได้ยินเกี่ยวกับเขามาเป็นเวลานานแล้ว
ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าทาสตรงหน้าของพวกเขาจะเป็นเจียงปู้กู่นักดาบอันดับหนึ่งของอาณาจักรฉิน
หานเซิ่นเองก็ไม่รู้ว่าคนๆนี้จะใช่เจียงปู้กู่ตัวจริงหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่เขาสามารถบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นคนที่พิเศษ ถึงจะดูเงียบๆ แต่ออร่าของเขาแตกต่างไปจากของคนอื่นๆ
หลี่ปิงหยูสังเกตเจียงปู้กู่อย่างละเอียด เธอเองก็ไม่เชื่อว่าเจียงปู้กู่จะกลายเป็นทาสไปได้ แต่ขณะที่เธอสังเกตเขา เธอก็รู้สึกว่าทาสคนนี้ดูคุ้นๆ
ถึงแม้หลี่ปิงหยูจะไม่เคยพบเจียงปู้กู่มาก่อน แต่มันมีภาพวาดของเจียงปู้กู่อยู่ในพระราชวังหวูเว่ยเต๋า ชายวัยกลางคนๆนี้ดูแก่กว่าเจียงปู้กู่ในภาพวาดอยู่เล็กน้อย และเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกที่สูงส่งเหมือนอย่างเจียงปู้กู่ในภาพวาด แต่เมื่อเธอมองดูดีๆ คิ้วของเขาดูคล้ายคลึงมากๆ